ฟ้าร้องดังขึ้นและเมฆดำดูรุนแรงน่ากลัว
ฟ้าผ่าดังโครมมาจากท้องฟ้า
สายฟ้าอันทรงพลังพุ่งเข้าใส่ดอกบัวสีทองและหายไปในพริบตาอย่างไร้ร่องรอย แคลร์ไม่ขยับ เพราะยังคงมีสายฟ้าเหลืออยู่อีก
สายฟ้าอันถัดไปที่ดูน่ากลัวถูกดูดซับโดยดอกบัวสีทองอย่างง่ายดายอีกครั้ง
“เสร็จแล้ว ท่านแม่ ต่อไปก็ขึ้นอยู่กับท่านแล้ว มดสองตัวนั้นดูน่ารำคาญจริงๆ” ดอกบัวสีทองขนาดใหญ่ที่ห่อหุ้มแคลร์หายไปแล้ว
แคลร์ยืนขึ้นและมองขึ้นไปบนท้องฟ้า เมฆดำบนท้องฟ้ากำลังสลายไปอย่างรวดเร็วเหมือนกับครั้งที่แล้ว
แคลร์เดินไปที่ด้านข้างของเสือดาวลมและไป๋ตี้ นางยื่นมือไปลูบเสือดาวลมด้วยรอยยิ้มลึกลับแล้วพูด “เสี่ยวเปียวเด็กดี”
“เจ้าคือแคลร์ ฮิลล์ใช่หรือไม่?” น้ำเสียงเย็นเยียบดังมาจากระยะไกลๆ
แคลร์เงยหน้าขึ้น เห็นชายหนุ่มในชุดแปลกตามองมาที่ตนเองอย่างเย็นชา ด้านข้างของเขาคืออลิซที่มองมาด้วยใบหน้าที่เย็นชาเช่นกัน แคลร์เลิกคิ้วเบาๆ ชายหนุ่มดูเย็นชาและกระหายเลือด มีเพียงผู้ที่ใช้ชีวิตมาอย่างโชกโชนเกี่ยวข้องกับความเป็นความตายมาเป็นเวลานานเท่านั้นที่จะมีลมหายใจเช่นนี้
ชายผู้นี้เป็นคนอันตราย
“นางคือแคลร์ ฮิลล์” อลิซที่อยู่ข้างๆ รีบพูด นางต้องรีบให้ลูกพี่ลูกน้องฆ่าหญิงเลวผู้นี้ การเปลี่ยนแปลงของท้องฟ้าเมื่อกี้คงจะดึงดูดความสนใจของผู้คนมาก อีกไม่นานก็คงจะมีคนมาตรวจสอบมากขึ้น ถึงเวลานั้นก็จะยิ่งลงมือได้ยาก
“ดีมาก เช่นนั้นเจ้าก็ไปตายซะ” ชายผู้กระหายเลือดพูดแล้วโบกมือเบาๆ โดยไม่ต้องร่ายคาถาใดๆ แล้วหนามแหลมยาวนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นรอบๆ ก้อนหินที่แคลร์อยู่ทันที แคลร์ถูกขังอยู่ภายในนั้น เขาเป็นนักเวทย์ธาตุดินและมีความสามารถในการใช้เวทย์ได้ทันทีโดยไม่ต้องร่ายคาถา
“ตอนนี้เรามาสนุกกันเถอะ” ชายผู้กระหายเลือดหัวเราะเยาะ มีรอยยิ้มโหดร้ายปรากฏขึ้นในดวงตาของอลิซ
“พี่ เร็วเข้า รีบจัดการนังนี่ซะ เดี๋ยวมีคนมาแล้วเราจะเดือดร้อน” อลิซเร่งอย่างกระตือรือร้น
ชายผู้กระหายเลือดเข้าใจเลยว่าอลิซกำลังพูดถึงอะไร ความแปลกประหลาดของท้องฟ้าเมื่อกี้น่าจะดึงดูดผู้คนจำนวนมาก หากมีคนมามากเกินไปก็จะรับมือได้ยาก
“ถ้าเช่นนั้นข้าขะจัดการนางเลย” ชายผู้กระหายเลือดเยาะเย้ยอย่างโหดร้าย โบกมือเรียกธาตุดินเตรียมพร้อมโจมตี หนามตรงพื้นดินที่ล้อมรอบแคลร์อยู่พุ่งเข้ามา มุ่งหมายที่จะทิ่มแทงร่างของแคลร์อย่างดุเดือด
แต่ว่าในช่วงเวลาต่อมา ฉากเลือดสาดกระเซ็นที่ชายผู้กระหายเลือดจินตนาการไว้ก็ไม่ได้ปรากฏขึ้น
แคลร์ส่งเสียงออกมาอย่างเย็นชา นางระเบิดพลังยุทธ์และทำให้หนามที่ปิดกั้นนางอยู่นั้นแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เศษดินกระเด็นไปทุกที่จนฝุ่นฟุ้งดูน่ากลัวไปหมด
“นักดาบขั้นสูง?! เป็นไปได้ยังไง?!” อลิซอุทาน ไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เห็นเลย นังสารเลวนั้นสามารถปล่อยพลังยุทธ์ออกมาได้! จะเป็นไปได้อย่างไร นั่นคือสิ่งที่นักดาบขั้นสูงเท่านั้นที่สามารถทำได้! ไม่ได้เจอหญิงผู้นี้มาไม่นาน นางก็สามารถก้าวมาถึงจุดนี้ได้แล้วหรือ! เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้! อลิซตกใจมาก จิตวิญญาณการต่อสู้ของนางก้าวมาถึงขั้นนี้ แล้วเวทมนตร์ของนางล่ะ? เกิดอะไรขึ้นกับเวทมนตร์ของนังสารเลวผู้นี้?
