สองคนที่อยู่ในป่าอึ้งไปอย่างเห็นได้ชัด พลังเวทย์นี้รุนแรงมาก! จินเหยียนคว้ากระบี่ที่อยู่ตรงเอวแล้วทำท่าจะพุ่งเข้าไป “เดี๋ยวก่อน! อย่างไรพวกนางก็เป็นพี่น้องกัน ราเซียคงไม่มีทางจะฆ่าแคลร์หรอก” องค์ชายสองดึงจินเหยียนไว้แล้วพูดเบาๆ ที่ข้างหูจินเหยียน เขาลังเลเล็กน้อย แล้วก็หยุดไม่ออกไป แต่พวกเขาไม่มีทางเข้าใจว่าราเซีย ผู้ได้รับยกย่องว่าเป็นเด็กสาวอัจฉริยะและคุ้นชินกับคำสรรเสริญจะได้สูญเสียการคิดอย่างมีเหตุผลไปหมด เมื่อถูกคนที่นางมองว่าเป็นขยะมาทำให้บาดเจ็บเช่นนี้
ตอนนี้ราเซียชูลูกศรสายฟ้าขึ้น! ลูกศรสายฟ้าที่มีมากราวกับสายฝนพุ่งไปยังแคลร์อย่างน่ากลัว แคลร์ขมวดคิ้ว นางรีบท่องคาถาอย่างรวดเร็ว และโล่ไฟก็ปรากฏขึ้น สายตาของนางนั้นเยือกเย็นมาก เพราะราเซียที่โกรธอยู่ตรงหน้าต้องการจะเอาชีวิตนาง!
ลูกศรสายฟ้าที่น่ากลัวพุ่งเข้ามาที่โล่ไฟของแคลร์ และทำลายโล่ในทันที ต่อมาแคลร์รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวด ร่างกายเหมือนจะขาดออกเป็นชิ้นๆ ลมหายใจแห่งความตายกำลังโอบล้อมอยู่รอบตัวนาง ที่พื้นมีหลุมลึกมากมายจากการโจมตีครั้งนี้
ของเหลวข้นไหลชุ่มแขนของแคลร์ เลือด… เลือดชุ่มเสื้อผ้าของนาง “แค่ก…” แคลร์ไอออกมา ปอดของนางเจ็บปวดและร้อนราวถูกไฟเผา ภายในคงจะได้รับบาดเจ็บไม่น้อย
ท้ายที่สุดราเซียเริ่มนิ่งและมองแคลร์ที่เลือดเต็มกาย แต่นางกลับยังคงพูดอย่างเกลียดชัง “ตอนรู้แล้วใช่หรือไม่ว่าการไม่ไสหัวออกไปจากโรงเรียนจะลงเอยเช่นไร?”
จินเหยียนกับองค์ชายที่อยู่ในป่าได้แต่อึ้งและคิดไม่ถึงว่าราเซียจะโหดเ**้ยมถึงเพียงนี้
แคลร์ยิ้มอย่างเย็นชาและไม่ได้พูดอะไรออกไป
“เจ้ายังไม่พออีกหรือไง?” ราเซียมองรอยยิ้มเย็นชาของแคลร์ สติที่นางได้กลับคืนมาเล็กน้อยก็กลับโกรธขึ้นมาอีกครั้ง
“ไม่ดีแล้ว!” จินเหยียนพูด เขาเตรียมชักกระบี่ออกมาและจะพุ่งเข้าไป หากตอนนี้ราเซียลงมืออีกครั้ง แคลร์จะต้องตายจริงๆ แน่!
“ท่านปู่ ท่านมาได้อย่างไร?” แคลร์เงยหน้าขึ้นมองที่ด้านหลังของราเซียอย่างอึ้งๆ แล้วถามเสียงดัง
อะไรนะ? ท่านปู่หรือ? ราเซียตกใจ แล้วหันไปมองข้างหลัง
เวลานี้ จินเหยียนกับองค์ชายสองมองสถานการณ์ตรงหน้าอย่างสงสัย ท่านดยุกกอร์ตั้นอยู่ที่ไหนกัน?
