เสน่ห์คมดาบ – ตอนที่ 199

องค์ชายบานาสและหญิงสาวเงยหน้ามองกาดาร์อย่างไม่เข้าใจว่าเขาคิดจะทำอะไร ชีอ้าวชวางและเหลิ่งหลิงยวิ๋นก็ขมวดคิ้วแล้วเหลือบมองกาดาร์ที่กำลังเดินมาทางพวกเขา

 

 

“สวัสดีทั้งสองท่าน ข้าขอนั่งผิงไฟอยู่ตรงนี้ด้วยได้หรือไม่?” ใบหน้าของกาดาร์มีรอยยิ้มปรากฏขึ้น

 

 

องค์ชายบานาสกะพริบตา นี่เขาไม่ได้ตาฝาดไปใช่หรือไม่? ผู้ชายที่ทำหน้าตายไปวันๆ ยิ้มได้ด้วยหรือ? เหล่าอัศวินของขององค์ชายบานาสก็อึ้งไปเช่นกัน นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นชายผู้สูงส่งและหยิ่งผยองผู้นี้เข้าไปคุยกับผู้อื่นก่อน แถมยังเป็นคนที่ไม่รู้จักกันอีกด้วย! สีหน้าของหญิงสาวข้างกายองค์ชายบานาสเรียบนิ่งแล้วเหลือบมองไปทางนั้น

 

 

แต่คำตอบของชีอ้าวชวางทำให้กาดาร์นิ่งอึ้งไป

 

 

“ไม่ได้หรอก ขอโทษนะ ตรงนี้ไม่มีที่ให้เจ้านั่งแล้ว” ชีอ้าวชวางจิบชาแล้วตอบอย่างสบายๆ โดยที่ไม่ได้มองกาดาร์เลยสักนิด

 

 

“แต่ว่า ตรงนี้ก็มีที่อีกตั้งเยอะไม่ใช่หรือ?” กาดาร์ทำในสิ่งที่องค์ชายอึ้งยิ่งกว่าเดิมไปอีก เขาหย่อนก้นลงนั่งข้างๆ เหลิ่งหลิงยวิ๋นพร้อมกับรอยยิ้ม

 

 

หน้าด้าน! ชีอ้าวชวางรู้สึกไม่พอใจ นางไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวอะไรกับชายผู้นี้ สัญชาตญาณของชีอ้าวชวางบอกว่าคนๆ นี้เซ้าซี้มาก อีกทั้งนางก็ไม่อยากจะมีปัญหาอะไรเพิ่มขึ้นที่นี่ด้วย

 

 

กาดาร์มองชีอ้าวชวางโดยไม่ละสายตา จากนั้นก็พูดประโยคที่ทำให้ชีอ้าวชวางใจเต้นขึ้นมา “คุณหนูท่านนี้ เสียงของเจ้าคล้ายเสียงของเพื่อนข้าคนหนึ่งเลย”

 

 

ตอนที่กาดาร์พูดประโยคนี้ สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ชีอ้าวชวาง คอยสังเกตปฏิกิริยาของนางอยู่

 

 

ชีอ้าวชวางยิ้มด้วยสีหน้าที่ยังคงเดิมอยู่ “งั้นหรือ? ข้าไม่เคยเจอคนที่เหมือนเจ้าเลยจริงๆ นะ” ชีอ้าวชวางหยุดแล้วพูดอีกครั้ง “การจะสร้างความสัมพันธ์ก็น่าจะมีขอบเขตนะ”

 

 

สีหน้าของกาดาร์เปลี่ยนไปแล้วมองหน้าของชีอ้าวชวางอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่มองอย่างไรก็ไม่เห็นความผิดปกติใดๆ เลย สิ่งที่เขาแน่ใจได้ก็คือเสียงของหญิงสาวที่ดูธรรมดาตรงหน้านี้เหมือนกับเสียงของหญิงสาวที่เขาอยากจะสู้ด้วยสักครั้งผู้นั้นมากๆ แคลร์ ฮิลล์ หญิงสาวผู้เป็นประกายดั่งดอกไม้ไฟผู้นั้น เขาไม่เชื่อว่าหญิงสาวผู้นั้นจะฆ่าแม่ของนางเพื่อยอมจำนนให้กับวิหารแห่งแสง หญิงสาวที่ดูธรรมดาตรงหน้าเขาตอนนี้จะเป็นแคลร์ผู้เปล่งประกายได้หรือไม่นะ? กาดาร์มองหน้าชีอ้าวชวางแต่ก็ต้องผิดหวังที่ไม่พบอะไรเลย ผิวหน้าดูเป็นของจริง ไม่ได้มีร่องรอยการเสริมแต่งอะไร และก็ไม่ได้มีร่องรอยของการใช้ยาใดๆ เลย ดูท่าทางตนเองคงจะเข้าใจผิดไปจริงๆ

 

 

“เช่นนั้นข้าคงจะจำคนผิดไป ต้องขอโทษด้วยจริงๆ” กาดาร์ขอโทษด้วยรอยยิ้มแล้วลุกขึ้นเดินไปอีกทาง

 

 

ชีอ้าวชวางและเหลิ่งหลิงยวิ๋นก็ยังคงกินเนื้อย่างและดื่มชากันต่อไปโดยไม่สนใจอะไร สิ่งที่พวกเขาต้องทำในตอนนี้ก็คือรอเบนออกมา

 

 

เวลานี้ทั้งสองฝั่งของปลายเทือกเขาแบ่งออกเป็นฝั่งขององค์ชายบานาสและฝั่งของชีอ้าวชวาง โดยที่ต่างฝ่ายต่างไม่ข้องเกี่ยวกัน

 

 

ค่ำคืนนี้ผ่านไปอย่างเงียบสงบ ไม่มีเรื่องใดๆ

 

 

รุ่งเช้าวันต่อมา แสงอาทิตย์สาดส่องไปทั่วหุบเขาพร้อมกับเสียงนกร้องเจื้อยแจ้ว

 

 

องค์ชายบานาสออกมาจากกระโจมด้วยท่าทางกลัดกลุ้ม เวลานี้เขายังคงเป็นเหมือนเช่นเดิม หญิงสาวที่เขาหลงใหลไม่ยอมให้เขาทำอะไรกับนางเลย

 

 

“ที่รัก…” หญิงสาวคว้าแขนขององค์ชายมากอดไว้แล้วพูด “ท่านยังโกรธข้าอยู่หรือ? ข้าก็บอกท่านแล้วนี่ว่าหากท่านทำสิ่งที่ข้าขอได้ ข้าจะยอมท่านทุกอย่างเลย”

 

 

พอได้สัมผัสกับความนุ่มนวลที่ข้อศอก องค์ชายบานาสก็ทิ้งความหงุดหงิดไปแล้วเอื้อมมือไปโอบหญิงสาวไว้พร้อมทั้งพยักหน้า “ได้สิที่รัก เจ้าพูดแล้วนะ”

 

 

“อื้ม แน่นอนสิที่รัก” หญิงสาวตอบรับอย่างอ่อนโยนแต่ในแววตาปรากฏความเกลียดชังชั่วครู่ก็หายไปแล้วด่าอยู่ในใจ เจ้าหมูน่ารังเกียจนี่คิดว่าตนเองเป็นอะไร ถ้าหากเขาไม่ได้เป็นองค์ชาย เขาก็คงไม่มีตัวตนอะไรเลย เจ้าคนงี่เง่านี่ เดี๋ยวนางก็แค่ให้เขาดึงความสนใจของมังกรไปก็พอแล้ว หึ ขอแค่ตนเองได้สิ่งที่ต้องการก็พอ ส่วนตัวเขาจะเป็นจะตายอย่างไรก็ไม่เกี่ยวข้องกับตนเองทั้งนั้น!

 

 

“ทุกคนตื่นกันได้แล้ว เตรียมตัวออกเดินทาง!” องค์ชายบานาสตะโกนสั่งอย่างเย็นชา

 

 

“นายท่าน พวกเราจะไปที่ไหนกันครับ?” จิตใจของหัวหน้าอัศวินเริ่มไม่สงบแล้ว องค์ชายเจ้าชู้ผู้นี้คงไม่ได้จะไปทำเรื่องโง่ๆ ใช่หรือไม่?

