เสน่ห์คมดาบ – ตอนที่ 94

ในใจของเหล่านักเวทย์ต่างก็ว่างเปล่า พวกเขาหยุดการเคลื่อนไหวและจ้องมองท้องฟ้าด้วยความงุนงง  

 

 

ทหารที่เฝ้ากำแพงเมืองและประชาชนต่างพากันสวดอ้อนวอนด้วยความกลัวแล้วทุกคนก็มองขึ้นไปที่สิ่งมหัศจรรย์บนท้องฟ้านั้น  

 

 

เปลวไฟสีทองระเบิดอย่างงดงามกลางอากาศ เสียงโหยหวนดังขึ้นทีละนิด ท้องฟ้าสีเทาสะท้อนเป็นสีทองที่งดงาม ดูเหมือนจะขับไล่สิ่งไม่ดีที่ทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวออกไป  

 

 

จากนั้นเสียงคำรามอย่างเจ็บปวดของสัตว์เวทย์ทะเลก็ดังมาจากท่าเรือนอกเมือง ทั้งแหลมและเสียดแทงหู เสียงคลื่นกระทบกำแพงเมืองดังกึกก้องและได้ยินชัดเจนจากที่ไกลๆ นั้น  

 

 

ทุกคนรู้ดีว่าความเจ็บปวดของสัตว์เวทย์ทะเลเหล่านั้นจะต้องเกี่ยวข้องกับภาพที่สวยงามนี้เป็นแน่!  

 

 

นักเวทย์ที่ยืนอยู่บนกำแพงอ้าปากค้างและมองฉากตรงหน้าด้วยความเหลือเชื่อ นี่ไม่ใช่พลังที่ธนูเวทย์สามารถทำได้อย่างแน่นอน! สาวน้อยผู้แสนธรรมดาผู้นี้เป็นนักเวทย์! นักเวทย์ที่มีความแข็งแกร่งเหนือกว่าพวกเขามาก!  

 

 

เสียงระเบิดยังคงดังขึ้นเรื่อยๆ ทะเลก็กำลังไหลเชี่ยว และสัตว์เวทย์ทะเลส่งเสียงคำรามด้วยความเจ็บปวดดิ้นรนแล้วดำดิ่งลงสู่ก้นน้ำทะเลก็หายไป ไม่มีใครสังเกตว่าตงเฟิงโฮ่วกำลังทำอะไรอยู่ในชุดคลุมขนาดใหญ่ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะให้สัตว์เวทย์ทะเลแสดงอาการเช่นนี้  

 

 

เสียงคำรามของสัตว์เวทย์ทะเลเริ่มไกลออกไปเรื่อยๆ และคลื่นก็เล็กลงเรื่อยๆ เช่นกัน ท้องฟ้าสีเทาค่อยๆ กระจ่าง เมฆดำค่อยๆ กระจายตัว ดวงอาทิตย์ก็ค่อยๆ เผยออกมา ที่นอกกำแพงเมือง น้ำทะเลที่ท่วมท่าเรือก็ค่อยๆ ลดระดับลงอย่างช้าๆ เผยให้เห็นลักษณะดั้งเดิมของท่าเรือ  

 

 

ผู้คนจ้องมองท้องฟ้าด้วยความงุนงง การเปลี่ยนแปลงที่น่าอัศจรรย์นี้ทำให้มองเหม่อได้เป็นเวลานานเลย  

 

 

ดวงอาทิตย์สุกใสและอบอุ่นส่องแสงไปทั่วทุกมุมเมือง ส่องแสงไปที่ทุกคน  

 

 

ทหารที่ยืนอยู่ด้านล่างของกำแพงจ้องมองหญิงสาวที่ยืนอยู่บนกำแพงอย่างภาคภูมิใจ ท่ามกลางแสงแดดนี้ หญิงสาวดูเฉยชาและลมก็ค่อยๆ พัดผมของนาง ชั่วขณะนั้นทุกคนรู้สึกเหมือนเห็นแสงแพรวพราวออกมาจากหญิงสาวผู้นั้น แต่เมื่อพวกเขา    กระพริบตาอีกครั้ง นางก็ยังคงเป็นเด็กผู้หญิงที่ดูธรรมดาๆ เช่นเดิม  

 

 

“เห้อ เจ้าสัตว์เวทย์ทะเลถอยไปแล้ว พวกมันจะไม่กลับมาอีกหรือ?” เจ้าเมืองถามด้วยความงุนงงมองท่าเรือที่ค่อยๆ กลับเป็นดังเดิม  

 

 

“ใช่ พวกมันจะไม่กลับมาอีกแล้ว เพราะเราได้พบสาเหตุที่สัตว์เวทย์ทะเลมาโจมตีท่าเรือเมื่อคืนนี้แล้ว” แคลร์ตอบอย่างเคร่งขรึม  

 

 

“สัตว์เวทย์ทะเลต้องการสอนบทเรียนแก่มนุษย์เป็นไปไม่ได้ที่ผู้คนจะออกไปจับปลาได้อย่างไม่มีข้อจำกัด ท่านควรพิจารณาออกนโยบายต่างๆ อย่างเช่น ห้ามตกปลาในช่วงที่ปลาวางไข่… ” คามิลล์พูด อย่างน่าเกรงขามเพื่อสร้างเรื่องให้แคลร์แล้ว  

 

 

“อย่างนั้นหรือ?” การแสดงออกของเจ้าเมืองเปลี่ยนไป เขามองไปที่แคลร์เพื่อยืนยันกับแคลร์อีกที  

 

 

“ใช่ ท่านเจ้าเมือง ข้าเชื่อว่าท่านจะสามารถจัดการเรื่องนี้ได้อย่างดี สัตว์เวทย์ทะเลได้ล่าถอยไปแล้วและจะไม่กลับมาอีก ข้าเชื่อว่าภายใต้ผู้นำอย่างท่านเจ้าเมือง ท่านก็จะสามารถฟื้นฟูความรุ่งเรืองกลับมาได้โดยเร็ว” แคลร์พูด แน่นอนว่านางไม่สามารถบอกชาว    เมืองได้ว่าสิ่งที่พวกเขาเห็นในตอนนี้เป็นจริงครึ่งหนึ่งและเท็จครึ่งหนึ่ง แต่ขอให้มนุษย์ผู้โลภมากเหล่านี้เข้าใจภึง    การพัฒนาที่ยั่งยืนซึ่งเป็นคำตอบสุดท้าย การจับปลาแบบไม่จำกัดเช่นนี้ แม้ทะเลที่อุดมสมบูรณ์ก็สามารถหมดสิ้นลงได้ในที่สุด  

 

 

แคลร์พูดสาเหตุที่สัตว์เวทย์ทะเลโจมตีท่าเรือทุกคนก็ต่างถอนหายใจ เนื่องจากไม่มีใครหาเหตุผลที่เหมาะสมกว่านี้ได้ ทุกคนจึงปักใจเชื่อเหตุผลนี้ อาหารในทะเลก็มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับการอยู่รอดของสัตว์ทะเล เมืองแห่งนี้เป็นผู้ผลิตอาหารทะเลรายใหญ่ที่สุดของ อาณาจักร ปริมาณการขนส่งอาหารทะเลในแต่ละวันนั้นก็มีขนาดใหญ่มาก เหตุผลนี้จึงเป็นไปได้      

 

 

สิ่งที่แคลร์ไม่คาดคิดก็คือ เหตุผลหลอกๆ ของนางในวันนี้จะทำให้เมืองแห่งนี้พัฒนากลายเป็นหนึ่งในสามเมืองที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดจนกลายเป็นอัญมณีแห่งอันพาแกรนด์เลย! แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต  

 

 

สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการรับคำขอบคุณของชาวเมืองที่เป็นมิตรและรางวัลจากเจ้าเมือง  

 

 

“โปรดอยู่ต่ออีกสองวันเถิด เพียงแค่สองวันเท่านั้น ข้าได้รายงานไปยังเมืองหลวงแล้ว รางวัลของจักรพรรดิจะมาถึงในไม่ช้านี้ พวกเจ้าต้องยอมรับคำขอบคุณอย่างจริงใจจากชาวเมือง กรุณาเข้าร่วมในพิธีมอบรางวัลในวันมะรืนนี้ด้วยเถิด!” เจ้าเมืองเกลี้ยกล่อมด้วยหัวใจทั้งหมดของเขา  

 

 

“เอาล่ะ ท่านเจ้าเมืองต้องจัดหาเสบียงในการออกทะเลให้เรา และแน่นอน อย่าลืมเรือที่ใหญ่และดีที่สุดพร้อมทั้งกัปตันและกะลาสีเรือที่ดีที่สุดตามที่ท่านสัญญาไว้” แคลร์ตอบรับด้วยรอยยิ้มจางๆ ทุกคนมีสีหน้าที่แตกต่างกัน หรือว่าพวกเขาต้องอยู่เพื่อเข้าร่วม    พิธีมอบรางวัลที่น่าเบื่อนั่นจริงๆ หรือ? พวกเขาจะรอคนจากวิหารแห่งแสงตามมาทันน่ะหรือ?  

 

 

คามิลล์เอนกายสบายๆ บนขอบหน้าต่างและเฝ้าดูนกทะเลสีขาวที่บินอยู่บนท้องฟ้า เขารู้ดีว่าแคลร์ไม่ รอให้คนในวิหารแห่งแสงไล่ตามมาทันหรอก  

 

 

หลังจากที่เจ้าเมืองได้รับคำสัญญา เขาก็ยิ้มอย่างพอใจและออกจากประตูเพื่อไปเตรียมการ      

 

 

“มันน่ารำคาญมาก ข้าไม่กล้าออกไปข้างนอกเลย แคลร์ เจ้าจะเข้าร่วมพิธีมอบรางวัลอะไรนั่นจริงๆ น่ะหรือ?” ซัมเมอร์เตะขาเก้าอี้ด้วยความรำคาญ พอพวกเขาออกจากประตูไปก็ถูกห้อมล้อมทันที ของขวัญขอบคุณแทบจะทับพวกเขาจนตายแล้ว นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเขาไว้วางใจให้เจ้าเมืองออกไปจัดการหาสิ่งของสำหรับออกทะเลให้พวกเขาแทน  

 

 

ชื่อเสียงของไป๋เสี่ยวเยว่และกลุ่มทหารรับจ้างหยวนเป่าเผยแพร่ไปยังทุกครัวเรือนในเมืองในชั่วข้ามคืน หญิงสาวผู้ถือธนูเวทย์ขนาดเล็กที่ดูธรรมดาๆ เป็นนักเวทย์ที่ทรงพลังจริงๆ นางนำสมาชิกอีกสองสามคนในทีมของนางออกไปต่อสู้อย่างดุเดือดกับสัตว์เวทย์ทะเลที่บ้าคลั่งและดุร้าย และช่วยขับไล่สัตว์เวทย์ทะเลที่ดุร้ายออกไป ตอนนี้เมืองก็กลับมามีความเจริญรุ่งเรืองและสงบสุขเหมือนเดิม นี่เป็นสิ่งที่เจ้าเมืองและนักเวทย์ทั้งหมดในเมืองทำไม่ได้ แต่เด็กสาวและกลุ่มทหารรับจ้างที่นางเป็นผู้นำทำได้!  

 

 

ช่างแข็งแกร่งและงดงามอะไรเช่นนี้ หลายคนคุยโวเกี่ยวกับท่าทางที่ตื่นตาตื่นใจของเด็กสาวที่พวกเขาเห็นด้วยตาของพวกเขาเอง  

 

 

เพียงชั่วข้ามคืน ไป๋เสี่ยวเยว่และกลุ่มทหารรับจ้างของนางกลายเป็นวีรสตรีและวีรบุรุษของเมือง การกระทำของพวกเขาค่อยๆ เผยแพร่ออกไปจักรพรรดิแห่งเมืองหลวงก็สั่งให้มอบรางวัลให้กับพวกเขาเป็นการส่วนตัวเลยทีเดียว  

 

 

สองวันต่อมา ดวงอาทิตย์กำลังส่องแสงและเมืองก็ดูสงบสุขและเจริญรุ่งเรือง  

 

 

ตรอกซอกซอยในเมืองว่างเปล่า ผู้คนทั้งหมดต่างมารวมตัวกันอยู่ในที่เดียว  

 

 

ที่นั่นคือจัตุรัสกลางเมืองของผู้คนนับหมื่นที่อยู่ไม่ไกลจากคฤหาสน์ของท่านเจ้าเมืองเลเวล  

 

 

วันนี้เป็นวันที่เจ้าเมืองจะยกย่องวีรกรรมของพวกเขา  

 

 

จัตุรัสคึกคักมาก ทุกคนรอให้วีรสตรีและวีรบุรุษของพวกเขาปรากฏตัว  

 

 

เจ้าเมืองสวมใส่เสื้อผ้าชุดใหม่และเดินมายังเวทีด้วยพลังที่เต็มเปี่ยม บรรยากาศในจัตุรัสเริ่มคึกคักมากขึ้น เพราะพวกเขารู้ว่าพวกเขาจะสามารถเห็นผู้กอบกู้เมืองของพวกเขาได้ด้วยตาของพวกเขาเอง  

 

 

“ทุกคน ข้ารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ยืนอยู่ที่นี่โดยปราศจากอันตรายและได้สัมผัสกับแสงแดดที่สดใสพร้อมกับทุกคน เราทุกคนรู้ดีว่าภาพที่สงบสุขและสวยงามต่อหน้าของเรานี้เกิดขึ้นได้จากคนๆ หนึ่งและสมาชิกในทีมของนาง นางขับไล่สัตว์เวทย์ทะเลที่บ้าคลั่งไป วีรสตรีของทุกคน ไป๋เสี่ยวเยว่!” เจ้าเมืองพูด  

 

 

ฝูงชนด้านล่างโห่ร้องและบรรยากาศที่อบอุ่นก็เกิดขึ้น  

 

 

“ต่อไปขอเชิญพบกับวีรสตรีและวีรบุรุษของเรา ไป๋เสี่ยวเยว่และกลุ่มทหารรับจ้างที่นางเป็นผู้นำ…” เจ้าเมืองยิ้มและยกมือขึ้นเรียก  

 

 

เสียงปรบมือดังกึกก้องและเสียงเชียร์ก็ดังลั่นสนั่นท้องฟ้า ผู้คนในจัตุรัสปรบมือกันอย่างเต็มที่      

 

 

แต่ก็ไม่มีใครปรากฏตัว ไม่มีเด็กสาวที่ดูธรรมดาแต่ทรงพลังผู้ถือธนูเวทย์ในตำนาน  

 

 

เจ้าเมืองขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาส่งเสียงอีกครั้งและยกมือขึ้น “ต่อไปขอเชิญพบกับไป่เสี่ยวเยว่ วีรสตรี    ของเรา และกลุ่มทหารรับจ้างที่นางเป็นผู้นำ…”  

 

 

เสียงปรบมือดังกึกก้องและเสียงเชียร์ก็ดังขึ้นไปทั่วอีกครั้ง ผู้คนในจัตุรัสปรบมืออย่างสุดแรง  

 

 

แต่ก็ไม่มีใครปรากฏตัววีรสตรีสาวในตำนานไม่ปรากฏตัวแม้แต่น้อย      

 

 

เจ้าเมืองกระตุกปากเล็กน้อย ในที่สุดสีหน้าของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป  

 

 

ผู้คนในจัตุรัสต่างรอคอยและเฝ้าดูพวกเขาอย่างใจจดใจจ่อ เจ้าเมืองผู้สงบเสงี่ยมมาโดยตลอดดูเหมือนจะกังวลเล็กน้อยในขณะนี้  

 

 

“ต่อไป… ” เจ้าเมืองพูดลากเสียงยาว แต่มีคนมาด้านหลังของเขาและกระซิบอะไรบางอย่างที่ข้างหูของเขาอย่างกระวนกระวาย  

 

 

ผู้คนในจัตุรัสเห็นว่า เจ้าเมืองที่แม้จะเผชิญกับสัตว์เวทย์ทะเลที่ดุร้ายก็ไม่กลัวตาย เมื่อเมืองกำลังจะจมอยู่ใต้น้ำก็มีสีหน้าสงบนิ่ง แต่ในตอนนี้เขากลับมีสีแปลกไปจากปกติ      

 

 

ผู้คนหลายพันคนรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ สายลมเย็นๆ พัดโชยมา  

 

 

“จี๊บ…” นกทะเลร้องและบินผ่านจัตุรัสไป ทันใดนั้นมูลนกกระจุกหนึ่งก็ตกลงมาบนบ่าของเจ้าเมืองที่กำลังยืนนิ่งเป็นหิน  

 

 

ในเวลานี้แคลร์นอนอยู่บนม้านั่งบนดาดฟ้าพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้าง คามิลล์กำลังรินน้ำผลไม้ให้แคลร์อย่างสง่างามด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน ส่วนไป๋ตี้นั่งอยู่บนโต๊ะเพลิดเพลินกับขนมอบแสนอร่อย  

 

 

ซัมเมอร์และเฉียวฉู่ซินดูเหมือนจะเคยมาทะเลเป็นครั้งแรก พวกนางยืนอยู่บนขอบดาดฟ้าด้วยความตื่นเต้นและมองไปยัง    ทะเลสีฟ้าที่ไร้ขอบเขต จินเหยียนนั่งเงียบอยู่ข้างหลังแคลร์ ตงเฟิงโฮ่วกำลังรับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย วัลโดนอนบนเก้าอี้อย่างสบายๆ และอาบแดด เสือดาวลมก็นอนอยู่บนดาดฟ้าและอาบแดดอยู่เช่นกัน  

 

 

ส่วนเบนอยู่ที่มุมและกำลังอาเจียนอยู่ มังกรดำที่ทรงพลังและหยิ่งผยองผู้นี้เมาเรือ ใช่ เขาเมาเรืออย่างหนักเลย  

 

 

“หัวหน้า ขนมเป็นอย่างไร?” คามิลล์ยิ้ม  

 

 

“น้ำผลไม้และขนมอบที่ท่านทำยอดเยี่ยมไม่เหมือนของใครในโลกนี้เลยท่านรองหัวหน้า” แคลร์หรี่ตาและพูดอย่างไม่แยแส  

 

 

คามิลล์ยิ้มอย่างสง่างามและมีเกียรติ เขาเดินเข้าไปพร้อมกับถ้วยน้ำชาและยังคงทำน้ำผลไม้สดให้แคลร์ด้วยความเต็มใจ  

 

 

หลี่หมิงหยู่และหลี่เยว่เหวินจ้องภาพตรงหน้าแต่ไม่สามารถพูดอะไรได้  

 

 

ในตอนนี้ เรือที่ใหญ่ที่สุดและแข็งแกร่งที่สุดในเมืองเลเวลพร้อมทั้งกัปตันและกะลาสีที่มีประสบการณ์มากที่สุดเป็นของแคลร์แล้ว     สัตว์เวทย์ทะเลถูกขับไล่ไปเช่นนั้น พี่น้องตระกูลหลี่รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่พวกเขาไม่ได้มีโอกาสถาม ทั้งคู่แอบตัดสินใจกันว่าจะหาโอกาสถามให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่  

 

 

ทะเลคลื่นลมสงบ ทุกคนใช้เวลาทั้งวันอย่างมีความสุข แต่แม้ว่าจะมีพายุ พวกเขาก็ไม่กลัวเพราะมีกัปตันและลูกเรือที่มีประสบการณ์มากที่สุดอยู่ด้วยนี่  

 

 

พวกเขาเลยตกปลาอาบแดด กินอาหาร ทำน้ำผลไม้คั้น แล้วก็ อาเจียน…  

 

 

……………………………………………………………………………..  

เสน่ห์คมดาบ

เสน่ห์คมดาบ

แคลร์ ฮิลล์ คุณหนูใหญ่สุดสำรวยแห่งตระกูลขุนนางชั้นสูงผู้มีชื่อฉาวคาวกะฉ่อนว่าโง่เง่า เอาแต่ใจและบ้าผู้ชายเป็นชีวิตพลัดตกจากหลังม้าขณะไล่ตามองค์ชายสองจนหมดสติ สร้างความอับอายให้กับตระกูลเป็นอย่างยิ่ง กระนั้นเมื่อหญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ท่าทีของนางกลับเปลี่ยนจากหน้ามือไปเป็นหลังเท้า ไม่มีอีกแล้วคุณหนูไร้ยางอายที่คลั่งไคล้การไล่จับบุรุษรูปงาม เรื่องเรียนไม่เอาอ่าว เรื่องงานไม่เอาไหน จะมีก็แต่คุณหนูแคลร์ผู้สงบเสงี่ยมเยือกเย็น สำรวมท่าที และเปี่ยมไปด้วยพลังเวทอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเท่านั้น! เกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูแคลร์คนนั้นกันแน่นะ!?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset