“ทุกคนโปรดเงียบก่อน ข้ารู้สึกเป็นเกียรติที่มี ผู้คนมากมาย ณ ที่แห่งนี้เป็นพยานในการชี้นำของเทพี” เสียงอันสง่างามของพระสันตปาปาดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้ทุกคนสงบลงและมองมาทางเขา ดวงตาของทุกคนกำลังจดจ่ออย่างตั้งใจ
จากนั้นพระสันตปาปาก็หันไปรอบๆ อย่างรวดเร็วและเห็นว่าแคลร์ไม่ขยับหรือพูดอะไรเลย ดวงตาของเขามองไปที่ แคลร์และไม่ได้เคลื่อนไปที่อื่น ทั้งห้องโถงเงียบลงชั่วขณะมองภาพตรงหน้าด้วยความมึนงง นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน? คำชี้นำของเทพีเกี่ยวข้องกับแคลร์งั้นหรือ? ใบหน้าของพระสันตปาปาดูจริงจังมากและ เขาก็ไม่ได้พูดอะไรเลย ดยุกกอร์ตั้นรู้สึกไม่ดีเล็กน้อย วิหารต้องการจะโจมตีแคลร์หรือ? พวกเขาต้องการจะฆ่า แคลร์ก่อนที่นางจะโตงั้นหรือ? เป็นไปได้หรือไม่? ในห้องโถงมีแต่ความเงียบงัน ไม่มีใครกล้าพูดอะไร ทุกคนมองภาพที่อยู่ตรงหน้า เงียบๆ รอการเคลื่อนไหวต่อไปของพระสันตปาปา หัวใจของทุกคนจดจ่อ สิ่งนี้จะเป็นพรหรือคำสาปสำหรับแคลร์กันนะ?
“วันนี้ขอให้ทุกคนเป็นพยานว่าข้าขอเชิญแคลร์ ฮิลล์ ให้นางมาเป็นสมาชิกนักบวชของวิหารแห่งแสงอย่างจริงใจ เพื่อประโยชน์ของผู้คนและเพื่ออาณาจักรของเรา นี่คือคำแนะนำของเทพี และของขวัญของเทพีชิ้นนี้จะมอบให้กับแคลร์ ฮิลล์ นี่คือเจตจำนงของเทพี ความสง่างามของเทพี” เสียงที่ไม่เร่งรีบของพระสันตปาปาดังก้องไปทั่วทั้งห้องโถง ดังก้องอยู่ในใจของทุกคนเป็นเวลานาน
ข่าวดังกล่าวทำให้ทุกคนในห้องโถงตกใจมาก ทุกคนเงียบจนแทบจะได้ยินเสียงการเต้นของหัวใจของทุกคนในห้องโถงนั้นไปชั่วขณะ เจตจำนงของเทพี? ความสง่างามของเทพี?! ความโปรดปรานนั้นไปตกอยู่กับแคลร์จริงหรือ?! ทำไมล่ะ? ทำไมกัน?
ในที่สุดใบหน้าของดยุกกอร์ตั้นก็เปลี่ยนไป! วิหารแห่งแสงตัดสินใจในครั้งนี้แล้วจริงๆ! ประกาศถึงแคลร์อย่างเปิดเผยภายใต้ชื่อของวิหารแห่งแสงและใช้ข้ออ้างที่ฟังดูสูงส่งมากเช่นนี้ การชี้นำของเทพีงั้นหรือ?! เป็นการเสียสละหรือ? ไม่เคยได้ยินเรื่องที่กะทันหันเช่นนี้มาก่อนเลย!
ในช่วงเวลาต่อมา ห้องโถงก็เกิดโกลาหล อย่างมาก บรรยากาศร้อนแรงจน ห้องโถงแทบจะพัง ภาพที่น่าตกใจเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นนี้และพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะไม่เชื่อ! พระสันตปาปา มอบของขวัญจากเทพีให้แคลร์ ซึ่งสิ่งนั้นคือ สมบัติที่ไม่มีใครเทียบได้ มันคือสิ่งที่สามารถสร้างร่างกายของจิตวิญญาณขึ้นมาใหม่ได้อีกครั้งเลยนะ? ทุกคนเคยได้ยินแต่ไม่เคยเห็นมันมาก่อน ตอนนี้พระสันตปาปา ให้สิ่งนี้กับแคลร์งั้นหรือ? ให้เด็กสาวที่เพิ่งอายุสิบสี่น่ะหรือ?! นี่คือความประสงค์ของเทพี? ทำไมเทพีถึงดูแลแคลร์มากถึงขนาดนี้ล่ะ?
สายตาที่แผดเผาทั้งหมดตกไปอยู่ที่แคลร์จนแทบจะละลายนางได้เลย แคลร์มีอะไรพิเศษที่ทำให้เทพีชื่นชอบล่ะ?!
แคลร์รู้สึกถึงดวงตาที่แผดเผามากมายมุ่งตรงมาที่นาง ใบหน้าของนางนิ่งเงียบแต่ดวงตาดูลึกซึ้ง
พระสันตปาปารู้ ว่านาง คือคนที่ขโมยของขวัญของเทพีมา! ตอนนี้ที่เขามาที่นี่ก็เพื่อยืนยันความผิดนาง ! แคลร์ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงมาเชิญนางให้ไปเป็นคนของวิหารแห่งแสง แต่มีสิ่งหนึ่งที่นางมั่นใจก็คือพระสันตปาปาได้ค้นพบแล้วว่านาง เป็นคนที่ขโมยของขวัญจากเทพีและกล่องในมือของราอูลนั้นว่างเปล่าอย่างแน่นอน กลยุทธ์ของพระสันตปาปาหลักแหลม จริงๆ! สูงส่งเกินไป! แคลร์อยากจะระเบิดออกมา ปกติแล้วจะมีแต่แคลร์ ที่เป็นคนวางแผนใส่คนอื่น ไม่คิดว่าวันนี้จะโดนคนอื่นทำกับตนเองต่อหน้าคนมากมายเช่นนี้ อีกทั้งยังอยู่ในสายตาของทุกคนเลยด้วย ที่สำคัญคือนาง ไม่สามารถตอบโต้ได้เลย!
ใบหน้าของหลิวเฉว่ฉิงซีดลง นางจ้องไปที่ภาพตรงหน้าอย่างว่างเปล่า นางไม่สามารถยอมรับเรื่องนี้ได้ พระสันตปาปาไม่ได้มาเพื่อเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของชายชุดดำแล้วนำแคลร์เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมหรอกหรือ? ทำไมสถานการณ์ถึงเป็นเช่นนี้ไปได้ล่ะ? เขาผลักดันแคลร์ไปสู่ตำแหน่งที่รุ่งโรจน์ยิ่งขึ้น! ทุกคนให้ความสนใจ! แววตา คำพูด และการกระทำของทุกคนในห้องโถงได้อธิบายทุกอย่างแล้ว ความสว่างไสว ของแคลร์กลายเป็นที่สนใจอีกครั้งแล้ว!
“พระสันตปาปา…” ดยุกกอร์ตั้นยังอยากที่จะต่อสู้เป็นครั้งสุดท้าย ในไม่ช้าแคลร์หลานสาวของเขาก็จะกลายเป็นสมาชิกของวิหารแห่งแสงแล้ว เขา จะยอมรับสิ่งนี้ได้อย่างไร? อำนาจกษัตริย์และอำนาจเทพเจ้าเป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อนมาโดยตลอด น้ำที่มาจากบ่อน้ำไม่ได้ทำให้แม่น้ำขุ่น แต่ตอนนี้ที่พระสันตปาปามาอยู่ที่นี่ เจตนาจริงๆ ของเขาคืออะไรกันแน่?
“ท่านดยุก ทั้งหมดนี้เป็นคำแนะนำของเทพี เจ้าสงสัยในความประสงค์ของเทพีหรือ?” พระสันตปาปาหันหน้าไปมองดยุกกอร์ตั้นและถาม ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา ผู้คนในห้องโถงก็หันไปมองกอร์ตั้นกันหมด
“ไม่ ไม่ใช่แน่นอน ข้าจะสงสัยในความประสงค์ของเทพีได้อย่างไรล่ะ?” ดยุกกอร์ตั้นโบกมือของเขาอย่างรีบร้อน แต่หัวใจของเขากังวลมาก สถานการณ์นี้มันเกินความคาดหมายและการควบคุมของเขาไปมาก จำเป็นหรือที่จะต้องให้แคลร์ไปอยู่กับวิหารแห่งแสง?
“ถ้าเช่นนั้นทุกคนที่มาร่วมงานที่นี่โปรดเป็นพยาน” พระสันตปาปากระแอมในลำคอและพูดด้วยเสียงที่ไม่อาจต้านได้
ดวงตาของดยุกกอร์ตั้นตื่นตระหนก เขาไม่เคยคิดว่าวิหารแห่งแสงจะทำเรื่องนี้ในโอกาสเช่นนี้ซึ่งมันทำให้เขาไม่ทันได้ระวังตัวเลย เขาไม่สามารถที่จะหยุดมันได้เลย เขาจะสามารถต่อต้านเทพีอย่างเปิดเผยต่อหน้าผู้คนมากมายในห้องโถงได้อย่างไรล่ะ? แต่สิ่งที่กอร์ตั้นไม่เข้าใจคือเหตุใดวิหารแห่งแสงจึงลงทุนลงแรงผลักดันมหาศาลเพื่อเกณฑ์ แคลร์? เขาค้นพบศักยภาพของแคลร์งั้นหรือ? ถ้าเป็นเช่นนั้นมันควรจะถูกค้นพบตั้งแต่ตอนที่ต่อสู้กับนักเรียนจากลากัคแล้วสิ ไม่จำเป็นต้องรอจนถึงตอนนี้ ทำไมพวกเขาถึงต้องเกณฑ์ แคลร์ไปด้วย? กอร์ตั้นคิดไม่ออกเลย ตอนนี้เขาได้แต่หวังว่างานเลี้ยงนี้จะจบลงโดยเร็วและจะได้คิดหาวิธีรับมือมันเรื่องนี้สักที
สายตาอิจฉาริษยาต่างจับจ้องไปที่แคลร์จนเกือบจะยิง ทะลุนางแล้ว แคลร์ยิ้มอย่างใจเย็นและเดินไปข้างหน้าช้าๆ มองพระสันตปาปาอย่างรู้กัน
ภายใต้สายตาที่จับจ้องของทุกคน พระสันตปาปาส่งกล่องผ้าให้แคลร์พร้อมกับเครื่องแต่งกายและสัญลักษณ์ของนักบวช สายตาของทุกคนหยุดนิ่งที่กล่องผ้าในมือของแคลร์ สมบัติล้ำค่าเช่นนี้ถูกมอบให้ไปอย่างนั้นเลยหรือ? ตัวตนในปัจจุบันของแคลร์เป็นที่สะดุดตามาก นักบวชแห่งวิหารแห่งแสง เจ้าเมืองเนียร์ คนรุ่นใหม่ของตระกูลฮิล ศิษย์ของปรมาจารย์คลิฟ ออร่ามากมายเต็มตัวคนผู้นี้ไปหมด เช่นนี้จะไม่ให้คนอื่นอิจฉาได้อย่างไรกัน?
แคลร์โค้งตัวเล็กน้อยเพื่อรับของจากพระสันตปาปาแล้วลุกขึ้นยืนด้วยรอยยิ้มสดใส “พระสันตปาปา สิ่งล้ำค่าเช่นนี้ให้อยู่กับข้า คงจะพลาดไปอยู่กับคนชั่วได้อย่างง่ายดาย ข้าอยากขอให้พระสันตปาปาช่วยดูแลมันไว้ได้หรือไม่?” แคลร์ไม่โง่ กล่องเปล่านี้เป็นเพียงแผน นางรู้ว่าข้างในว่างเปล่า พระสันตปาปาก็รู้ และทุกคนในวิหารแห่งแสงก็รู้ แต่วิหารแห่งแสงปิดข่าวทั้งหมด คนนอกไม่รู้ว่าของขวัญของเทพีหายไป หากเอามาไว้ที่แคลร์ก็จะมีคนคิดมาขโมย เป็นธรรมดา ดังนั้นจึงเป็นการดีกว่าที่จะผลักมันไปที่พระสันตปาปา
พระสันตปาปาเข้าใจและ พยักหน้า เขายิ้มและรับกล่อง กลับมา คนในห้องโถงต่างพากันถอนหายใจ
งานเลี้ยงนี้ยกระดับชื่อเสียงของแคลร์ให้สูงมากยิ่งขึ้น เด็กสาวอายุสิบสี่ปีได้กลายเป็นที่รักของเทพี ได้รับตำแหน่งเป็นนักบวชของวิหารแห่งแสง! ช่างเป็นเกียรติจริงๆ หลังจากนี้ผู้คนที่เข้าร่วมงานเลี้ยงนั้นสามารถจดจำ เรื่องนี้ไปได้อีกนาน พวกเขาจดจำเด็กผู้หญิงที่มีผมสีบลอนด์และดวงตาสีเขียวราว ดวงอาทิตย์ที่ส่องสว่างที่สุดบนท้องฟ้า เปล่งประกายและเป็นที่สนใจ
บรรยากาศอบอุ่นยังไม่สงบลงแต่องครักษ์ที่ประตูมีท่าทางตกใจ
“ทำไมเจ้าถึงลุกลี้ลุกลนเช่นนั้น!” ดยุกกอร์ตั้นไม่พอใจและดุคนของเขา
“นายท่านครับ นายท่านไปดูก็จะรู้เองครับ” องครักษ์ดูท่าทางตื่นเต้น
ดยุกกอร์ตั้นขมวดคิ้วและเดินออกไป ตามด้วยคนอื่นๆ ในห้องโถง
ทุกคนตะลึงเมื่อเห็นขบวนรถม้ายาวอยู่ด้านนอก ขบวนรถม้ายาวจนมองไม่เห็นท้าย ขบวนเลย รถม้าแต่ละคันเต็มไปด้วยดอกกุหลาบสีแดงสวยงามตระการตา มีอักษรใหญ่ๆ สองสามคำติดบนรถม้า ‘แคลร์ สุขสันต์วันเกิดนะ!’
ใครกันที่ทำเรื่องบ้าขนาดนี้?
ทุกคนตกตะลึงกับภาพตรงหน้าอีกครั้ง เมื่อกี้การปรากฏตัวของพระสันตปาปาเพื่อบอกการชี้นำของเทพีก็ทำให้หัวใจของทุกคนแทบทนไม่ไหวแล้ว ตอนนี้ภาพที่งดงามเช่นนี้มาปรากฏขึ้นอีก ทุกคนรู้สึกว่าในหัวของพวกเขาท่วมท้นไปหมด
“แคลร์?” ดยุกกอร์ตั้นหันหน้าไปจะเรียกแคลร์เพื่อถามว่าเกิดอะไรขึ้น จากนั้นเขาก็พบว่าแคลร์ที่อยู่ข้างเขาในตอนนี้ได้หายตัวไปแล้ว
แคลร์หายเงียบไปในงานวันเกิด คนที่หายไปกับนางคือซัมเมอร์ เฉียวฉู่ซิน จินเหยียน วัลโด และเบน
บริเวณนอกเมืองที่ประตูตะวันออก มีหญิงสาวสวยที่มีรูปร่างหน้าตาธรรมดาแต่งตัวในชุดธรรมดาถือคันธนูและลูกศรขนาดเล็กบนหลังของนาง ตามด้วยกลุ่มคนที่เดินกันอย่างปกติบนท้องถนน
“ไป๋เสี่ยวเยว่ ทำไมเจ้าถึงอยากเปลี่ยนชื่อเป็นแบบนี้ล่ะ?” ซัมเมอร์แตะคางของนางและมองแคลร์ที่เดินอยู่ตรงหน้าด้วยความสับสน จากนั้นก็หันหน้าไปมองชายหนุ่มรูปงามที่ยิ้มราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิพร้อมกับปากที่กระตุก “อีกอย่าง ทำไมอาจารย์คามิลล์ของเจ้าจึงมาปรากฏตัวที่นี่ด้วยล่ะ?”
“งานอดิเรกส่วนตัวน่ะ” แคลร์พูดเบาๆ
“ฮ่าๆ ข้าเองก็มีงานอดิเรกส่วนตัว ในเมืองหลวงมันน่าเบื่อ ดังนั้นเลยตามออกมาเล่นกับพวกเจ้าดีกว่า” คามิลล์ยิ้มอย่างอ่อนโยนและแสดงความรักในดวงตาของเขา “ข้าเป็นรองหัวหน้าของพวกเจ้าด้วยนะ คนที่ไม่เชื่อฟังข้า ข้าจะทำโทษ…”
คำพูดที่อ่อนโยนไม่กี่คำสุดท้ายสะท้อนอยู่ในใจของทุกคน เห็นได้ชัดว่ามันอ่อนโยนผิดปกติแต่ก็ฟังดูน่าขนลุก จะถูกลงโทษ จะถูกลงโทษ… เสียงสะท้อนที่ไม่มีที่สิ้นสุดเป็นเหมือนเสียงเวทย์มนตร์ที่เจาะเข้าไปในหู
“กลุ่มทหารรับจ้างหยวนเป่า?” ซัมเมอร์ถือกระดาษแผ่นหนึ่งซึ่งเป็นใบรับรองของกลุ่มทหารรับจ้างที่พวกเขาเพิ่งลงทะเบียนและมองขึ้นไปบนฟ้า “ทำไมเราจดทะเบียนชื่อแปลกๆ กันล่ะ? ชื่อนี้มัน แปลกจริงๆ หยวนเป่า หยวนเป่า หยวนเป่าคืออะไร?”
……………………………………………………………………………..