 

 

“ก็เข้าไปในเส้นเลือดมังกรน่ะสิ” องค์ชายบานาสพูด

 

 

หัวหน้าอัศวินอ้าปากค้างแล้วมองไปที่องค์ชายบานาสอย่างไม่อยากจะเชื่อ นี่มันเป็นการเข้าไปตายชัดๆ เลยไม่ใช่หรือ? ต้องทำถึงขนาดนี้เพื่อผู้หญิงเลยงั้นหรือ?

 

 

“เข้าไปดูสักหน่อยแล้วค่อยออกมา” องค์ชายบานาสพูดอย่างรำคาญ แม้ว่าเขาจะเจ้าชู้ แต่ว่าเขาไม่ได้โง่ เขารู้ดีว่าเผ่ามังกรยิ่งใหญ่แค่ไหน แต่ความปรารถนาของสาวสวยผู้นี้ก็แค่อยากเห็นมังกรเท่านั้นเอง เรื่องนี้ไม่ได้ยากอะไรเลย ก็แค่เข้าไปในเส้นเลือดมังกรแล้วพอได้เห็นมังกรเสร็จก็ถอยออกมาก็เท่านั้นเอง

 

 

ไปดูแล้วออกมา? มันง่ายขนาดนั้นเลยหรือ? สายตาของหัวหน้าอัศวินมีประกายความหวาดระแวงเกิดขึ้น หญิงสาวหน้าอกโตไม่มีสมองผู้นั้นแค่อยากจะมาเห็นมังกรงั้นหรือ?

 

 

ในตอนที่พวกเขากินข้าวเช้าและเตรียมตัวเสร็จแล้วก็เห็นว่าชีอ้าวชวางและเหลิ่งหลิงยวิ๋นที่อยู่ตรงข้ามเพิ่งจะออกจากกระโจม

 

 

“ที่รัก เราไปกันเถอะ แค่เข้าไปก็จะได้เห็นมังกรที่เจ้าอยากเห็นมาตลอดแล้ว แต่พวกเราก็ต้องระมัดระวังนะ” องค์ชายบานาสยิ้มแล้วโอบหญิงสาวข้างๆ ยืนมองเหล่าคนของเขาเก็บกระโจม

 

 

“ค่ะ ที่รัก” หญิงสาวยิ้มยั่วยวน ทำให้จิตใจขององค์ชายบานาสยิ่งเบิกบานมีความสุข

 

 

“กาดาร์ เจ้าต้องคอยดูแลความปลอดภัยของข้ากับที่รักของข้าด้วยนะ เข้าใจหรือไม่?” องค์ชายบานาสหันไปพูดกับกาดาร์ด้วยสีหน้าเย็นชา

 

 

กาดาร์พูดเรียบๆ ด้วยสีหน้าที่ยังคงเย็นชาเช่นเดิม “ข้ามีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของท่านเท่านั้น” คำพูดของกาดาร์ชัดเจนแล้วว่าจะคุ้มกันเพียงแค่องค์ชายบานาสผู้เดียวเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับหญิงสาว

 

 

“เจ้า!” สีหน้าขององค์ชายบานาสมืดมนจนแทบจะระเบิดออกมา แต่หญิงสาวดึงแขนของเขาเอาไว้แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ที่รัก ท่านก็ปกป้องข้าสิคะ”

 

 

“อื้มๆ ข้าจะปกป้องเจ้าเองที่รัก” องค์ชายบานาสพยักหน้าติดๆ กัน

 

 

หญิงสาวผู้มีเสน่ห์ยิ้ม แต่ในใจของนางกำลังดูถูกองค์ชายบานาสผู้ไม่เจียมตัวผู้นี้อยู่ ส่วนสายตาของนางก็มองไปที่กาดาร์อย่างมุ่งร้าย ในใจของนางยิ้มเยาะอย่างไม่สนใจ นางไม่ได้คิดที่จะพึ่งการคุ้มกันจากคนเหล่านี้อยู่แล้ว สิ่งที่คนเหล่านี้ต้องทำก็คือการช่วยดึงความสนใจของมังกรไปจากนางเท่านั้น เท่านี้นางก็จะเข้าไปขโมยของสิ่งนั้นได้แล้ว…