“เป็นนักรบเวทย์จริงๆ สินะ แต่วันนี้ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถบรรลุอะไรได้อีกเลย” ชายผู้กระหายเลือดเยาะเย้ย ทันใดนั้น มือของเขาก็ประสานเข้าด้วยกัน พลังมหาศาลไหลออกมาจากมือของเขา หนามแหลมคมขนาดใหญ่โผล่ออกมาจากด้านหน้าของเขา จากนั้นก็โจมตีไปที่แคลร์อย่างรวดเร็ว กำแพงหนามอันแหลมคมปรากฏขึ้นบนพื้นทันที มันทั้งดูงดงามและอันตราย
แคลร์พลิกตัวหลบหนามแหลมคม แต่ทันทีที่นางวางฝ่าเท้าลงกับพื้น จู่ๆ พื้นดินใต้เท้าของนางกลายเป็นกระแสน้ำวนเหมือนทรายดูดทำให้เท้าของแคลร์จมลงไป
“กรรร…” เสือดาวลมที่อยู่อีกด้านหนึ่งกระวนกระวายและจะรีบวิ่งมา แต่ถูกหนามแหลมคมขวางไว้ หนามดินแหลมคมพุ่งเข้าหาเสือดาวลม มันหลบอย่างคล่องแคล่ว แต่หนามดินก็ไล่ล่ามันจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง เสือดาวลมหลบได้อย่างคล่องตัวและง่ายดาย แต่ก็อยู่ห่างไกลจากแคลร์ที่กำลังติดอยู่ในทรายดูดไปเรื่อยๆ ส่วนไป๋ตี้ไม่ได้ขยับเลย มันนั่งรออย่างเงียบๆ บนก้อนหินใหญ่ที่มันอยู่ตอนแรกนั้น
“ข้าจะทำให้ที่นี่เป็นหลุมศพของเจ้า” ชายผู้กระหายเลือดพูดพร้อมกับรอยยิ้มอันโหดร้ายบนใบหน้าของเขา
รอยยิ้มแห่งการกดขี่ข่มเหงปรากฏขึ้นในดวงตาของอลิซ จริงๆ ก็ไม่เลวเลยนะที่จะฝังนังสารเลวผู้นี้ทั้งเป็น อลิซกลั้นความอยากหัวเราะเอาไว้ สายตามองไปที่แคลร์ที่จมลึกลงไปในทรายดูด สิ่งที่ทำให้อลิซรำคาญก็คือ แม้ว่าแคลร์จะตกอยู่ในอันตราย แต่นางก็ยังดูสงบมาก ไม่ตกใจหรือหวาดกลัวอะไรเลย
“นังสารเลว! ” อลิซตะโกน “ตอนแรกที่เจ้าเอาอาวุธของข้าไป เคยคิดหรือไม่ว่าจะมีวันนี้? อาวุธของข้าเจ้าสามารถเอาไปได้งั้นหรือ เจ้าจะต้องชดใช้ด้วยชีวิตของเจ้า ข้าจะฝังเจ้าทั้งเป็นเดี๋ยวนี้เลย” อลิซวิ่งไปใกล้ๆ ทรายดูดแล้วมองแคลร์ที่ติดอยู่ข้างในอย่างโหดเ**้ยม
“เท่านี้น่ะหรือ?” แคลร์ยิ้มอย่างเยือกเย็น นางโบกมือเบาๆ กำลังจะร่ายคาถา แต่จู่ๆ เสียงของดอกบัวสีทองก็ดังขึ้นในใจ
“ท่านแม่! ท่านต้องจดจ่ออยู่กับธาตุดินรอบตัวท่าน! สั่งพวกมันซะ จำเอาไว้ ต้องออกคำสั่งไม่ใช่ร้องขอ! ” ดอกบัวสีทองพูด
แคลร์สะดุ้งเล็กน้อย สั่งหรือ? ไม่ใช่ร้องขอ? การร่ายคาถาคือการที่นักเวทย์ใช้ธาตุเวทมนตร์ของตนร่ายออกมาเป็นคาถาใช้พลัง แต่ดอกบัวสีทองบอกให้นางจดจ่ออยู่กับธาตุดินแล้วสั่งพวกมันงั้นหรือ? แต่นางเชี่ยวชาญเรื่องเวทย์ธาตุไฟนะ?
