“ไปกันเถอะ! ” ซัมเมอร์มองมังกรดำที่ยังคงทบทวนตัวเองอยู่ที่ประตูแล้วพูดอย่างหงุดหงิด ปกตินางกลัวชายผู้นี้มาก แต่วันนี้มีโอกาสได้กดเขาสักครั้งดังนั้นต้องคว้าโอกาสนี้เอาไว้
“อื้อ…” มังกรดำเดินตามมาข้างหลัง แต่ยังหันไปมองแคลร์ที่พิงเตียงอยู่อย่างระมัดระวัง
จินเหยียนเดินอยู่ท้ายสุด หลังจากปิดประตู เขาก็ยืนอยู่ตรงประตูไม่ขยับไปไหน
เมื่อเหลิ่งหลิงยวิ๋นเห็นว่าทุกคนเดินออกไปแล้ว เขาก็โบกมือร่ายเขตกั้นเวทย์และหันหน้าไปมองแคลร์ หลังจากที่เขาแน่ใจว่าการได้ยินถูกจำกัดไว้แล้ว
“ท่านต้องการจะถามว่าทำไมหนามทั้งหมดจึงหันไปแทงคนนั้นในวันนั้นหรือ? ” แคลร์ถามออกไปตรงๆ ก่อนเลย
“นี่เป็นเพียงความอยากรู้อยากเห็นของข้าเอง ข้าแค่อยากถามว่าใครทำให้เกิดเหตุบนท้องฟ้าในวันนั้น” เหลิ่งหลิงยวิ๋นถามเช่นนี้
“ข้าไม่รู้ ข้าไปถึงก็เห็นสายฟ้านั่นแล้ว” แคลร์พูด
“แคลร์…” เหลิ่งหลิงยวิ๋นมองแคลร์อย่างใจเย็นและพูดเบาๆ “ตอนที่เจ้าอยู่ในโยซาลี่ก็เกิดเหตุเช่นนี้ใช่หรือไม่? แม้ว่ามันจะเกิดในที่ค่อนข้างห่างไกลในแถบชานเมือง แต่ก็ยังมีคนเห็นอยู่นะ”
ประกายบางอย่างเกิดขึ้นดวงตาของแคลร์ แต่ใบหน้าของนางกลับนิ่งและพูดอย่างใจเย็น “ท่านต้องการจะพูดอะไรกันแน่? “
“เจ้ารู้อะไรเกี่ยวกับเหตุการณ์นั้น หรือเจ้าเจ้าเป็นคนทำขึ้น? ” เหลิ่งหลิงยวิ๋นถามอย่างชัดเจน แม้ว่ามันจะคำถาม แต่น้ำเสียงของเขาก็ได้บ่งชี้แล้วว่าเหลิ่งหลิงยวิ๋นตัดสินใจแล้วว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับแคลร์แน่นอน
แคลร์เงียบลง แต่กำลังก่นด่าอยู่ในใจ บุตรแห่งแสงผู้นี้ไม่ใช่คนที่โง่เขลาเลยจริงๆ
“หญิงบ้าผู้ชายที่เป็นที่เลื่องลือจู่ๆ กลับกลายเป็นอัจฉริยะได้ เหตุการณ์ของท้องฟ้าก็ไม่มีอะไรแปลกเลย” เหลิ่งหลิงยวิ๋นจ้องแคลร์ราวกับว่าเขาต้องการเรียนรู้และค้นหาคำตอบด้วยสายตาของเขา
“เหตุใดบุตรแห่งแสงจึงกังวลเรื่องนี้ล่ะ?” แคลร์เริ่มพูด
“หนึ่งคือความอยากรู้อยากเห็นของข้าเองและอีกประการหนึ่งคือพระสันตปาปามอบหมายให้ข้ามาตรวจสอบ” เหลิ่งหลิงยวิ๋นตอบอย่างตรงไปตรงมาและพูดเสริมอย่างจริงจัง “แต่โปรดเชื่อเถอะว่าข้าจะไม่ทำอะไรเจ้า”
เมื่อคำพูดของเหลิ่งหลิงยวิ๋นจบลง แคลร์ก็อึ้ง
นี่คืออะไรกัน?
ทำไมรู้สึกแปลกๆ ล่ะ?
แคลร์มองชายตรงหน้า แต่ไม่พบร่องรอยความเจ้าเล่ห์ในดวงตาสีม่วงสวยของชายผู้นั้นเลย ทั้งหมดนี้คือความจริงใจ
เหลิ่งหลิงยวิ๋นมองแคลร์ที่อยู่ตรงหน้าเขาแล้วคำพูดของซวนซวนก็ดังขึ้นในใจ ‘พี่ชายสัญญากับข้านะว่าจะปกป้องพี่สาวคนนั้น พี่สาวคนนั้นเป็นคนดีและมีเพียงนางเท่านั้นที่สามารถทำในสิ่งที่ข้าอยากทำมาตลอดแต่ไม่สามารถทำได้ นี่เป็นคำขอเดียวของข้าที่จะขอกับพี่ชาย’ เหลิ่งหลิงยวิ๋นไม่พูดอะไร เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมซวนซวนผู้ซึ่งมีเหตุผลมาโดยตลอดถึงพูดคำที่คลุมเครือเช่นนั้น ดวงตาของนางไม่ใช่คำขอร้องอีกต่อไป แต่เป็นคำวิงวอน แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจ แต่เหลิ่งหลิงยวิ๋นก็เห็นด้วย สำหรับเขาแล้วซวนซวนเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของเขา ตราบใดที่เป็นคำขอของซวนซวน เขาก็จะเห็นด้วยเสมอ
แคลร์มองคนตรงหน้าไม่ขยับตัวไปไหน นางจะเชื่อใจคนตรงหน้าได้หรือไม่?
แคลร์แปลกใจเล็กน้อย ชายผู้นี้ให้ความรู้สึกแตกต่างกับเมื่อตอนที่พบเขากันครั้งแรกมากเลย
ต่างกันจริงๆ แต่ต่างกันตรงไหนนะ? ทำไมถึงรู้สึกเช่นนี้?
“ในเมื่อท่านบุตรแห่งแสงมีคำตอบอยู่ในใจแล้ว ทำไมถึงต้องมาถามข้าด้วยล่ะ?” แคลร์ยิ้มและพูดประโยคนั้นเบาๆ ประโยคที่แผ่วเบาแสดงถึงการยอมรับในสิ่งที่เหลิ่งหลิงยวิ๋นสงสัย
“เจ้า จริงหรือ? ” เหลิ่งหลิงยวิ๋นขมวดคิ้วเล็กน้อย คนที่พระสันตปาปาตามหาคือแคลร์หรือ? มันเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดีกันแน่?
แคลร์ยังคงเงียบไม่พูดอะไร
เหลิ่งหลิงยวิ๋นครุ่นคิด
เกิดการตัดสินใจขึ้นในใจของเขา
เหล่งหลิงยวิ๋นค่อยๆ ลุกขึ้น เขามองแคลร์และพูด “อย่ากังวลไปเลย ข้าจะไม่ทำอะไรให้เจ้าเดือดร้อน เจ้าควรดูแลร่างกายของเจ้าให้ดี ข้าขอตัวก่อน” หลังจากที่เหลิ่งหลิงยวิ๋นพูดจบ เขาก็ลุกขึ้นและจากไป
แคลร์มองแผ่นหลังของเหลิ่งหลิงยวิ๋น ความคิดของนางกลายเป็นเรื่องซับซ้อน ท่าทีของชายผู้นี้แปลกมาก แปลกจริงๆ เมื่อก่อนเขาไม่สนใจใยดีราวกับอยู่ห่างไกลออกไปหลายพันไมล์ แต่ตอนนี้เขากลับพูดเหมือนให้คำสัญญากับนาง มันเป็นแบบไหนกันนะ?
ในเวลาเดียวกัน หลิวเฉว่ฉิงรีบกลับไปที่วิหารแห่งแสงเพื่อพบกับพระสันตปาปา
“ผู้ชายที่มีเสื้อผ้าสีดำและผมสีดำ? แข็งแรงมากแต่เจ้ามองไม่ออกเลยงั้นหรือ? ” พระสันตปาปาถามหลิวเฉว่ฉิงด้วยเสียงที่นุ่มลึกขณะนั่งอยู่บนเก้าอี้ เสื้อคลุมสีขาวราวกับหิมะของพระสันตปาปาปักด้วยลวดลายของดวงอาทิตย์ดวงน้อย ใบหน้าของเขาเคร่งขรึม
“ใช่ ข้าคิดว่าพวกเขามีความเกี่ยวข้องกับมังกรดำในคืนนั้น แต่ข้ามองไม่ออกว่าชายในชุดดำคืออะไร ข้าอยากขอให้พระสันตปาปาไปตรวจสอบดูชายชุดดำผู้นั้น ข้าคิดว่าเขาไม่ใช่มนุษย์อย่างแน่นอน” หลิวเฉว่ฉิงยืนยันเอกลักษณ์ของมังกรดำ ตราบใดที่พระสันตปาปายืนยันตัวตนของชายชุดดำ ของขวัญจากเทพีที่ขโมยไปก็จะต้องเกี่ยวข้องกับแคลร์! นี่คือข้อสงสัยของนาง
“ตกลง ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าไปได้” พระสันตปาปาโบกมือเบาๆ เพื่อให้หลิวเฉว่ฉิงออกไป หลิวเฉว่ฉิงอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่ไม่พอใจของพระสันตปาปา นางก็กลืนคำพูดกลับไป จากนั้นก็ถอยออกจากห้อง
พระสันตปาปาลุกขึ้น ใบหน้าและดวงตาของเขาเย็นชา หากสิ่งที่เทพธิดาพูดเป็นความจริง ของขวัญที่ถูกขโมยไปของเทพีจะต้องเกี่ยวข้องกับหญิงสาวผู้นั้น ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่ทำทำเช่นนั้นจะต้องถูกลงโทษเพราะดูหมิ่นเทพี ดูจากเรื่องทั้งหมดที่เทพธิดาพูดแล้ว ความจริงคงจะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม ความแข็งแกร่งของเทพธิดาจะเป็นหลักฐานที่สำคัญที่สุด!
เมื่อเหลิ่งหลงยวิ๋นกลับมาถึงที่วิหาร เขาไม่ได้ตรงไปรายงานกับพระสันตปาปา แต่ตรงไปที่บ้านของลอรีอัลโหรสูงสุดแทน
พอเคาะประตู เสียงที่ว่างเปล่าของลอรีอัลก็ดังขึ้นมาจากข้างใน “เข้ามาเลย หลิงยวิ๋น”
เหลิ่งหลิงยวิ๋นผลักประตูเข้าไปเบาๆ เขาเห็นลอรีอัลผมสีเขียวยืนเงียบๆ อยู่บนแท่นสูงกลางห้องซึ่งวางลูกแก้วใสขนาดใหญ่ไว้ เหลิ่งหลิงยวิ๋นมองผู้หญิงตรงหน้าด้วยความซับซ้อนบางอย่าง เหลิ่งหลิงยวิ๋นเคารพลอรีอัลมาตลอด ผู้หญิงคนนี้ไม่หยิ่งผยอง นางเป็นคนที่สงบและยุติธรรมที่สุดเสมอ
“ลอรีอัล…” เหลิ่งหลิงยวิ๋นพูดเบาๆ แต่ก่อนที่คำพูดใดจะออกมา ลอรีอัลก็ยกมือขึ้นเพื่อหยุดไว้ก่อน
เสียงเบาหวิวดังออกมาจากปากของลอรีอัล “ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการจะถามอะไร เจ้าพบบุคคลที่เทพีกำลังตามหาอยู่แล้วใช่หรือไม่? “
เหลิ่งหลิงยวิ๋นสะดุ้งเล็กน้อย จากนั้นก็เงียบไป
“คนผู้นี้อาจจะเป็นใบมีดแหลมคมที่มีประโยชน์ หรือเป็นอาวุธสังหารก็ได้” ลอรีอัลพูดอย่างเรียบๆ ดวงตายังคงว่างเปล่าและแปลกประหลาด แต่เป็นดวงตาคู่นี้มองเห็นอนาคตได้อย่างแม่นยำ
“เช่นนั้น…” เหลิ่งหลิงยวิ๋นขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ดังนั้นเจ้าต้องทำให้นางเป็นดาบที่แหลมคมของวิหารของเรา ไม่ใช่เป็นอาวุธที่จะสังหารเรา” เสียงของลอรีอัลค่อยๆ ลดลงและพูดอย่างมีความหมาย
“หลิงยวิ๋นเข้าใจแล้ว” เหลิ่งหลิงยวิ๋นพยักหน้า ลอรีอัลพูดไม่กี่คำแต่เหลิ่งหลิงยวิ๋นก็เข้าใจความหมายของนางได้เลย แคลร์เป็นบุคคลไม่ธรรมดาที่เทพีกำลังมองหา หากอยู่กับวิหารก็จะมีอนาคตที่สดใส แต่ถ้านางไม่ใช่คนของวิหารก็ถือเป็นภัยต่อวิหารอย่างมาก ทางวิหารจะต้องหาวิธีกำจัดนางออกไป ในเวลานี้ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยคำขอของซวนซวนที่ปรากฏขึ้นในใจ
“ไปเถอะหลิงยวิ๋น” รอยยิ้มจางๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของลอรีอัลอย่างไม่สามารถคาดเดาได้
เหลิ่งหลิงยวิ๋นทำความเคารพเล็กน้อยและเดินออกไปเงียบๆ
มีเสียงเคาะประตูห้องของพระสันตปาปาเบาๆ แล้วเสียงที่อ่อนโยนแต่สง่างามก็ดังมาจากข้างใน “หลิงยวิ๋น เข้ามาสิ”
หลังจากที่เหลิ่งหลิงยวิ๋นเข้าไป เขาก็เห็นพระสันตปาปายืนอยู่ข้างหน้าต่างด้วยสีหน้าเย็นชาราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่
“พระสันตปาปา” เหลิ่งหลิงยวิ๋นเรียกเบาๆ
“ของขวัญของเทพีถูกขโมยไป” พระสันตปาปาพูดด้วยใบหน้าเย็นชา
เหลิ่งหลิงยวิ๋นอึ้งและขมวดคิ้ว “มีเบาะแสเร็วถึงเพียงนี้เลยหรือ? ใครกันที่มีความสามารถถึงขนาดที่ขโมยของขวัญจากเทพีไปได้? “
พระสันตปาปาไม่ได้ตอบคำถามของเหลิ่งหลิงยวิ๋นในทันที แต่หันไปพูดอย่างมีความหมาย “วันนี้เจ้าไปหาแคลร์ มีชายชุดดำและผมสีดำอยู่ข้างๆ นาง เจ้าเห็นความแข็งแกร่งของเขาหรือไม่? เขาเป็นมนุษย์หรือไม่? “
เหลิ่งหลิงยวิ๋นขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่เข้าใจความหมายของคำถามที่พระสันตปาปาถาม แต่จำภาพที่แคลร์ถูกโจมตีด้วยพลังรุนแรง เขาพยักหน้าเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้ “อันที่จริงชายผู้นั้นมีพลังมาก พลังของเขารุนแรงมากด้วยครับ”
“เขามีลมหายใจของมนุษย์หรือไม่? ” พระสันตปาปาถามเบาๆ แต่เขามีคำตอบอยู่แล้วในใจ
เหลิ่งหลิงยวิ๋นเงียบและส่ายหัวเบาๆ “ข้าไม่รู้สึกถึงลมหายใจของมนุษย์ในตัวเขาเลย”
“ฮึ่ม! ” พระสันตปาปาส่งเสียงออกมาอย่างเย็นชา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ ช่างกล้า! เจ้าเมืองเล็กๆ มีความกล้าที่จะแอบเข้ามาในวิหารเพื่อขโมยของขวัญจากเทพี! อีกทั้งยังสามารถทำให้มังกรผู้เย่อหยิ่งทำเรื่องเช่นนี้ได้ด้วย!
“พระสันตปาปา?” เหลิ่งหลิงยวิ๋นรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในลมหายใจของพระสันตะปาปา เขาอดไม่ได้ที่จะกระซิบเรียกด้วยความกังวล
ดวงตาของพระสันตปาปากลายเป็นความเย็นชา เขาระงับความโกรธในใจแล้วหันไปมองเหลิ่งหลิงยวิ๋น เขามีแผนรับมือกับแคลร์อยู่ในใจแล้ว
“จริงสิ เจ้ามาหาข้ามีเรื่องอะไรหรือ? ” พระสันตปาปาถาม
“บุคคลที่เทพีกำลังตามหาถูกค้นพบแล้ว ข้าได้ตรวจสอบกับลอรีอัลแล้วว่าคือคนๆ นั้นจริงๆ ” คำพูดของเหลิ่งหลิงยวิ๋นทำให้ใบหน้าของพระสันตปาปาขุ่นมัว
“อะไรนะ? เจอแล้วหรือ? ลอรีอัลยืนยันแล้วด้วยหรือ? ” พระสันตปาปาตื่นเต้นเล็กน้อย ใบหน้าของเขาแดงก่ำ นี่เป็นข่าวดี! เทพีเคยสั่งให้หาคนๆ นี้มานานแล้วและตอนนี้พวกเขาก็พบแล้ว
“ใช่ ข้าพบแล้ว” เหลิ่งหลิงยวิ๋นยิ้มขณะที่มองพระสันตปาปาที่กำลังตื่นเต้นมาก
“นางเป็นคนที่ทำให้ท้องฟ้าเกิดเหตุเช่นนั้น! เจ้าแน่ใจหรือ? ” พระสันตปาปาถามอย่างกระตือรือร้น
“ใช่ นางเป็นคนทำให้ท้องฟ้าเกิดเหตุการณ์เช่นนั้น” เหลิ่งหลิงยวิ๋นตอบอย่างมั่นใจ “คนที่ทำให้เกิดเหตุท้องฟ้าในเช้าวันนั้นไม่ใช่ใครอื่น นางคือแคลร์ ฮิลล์นั่นเอง”
………………………………………………………………………………