 

 

ชีอ้าวชวางขมวดคิ้วมองคนกลุ่มนั้นเก็บข้าวของเสร็จก็เดินทางเข้าไปในเส้นเลือดมังกร

 

 

“อ้าวชวาง เจ้าคิดว่าอย่างไร?” เหลิ่งหลิงยวิ๋นส่งขนมปังให้ชีอ้าวชวางแล้วถาม

 

 

“องค์ชายสมองกลวงนั่นถูกหญิงสาวผู้นั้นยุยงให้เข้าไปในเส้นเลือดมังกร แต่ข้าก็มองไม่ออกหรอกว่าจุดประสงค์ของหญิงผู้นั้นคืออะไร” ชีอ้าวชวางรับขนมปังมากินแล้วพูดเรียบๆ ไป๋ตี้และเฮยหยู่กระโดดโลดเต้นอยู่ในกระโจม เมื่อคืนพวกเขาซ่อนตัวอยู่ในกระโจมตลอดเพื่อไม่ให้คนของทางองค์ชายบานาสเห็นเข้า

 

 

เหลิ่งหลิงยวิ๋นย่อตัวลงแล้วเอาขนมปังส่งเข้าไปในกระโจม เจ้าสองตัวน้อยนั้นก็หยุดกระโดดไปทันที

 

 

“เราตามเข้าไปดูหน่อยดีหรือไม่?” เหลิ่งหลิงยวิ๋นลุกขึ้นยืนแล้วถามเรียบๆ

 

 

“ไม่ต้องรีบหรอก คอยดูไปก่อน” ชีอ้าวชวางมองแผ่นหลังของกลุ่มคนที่ลับตาไปที่ปลายทางของเทือกเขานั้นแล้วพูด กาดาร์ผู้สวมชุดขาวก็ตามเข้าไปเช่นกัน

 

 

“ข้ารู้สึกว่าพวกเขาจะต้องน่าเวทนามากเลยล่ะ” เหลิ่งหลิงยวิ๋นพูดด้วยท่าทีไม่ไยดี

 

 

ชีอ้าวชวางยิ้ม “ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าได้ฟังน้ำเสียงยินดีในความโชคร้ายของผู้อื่นจากปากของบุตรแห่งแสงนะ?”

 

 

“มีด้วยหรือ?” เหลิ่งหลิงยวิ๋นถามกลับอย่างจริงจัง

 

 

จากนั้นไม่นานก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างกะทันหัน

 

 

โฮก…

 

 

เสียงคำรามที่เกรี้ยวกราดของมังกรดังมาจากปลายเทือกเขา

 

 

เหลิ่งหลิงยวิ๋นและชีอ้าวชวางยังคงอยู่ที่เดิม คนพวกนั้นน่าเวทนามากจริงๆ

 

 

หน้าทางเข้าเส้นเลือดมังกร

 

 

มังกรผู้พิทักษ์กำลังคำรามอยู่อย่างโกรธเกรี้ยว

 

 

“เจ้าพวกมนุษย์ต่ำต้อย พวกเจ้าจะต้องชดใช้ค่าโง่ของพวกเจ้า!” มังกรผู้พิทักษ์โกรธมาก เขาปล่อยลมหายใจมังกรน่าหวาดหวั่นกวาดองค์ชายบานาสและทุกๆ คนไป

 

 