แคลร์รีบลุกขึ้นแล้วพุ่งไปข้างหน้าเข้าหาราเซียอย่างรวดเร็วและถีบที่ด้านหลังเข่าของนาง ราเซียเป็นนักเวทย์ ดังนั้นร่างกายย่อมอ่อนแอมากเป็นธรรมดา สิ่งที่นักเวทย์กลัวที่สุดคือการต่อสู้ระยะประชิด เพราะไม่ทันได้ท่องคาถาก็จะถูกโจมตีเสียก่อน ราเซียคุกเข่าลงกับพื้น แต่ยังไม่จบ! แคลร์ดึงมือของราเซียไว้ แล้วพลิกตัวราเซียกลับมา กระแทกเข่าเข้าที่ท้องของราเซียจนนางต้องขดตัวด้วยความเจ็บปวด ยังไม่ทันที่นางจะได้ส่งเสียงออกมา ก็ถุกวัตถุแข็งๆ กระแทกเข้าที่ลำคอง นางได้รับความเจ็บปวดแสนสาหัส ราวกับลำคอฉีกออกจากกัน ไม่ต้องคิดเลยว่าจะพูดหรือท่องคาถาอะไรได้ แม้แต่หายใจก็ยังลำบาก
นางจะตายแล้ว! นี่คือความรู้สึกเดียวที่ราเซียรู้สึก นางเบิกตากว้างอย่างตกใจ สิ่งที่ได้เห็นคือแววตาอันเย็นชาของแคลร์ ศอกของแคลร์กระแทกเข้าที่ลำคอของราเซีย ทำให้นางรู้สึกหายใจไม่ออกมากกว่าเดิม หากแคลร์ออกแรงที่ศอกมากขึ้นอีก นางก็จะเข้าใกล้ความตายมากยิ่งขึ้น ราเซียกลัวจนตัวสั่นเพราะเวลานี้ ลมหายใจของความตายเข้ามาใกล้ขนาดนี้แล้ว แม้ว่าราเซียจะเป็นเด็กสาวที่อัจฉริยะด้านพลังเวทย์ แต่เพราะได้รับความรักความเอ็นดูจากอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนไปมาก ทำให้นางแทบไม่มีประสบการณ์การต่อสู้ แม้ว่าจะเคยออกไปสัมผัสประสบการณ์การฆ่าสัตว์มา แต่ศิษย์พี่ศิษย์น้องที่รักนางก็ช่วยทำให้นาง ที่สุดแล้วนี่คือครั้งแรกที่นางได้ประสบกับความเจ็บปวดอย่างแท้จริง
อากาศรอบตัวนางราวกับจะหยุดไม่ไหวติง สายลมพัดมาเบาๆ ทำให้ผมสีทองของแคลร์สะบัด ความงามที่แผ่ออกไปนั้นราวกับจะทำให้คนหายใจไม่ออกเลยทีเดียว
แคลร์มองราเซียที่อยู่ด้านล่างอย่างเย็นชา ตอนนี้เพียงแค่ออกแรงที่ข้อศอกอีกนิด เด็กเอาแต่ใจผู้นี้ก็จะบอกลาโลกนี้ไปตลอดกาลแล้ว
จินเหยียนกับองค์ชายสองมองหน้ากันและพูดอะไรไม่ออก ฝีมือของแคลร์เย็นชาได้ถึงเพียงนี้ ราวกับเป็นมือสังหารเลย! เริ่มแรกนางหลอกว่าท่านดยุกกอร์ตั้นมาที่นี่ แล้วอาศัยช่วงที่ราเซียตกใจโจมตีนางให้บาดเจ็บ นี่ใช่สิ่งที่หญิงงี่เง่าบ้าผู้ชายจะทำได้อย่างนั้นหรือ?!
แคลร์มองราเซียที่ตัวสั่นเทาอยู่ด้านล่างอย่างเย็นชา ในสายตาของราเซียมีแต่ความหวาดกลัว อาการหายใจไม่ออกนั้นยิ่งนานก็ยิ่งเป็นมากขึ้น
ใช่ ตอนนี้แคลร์สามารถฆ่าราเซียที่ต้องการฆ่าตนเองเมื่อครู่ได้ นางจะเอาแต่ใจง่ายๆ ไม่ได้อีกแล้ว! นางทำเกินไป!
รอบๆ มีแต่ความเงียบงัน บรรยากาศแห่งการฆ่าทำให้ราเซียแทบจะสติแตกแล้ว
ทันใดนั้นเสียงดังเพี๊ยะก็ดังขึ้นในบรรยากาศที่เงียบงัน
แคลร์ตบราเซียอย่างแรงจนนางเริ่มมึนและแทบจะเป็นลม แถมยังมีรอยนิ้วมือที่เห็นได้ชัดบนใบหน้าที่งดงามและมีเลือดไหลออกมาจากมุมปากของนาง
“เจ้า… เจ้าควรขอบคุณท่านแม่ หากไม่ใช่เพราะท่านแม่ วันนี้ข้าคงจะฆ่าเจ้าแน่นอน” คำพูดที่เย็นชาและโหดร้ายของแคลร์ดังอยู่ข้างหูของราเซียราวกับปีศาจจากขุมนรกที่ทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัว ราเซียมองไปยังดวงตาไร้อารมณ์ราวกับธารน้ำแข็งของแคลร์แล้วก็ตกใจกลัว นางรู้ว่านี่แคลร์จริงจัง หากเวลานี้นางแสดงออกอะไรให้แคลร์ไม่พอใจ นางจะต้องฆ่าตนเองอย่างโหดเ**้ยมอย่างแน่นอน!
จินเหยียนและองค์ชายสองที่ในป่าตะลึงกับสิ่งที่ได้เห็น หญิงสาวที่เต็มไปด้วยเลือด ผมสีทองของนางปลิวไปตามสายลม แต่ใบหน้าที่งดงามกลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่เยือกเย็น ความกล้าหาญที่แผ่ออกมานั้นไม่มีใครที่จะสามารถเผชิญหน้าด้วยได้เลย! หญิงสาวผู้นี้คือแคลร์ หญิงงี่เง่าบ้าผู้ชายคนก่อนนั้นจริงๆ น่ะหรือ?
“อัศวินผู้ภักดีของข้า ข้าขอถามเจ้าหน่อยว่าเจ้าจะเฝ้าดูอยู่อีกนานแค่ไหน?” แคลร์ปล่อยราเซียที่ยังคงสั่นเทาอย่างดูถูกเหยียดหยาม จากนั้นก็เงยหน้ามองไปในป่าแล้วถาม
จินเหยียนและองค์ชายสองรู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นที่ทำให้ทั้งสองรู้สึกหนาวสั่น ความรู้สึกแปลกๆ ราวกับว่าวิญญาณของพวกเขาถูกจับจ้องอยู่จนแทบหายใจไม่ออก
บาดเจ็บกันทั้งสองฝ่าย แต่แคลร์ชนะ
ผ่านไปไม่นานนัก ในห้องหนังสือที่ยิ่งใหญ่ของตระกูลฮิลล์
ใบหน้าของกอร์ตั้นนิ่งลึกราวกับสายน้ำ องค์ชายสองและจินเหยียนยืนอยู่อีกด้านเงียบๆ
ด้านหน้าคือราเซียและแคลร์ที่ได้รับการรักษาแล้ว
“ราเซีย! ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าต้องคิดทบทวนเรื่องนี้อยู่ที่บ้านหนึ่งเดือน เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปไหนทั้งสิ้น” กอร์ตั้นโกรธมากจริงๆ แล้วเขาไม่เคยพูดกับราเซียด้วยความโกรธขนาดนี้มาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการลงโทษแบบนี้เลย การให้คิดทบทวนตัวเองอยู่ที่บ้านตระกูลฮิลล์นั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่การอยู่บ้านง่ายๆ แบบนั้น การลงโทษแบบนี้เป็นอย่างไรนั้นมีเพียงผู้ที่เคยทำโทษมาแล้วเท่านั้นที่รู้ แต่ที่แน่ๆ มันไม่ใช่การลงโทษเบาๆ ง่ายอย่างแน่นอน
ราเซียไม่พูดอะไร ตั้งแต่เข้ามาในบ้านจนถึงตอนนี้นางได้แต่ก้มหน้าตลอด ไม่มีใครเห็นสีหน้าของนางได้อย่างชัดเจน
“ค่ะ ท่านปู่” ราเซียตอบด้วยเสียงแหบพร่า จากนั้นก็หันหลังเดินออกไปข้างนอก คอของนางเกือบถูกแคลร์ทำลายสิ้น นักเวทย์ผู้รักษาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อรักษาคอของนางให้สมบูรณ์
หลังจากที่ราเซียออกไปและปิดประตูแล้ว กอร์ตั้นก็ลุกขึ้นยืนและเดินเข้าไปหาแคลร์ เขาถอนหายใจเบาๆ ในสายตามีความรักและความสงสารอยู่ “แคลร์ ราเซียเป็นเด็กที่ถูกพวกเราเอาแต่ใจมาโดยตลอด ดังนั้นเรื่องแบบนี้จึงเกิดขึ้นในวันนี้ อย่างไรนางก็เป็นน้องสาวของเจ้า หวังว่าเจ้าจะไม่ถือสามากไปนัก”
“หลานรู้ค่ะ ท่านปู่” แคลร์พูดเบาๆ และพยักหน้า ถ้านางอยาก “ถือสา” จริงๆ ราเซียไม่ได้มายืนคุยอยู่ตรงนี้หรอก! แคลร์คงทำให้นางหายไปจากโลกนี้ตลอดกาลแล้ว!
“อาการบาดเจ็บของเจ้า ไม่เป็นไรแล้วใช่หรือไม่? ยังเจ็บอยู่หรือเปล่า?” กอร์ตั้นแสดงออกเหมือนคนแก่ เหมือนกับปู่ สายตาของเขาเต็มไปด้วยความกังวลอยู่ลึกๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ ท่านปู่ไม่ต้องกังวล” แคลร์ยิ้ม นี่เป็นความจริง นั่นก็เพราะการรักษาของนักเวทย์ผู้รักษาได้ผลดีมากสำหรับการบาดเจ็บที่ผิวหนังทั่วไป
“ดี” กอร์ตั้นโล่งใจในที่สุด
“แต่ว่าท่านปู่คะ มีบางเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องว่าข้าจะถือสาหรือไม่” แคลร์พูดพร้อมกับยิ้มเยาะบนใบหน้า
“หืม?” กอร์ตั้นตะลึง มองไปที่แคลร์อย่างไม่เข้าใจ
แคลร์หันเชิดหน้าจ้องที่จินเหยียน แล้วพูดอย่างเคร่งเครียด “ข้า แคลร์ ฮิลล์ ขอประกาศในเวลานี้ว่าข้าไม่จำเป็นต้องมีอัศวินอีกต่อไป จินเหยียน เรย์มอนด์ ไม่ใช่อัศวินของข้าแคลร์ ฮิลล์อีกต่อไป ข้าขอตัดความสัมพันธ์นี้!”
ทันใดนั้นทุกคนก็นิ่งอึ้งไป อากาศเย็นเยือกราวกับกลายเป็นน้ำแข็ง
ใบหน้าที่สดใสของแคลร์เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและหยิ่งผยอง
ส่วนสีหน้าของจินเหยียนเปลี่ยนเป็นขาวซีดในทันที
สีหน้าของกอร์ตั้นก็เปลี่ยนไปอย่างมากเช่นกัน องค์ชายสองก็อึ้งจนไม่สามารถคิดสิ่งใดได้เลยในตอนนี้
อัศวินคือสัญลักษณ์แห่งความภักดี อัศวินทุกคนใช้ความกล้าหาญเป็นกฏเกณฑ์แห่งจิตวิญญาณ อัศวินคือสัญลักษณ์ของวีรบุรุษ!
“ภักดี… ศรัทธา… เกียรติยศ… กล้าหาญ! ” แคลร์มองจินเหยียนราวแดดแผดเผา ทุกถ้อยคำที่เอ่ยออกมาล้วนหนักหน่วงและกระแทกหัวใจของจินเหยียนราวกับค้อนหนักๆ “หลักของอัศวิน เจ้าทำข้อไหนได้บ้าง? ตอนที่ข้ากำลังตกอยู่ในอันตราย เจ้ากำลังทำสิ่งใด? เจ้าและองค์ชายที่สองผู้สูงศักดิ์กำลังดูอย่างสนุกสนาน! ภักดีหรือ? นี่เป็นแค่เรื่องตลกเรื่องหนึ่งเท่านั้นเอง!”
ในเวลานั้น พลังที่ออกมาจากตัวของแคลร์ทำให้ผู้คนสูญเสียความสามารถในการคิดไปชั่วขณะ
“ข้าไม่ต้องการอัศวินที่ไม่ภักดีและไม่จริงใจเช่นเจ้า!” ประกายในดวงตาของแคลร์ทำให้ผู้คนตกใจ
สำหรับอัศวิน การเนรเทศเป็นความอัปยศอย่างที่สุด กล่าวอีกนัยก็คือจินเหยียนจะไม่มีคุณสมบัติเป็นอัศวินอีกต่อไป! ไม่ว่าจะไปที่ไหน ก็จะไม่ได้รับการยอมรับ
“คุณหนูแคลร์…” องค์ชายสองเอ่ยปากพูด เรื่องต่างๆ มันมาจนถึงจุดนี้แล้ว นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากเห็นเลย ก่อนหน้านี้ที่จินเหยียนจะออกไปช่วย ตัวเขาเองต่างหากที่ขัดขวางไม่ให้จินเหยียนออกไป
“องค์ชายสองผู้มีเกียรติ ข้าคิดว่านี่เป็นเรื่องครอบครัวของเรา ฝ่าบาทไม่มีสิทธิ์เข้ามายุ่งนะเพคะ?” แคลร์เชิดหน้าขึ้น แล้วพูดอย่างเย็นชาไร้ความปราณี
……………………………………………………………………………