แม้ว่าจะมีความสงสัยในใจแต่แคลร์ก็หลับตาลงทันที นางสัมผัสถึงองค์ประกอบเวทย์รอบตัวแล้วก็รู้สึกตกใจ ก่อนหน้านี้นางรู้สึกได้เพียงแค่จุดสีแดงจำนวนมากซึ่งเป็นธาตุไฟเท่านั้น แต่ตอนนี้นอกจากจุดสีแดงแล้ว ก็ยังมีจุดสีเหลืองจำนวนมากอยู่ด้วย นี่คือธาตุดินงั้นหรือ?
ตอนนี้แคลร์หลับตาลงเห็นหนามดินและองค์ประกอบเวทย์ของดินที่หนาแน่นรวมตัวกันอยู่ใต้เท้าของนาง นี่เป็นเวทมนตร์ของชายผู้กระหายเลือดผู้นั้น
บัญชาธาตุดิน?
บัญชา ไม่ใช่ร้องขอ!
“พี่ ฆ่านางเร็วเข้า! ฆ่านังสารเลวผู้นี้เลย! ” อลิซชะงัก เมื่อเห็นว่าแคลร์กำลังจะเคลื่อนไหว ความวิตกกังวลอย่างรุนแรงก็พุ่งเข้ามาในใจ นางจึงตะโกนใส่ลูกพี่ลูกน้องทันที “พี่ ฆ่ามันเร็ว! “
ชายผู้กระหายเลือดขมวดคิ้ว มองอลิซอย่างเย็นชา อลิซก้าวถอยหลังด้วยความตกใจเมื่อเห็นท่าทางที่น่ากลัวนั้น ดวงตานั้นน่ากลัวมาก มันทำให้เกิดความกดดันที่มองไม่เห็น
“พี่ ข้า ข้าไม่ได้สั่งพี่จริงๆ นะ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะสั่ง ข้าจะสั่งพี่ได้อย่างไรล่ะ” อลิซอธิบายอย่างรีบร้อน นางรู้นิสัยของลูกพี่ลูกน้องคนนี้ดีที่สุด เขาทั้งใจร้าย เย่อหยิ่ง เย็นชา… สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดคือการมีคนมาพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงออกคำสั่ง ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้ทำร้ายสองผู้อาวุโสในครอบครัวจนบาดเจ็บ แต่เขาก็ไม่ได้รับการลงโทษที่รุนแรง เพราะเขาเป็นคนที่แข็งแกร่งและมีศักยภาพมาก คนในตระกูลไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลย
“พี่ ข้า ข้าแค่กลัวว่าหญิงสารเลวผู้นี้จะทำให้เสียเรื่อง” อลิซอธิบายอย่างรีบร้อนเพราะนางเห็นแคลร์หลับตา ไม่ขยับเขยื้อนใดๆ และปล่อยให้ตัวเองจมลงไปเรื่อยๆ นี่มันแปลกมาก หญิงสารเลวผู้นี้ต้องมีแผนอะไรสักอย่าง
“หึ! จะมีอะไรเสียเรื่องได้ล่ะ! ” ชายผู้กระหายเลือดตะคอกอย่างเย็นชา เขาสะบัดนิ้วเบาๆ และหนามที่แหลมคมนับไม่ถ้วนก็ลอยขึ้นจากพื้น จากนั้นก็พุ่งเข้าไปหาแคลร์อย่างบ้าคลั่ง เขาคาดการณ์เอาไว้ว่าหากหนามบนพื้นดินเหล่านี้ทิ่มแทงแคลร์ ร่างของนางจะเต็มไปด้วยรูทั่วทั้งร่างเลย
ชายผู้กระหายเลือดมีสีหน้าสงบนิ่งและกำลังจะหันกลับเพื่อจากไป ในความคิดของเขาคือเรื่องนี้ได้จัดการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว
“แคลร์!” ทันใดนั้น เสียงเย็นชาที่มาพร้อมกับความประหลาดใจและกังวลก็ดังขึ้น
อลิซผงะ เงยหน้าขึ้นมอง ใบหน้าของนางซีดเซียว
ผมสีเงิน ตาสีม่วง
บุตรแห่งแสง!
สิ่งที่เกิดขึ้นในเวลาต่อมาทำให้อลิซถึงกับล้มลงกับพื้น
หนามที่ควรจะทิ่มแทงร่างกายของแคลร์เมื่อกี้ทั้งหมดหมุนกลับและพุ่งขึ้นด้านบนอย่างบ้าคลั่ง คมหนามทะลุในอากาศจนทำให้รู้สึกหวาดผวา
ทิศทางที่หนามทั้งหมดพุ่งไปนั้นคือชายผู้กระหายเลือด
ชายผู้กระหายเลือดอึ้ง เขาตะลึงกับภาพตรงหน้า หนามเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นมาจากเขาทั้งหมด แต่ตอนนี้พวกมันกลับหันกลับมาโจมตีเขาเอง!
มีเรื่องอย่างนี้ด้วยหรือ? แม้ว่าจะเป็นนักเวทย์ธาตุเดียวกัน อย่างมากก็ทำได้เพียงแค่ใช้เวทย์ธาตุเดียวกันมาโจมตีกลับเท่านั้น จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะมีผลกับเวทย์ที่เขาเป็นคนร่ายออกมาเอง?! ราวกับว่าหนามเหล่านั้นถูกร่ายออกมาโดยสาวผมบลอนด์ผู้นั้น
ดวงตาของชายกระหายเลือดนั้นเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เพราะเขาพบว่าธาตุดินโดยรอบล้วนปฏิเสธคำขอของเขา ปฏิเสธเสียงเรียกของเขา แต่กลับทำตามสาวผมบลอนด์นั้นหมดเลย!
เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไรกัน? เมื่อนักเวทย์ประลองกัน พวกเขาก็จะรวบรวมองค์ประกอบเวทย์ของตนเอง เรียกธาตุเวทย์ขึ้นมา และขอให้ช่วยร่ายคาถาให้สำเร็จ จะเรียกมาได้มากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับความสามารถของนักเวทย์เอง การเรียกแต่ละครั้ง ไม่มีสิทธิ์ที่จะสั่งให้ธาตุยอมรับฟังตนหรือปฏิเสธคนอื่นได้
มีเพียงแค่จอมเวทย์ชั้นเซียนเท่านั้นที่สามารถทำสิ่งนั้นได้ พวกเขาสามารถสั่งองค์ประกอบเวทย์ให้เชื่อฟังคำพูดของเขาและปฏิเสธคำขอของผู้อื่นได้ แต่จนถึงตอนนี้ ในทวีปมีจอมเวทย์ชั้นเซียนเพียงคนเดียว และเขาหายสาบสูญไปเป็นเวลานานแล้ว แน่นอนว่าสาวผมบลอนด์ผู้นี้ไม่มีทางเป็นจอมเวทย์ชั้นเซียนได้หรอก!
แต่ว่าหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าสามารถสั่งให้ธาตุเวทย์ปฏิเสธคำเรียกและคำขอของเขาได้! หนามเริ่มเข้ามาใกล้ชายผู้กระหายเลือดมากขึ้นเรื่อยๆ
ในที่สุด ชายผู้กระหายเลือดก็ได้สติขึ้นมาแล้วกลิ้งหลบด้วยท่าทางตกใจ
เสียงหนามแหวกไปในอากาศดังขึ้นมา แล้วแทนที่ด้วยเสียงที่น่ากลัวของวัตถุทิ่มทะลุลงไปในพื้นดิน
พื้นที่ที่ชายผู้กระหายเลือดยืนอยู่ก่อนหน้า ในตอนนี้เต็มไปด้วยหนามแหลมคม เหงื่อเย็นไหลออกมาจากเสื้อของชายผู้นั้น
อลิซมองฉากนี้ด้วยความอึ้ง ไม่สามารถตั้งสติได้เป็นเวลานาน
ภาพลวงตางั้นหรือ?
ไม่ มันไม่ใช่ภาพลวงตา
“แคลร์… ” เหลิ่งหลิงยวิ๋นรีบวิ่งไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นแคลร์ยังคงติดอยู่ข้างใน เขาก็ยื่นมือออกไปโดยไม่คิดและเตรียมที่จะดึงแคลร์ขึ้นมา
……………………………………………………………………………..