“เผ่ามังกรผู้สูงศักดิ์ โปรดฟังข้าอธิบายก่อน” องค์ชายบานาสอยากจะอธิบายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ พวกเขาก้าวเข้ามาในเขตเส้นเลือดมังกรก็ได้พบกับมังกรและได้รับคำเตือนในแบบเดียวกับที่ชีอ้าวชวางเจอ เดิมทีก็คิดว่าเมื่อได้เจอมังกรเพื่อเติมเต็มความปรารถนาของหญิงสาวแล้วก็จะกลับออกไปได้เลย แต่คิดไม่ถึงเลยว่าหญิงสาวผู้นั้นจะโจมตีมังกรด้วยเวทมนตร์ของนาง แม้ว่าจะเป็นเพียงลูกไฟลูกเล็กๆ แต่มันก็เข้าโจมตีเข้าที่จมูกของมังกรผู้ยิ่งใหญ่เต็มๆ เลย นี่ถือว่าเป็นการยั่วโมโหมังกรอย่างไม่ต้องสงสัยเลย หลังจากที่หญิงสาวผู้นั้นทำเช่นนั้นแล้วนางก็ไปหลบอยู่ข้างหลังขององค์ชายบานาสแล้วตะโกนเสียงดังว่าเขาเป็นคนบังคับให้นางทำเช่นนั้น หลังจากที่นางยั่วโมโหมังกรผู้ยิ่งใหญ่สำเร็จก็ทิ้งเขาแล้ววิ่งไปอีกด้านทันที ในที่สุดตอนนี้องค์ชายบานาสก็รู้แล้วว่าเขาถูกใช้เป็นเครื่องมือ แต่ว่าการจะพูดเรื่องเหล่านี้ออกไปก็ดูจะไม่มีประโยนช์แล้ว

 

 

“โง่” กาดาร์ด่าอย่างดูถูกแล้วก้าวไปข้างหน้าเพื่อดึงองค์ชายบานาสแล้ววิ่งออกไปที่ตรงทางเข้าเส้นเลือดมังกร แม้ว่ามังกรตัวนี้จะแข็งแกร่งมาก แต่ด้วยความแข็งแกร่งของกาดาร์ การหลบหนีก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา ทีนี้ก็เหลือแค่เหล่าอัศวินที่อยู่และต้องรับการระบายความโกรธจากลมหายใจของมังกรที่พ่นลงมาที่หัวของพวกเขาไม่หยุด ไม่ช้าพื้นดินตรงนั้นและอัศวินที่แข็งแกร่งน้อยกว่าก็ถูกทำลายลง และเวลานี้อัศวินที่รอดชีวิตอยู่ก็สูญเสียแรงจะต่อสู้ไปโดยสิ้นเชิง พวกเขาก็พากันวิ่งหนีไปที่ทางเข้าเส้นเลือดมังกรอย่างตื่นตระหนก ไม่มีใครเห็นเลยว่าหญิงสาวผู้มีเสน่ห์ผู้นั้นกำลังยิ้มเยาะที่มุมปากอยู่ ทักษะของนางคล่องแคล่วมาก หลังจากที่นางซ่อนอยู่หลังต้นไม้ใหญ่จนรอดพ้นแล้ว นางก็รีบไปให้ไกลจากที่นี่

 

 

ชีอ้าวชวางและเหลิ่งหลิงยวิ๋นเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นกาดาร์ที่หนีบองค์ชายบานาสวิ่งหนีมา ที่ด้านหลังของพวกเขาก็มีเหล่าอัศวินผู้รอดชีวิตกำลังวิ่งตามมาเช่นกัน

Related

เสน่ห์คมดาบ

เสน่ห์คมดาบ

แคลร์ ฮิลล์ คุณหนูใหญ่สุดสำรวยแห่งตระกูลขุนนางชั้นสูงผู้มีชื่อฉาวคาวกะฉ่อนว่าโง่เง่า เอาแต่ใจและบ้าผู้ชายเป็นชีวิตพลัดตกจากหลังม้าขณะไล่ตามองค์ชายสองจนหมดสติ สร้างความอับอายให้กับตระกูลเป็นอย่างยิ่ง กระนั้นเมื่อหญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ท่าทีของนางกลับเปลี่ยนจากหน้ามือไปเป็นหลังเท้า ไม่มีอีกแล้วคุณหนูไร้ยางอายที่คลั่งไคล้การไล่จับบุรุษรูปงาม เรื่องเรียนไม่เอาอ่าว เรื่องงานไม่เอาไหน จะมีก็แต่คุณหนูแคลร์ผู้สงบเสงี่ยมเยือกเย็น สำรวมท่าที และเปี่ยมไปด้วยพลังเวทอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเท่านั้น! เกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูแคลร์คนนั้นกันแน่นะ!?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset