นานาอุปสรรค
จิ้นหยวนรู้ตัวว่าพูดผิดไปจึงรีบส่ายศีรษะเป็นพัลวัน “เปล่า ไม่ใช่นะ เป็นเพราะผมไม่ดีเอง ผมไม่ควรใช้วิธีโง่ๆ อย่างนั้นลองใจคุณ ผมผิดเอง”
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพูดจาเสียงอ่อนเช่นนี้เพื่อขอความเมตตาจากเธอ ถ้าเป็นเมื่อก่อนหากมีคนบอกกับเขาว่าต่อไปเขาจะต้องทำแบบนี้ เขาคงหักขาคนคนนั้นไปแล้ว เขาเป็นถึงท่านประธานใหญ่แห่งตระกูลจิ้น รอบกายมีแต่สาวๆ หมุนเวียนเปลี่ยนไปไม่ซ้ำหน้า ไม่มีวันที่เขาจะต้องพูดกับสาวๆ เสียงอ่อนเช่นนี้เด็ดขาด
แต่ตอนนี้เขาคงต้องยอมรับความจริงแล้วว่า เขา…จิ้นหยวน ทายาทหนึ่งเดียวแห่งตระกูลจิ้นแพ้ อย่างราบคาบ ยอมศิโรราบอยู่ใต้เท้าของหญิงสาวที่ชื่อเฉียวซือมู่คนนี้ และไม่มีวันแยกจากเธออีก
เฉียวซือมู่มองเขาอยู่นานสองนานกว่าจะเอ่ยปากพูดออกมา “ก็ได้ ฉันเชื่อคุณค่ะ”
“จริงนะ” เขาถามด้วยความตื่นเต้นดีใจ
เธอเบือนหน้าหนี “ถ้าคุณคิดว่าฉันโกหก ถ้าอย่างนั้นฉันอยู่ที่นี่เหมือนเดิมดีกว่า ไม่ไปกับคุณแล้ว”
“ไม่นะ ไม่เอา คุณย้ายกลับเถอะนะ ผมจะอยู่กับคุณ” เขารีบห้ามปราม ไม่กล้าเอ่ยเรื่องของเซียวเข่อเอ๋อร์อีก
ตอนนั้นเขาคงเป็นบ้าไปแล้วถึงได้คิดวิธีโง่ๆ แบบนั้นออกมาได้ เขานี่มัน…
กระนั้น สุดท้ายเฉียวซือมู่ก็ย้ายกลับมายังห้องเดิมที่เคยอยู่… นั่นคือห้องนอนของจิ้นหยวน
เธอนั่งอยู่บนขอบเตียง มองดูข้าวของเครื่องใช้ของตัวเองที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างครบครัน ในใจทั้งโมโหทั้งขำ ดูท่าทางแล้วเขาคงวางแผนให้เธอย้ายกลับมาตั้งแต่ต้นแล้ว มิเช่นนั้น ข้าวของเครื่องใช้ของเธอที่อยู่ในห้องนอนชั้นสามคงไม่มาปรากฎอยู่ที่ห้องนี้หรอก
ตอนนี้ที่ห้องนอนชั้นสามคงกลายเป็นห้องว่างไปแล้ว ประตูห้องถึงได้ถูกล็อกเอาไว้
เธอมองแผ่นหลังของจิ้นหยวนที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่พลางคลี่ยิ้มบางๆ
ความจริงเธอรู้สึกได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเซียวเข่อเอ๋อร์นั้นไม่ใช่เรื่องจริง ไม่มีเหตุผลอื่นนอกจากสัญชาตญาณของผู้หญิงเท่านั้น และดูเหมือนว่าสัญชาตญาณของเธอยังคงแม่นเหมือนเดิม
หลังจากผ่านเรื่องที่เธอถูกลักพาตัว ตอนนี้เธอเข้าใจความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองแล้ว แม้ตอนนั้นเธอจะโกรธจิ้นหยวนมาก แต่ส่วนลึกสุดในจิตใจเธอยังคงคิดถึงเขาเป็นคนแรกเสมอ นั่นหมายความว่าความรู้สึกจริงๆ ที่ซ่อนอยู่ภายในส่วนลึกสุดในใจเธอคือเธอตกหลุมรักจิ้นหยวนเข้าแล้วใช่ไหม?
เธอถอนหายใจเบาๆ การตกหลุมรักจิ้นหยวนเป็นสิ่งที่เธอไม่อยากให้เกิดขึ้นมากที่สุด อย่าเพิ่งพูดถึงฐานะที่แตกต่างราวฟ้ากับดินระหว่างเขาและเธอเลย แม้แต่การผ่านด่านคุณพ่อคุณแม่ของเขาก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เหมือนกัน ดูท่าทางแล้วหนทางข้างหน้าคงมีแต่นานาอุปสรรคที่ยังรอเธออยู่
แต่น่าแปลกที่เธอไม่รู้สึกกลัวเลยสักนิด เพราะตอนนี้เธอรับรู้ความจริงใจของจิ้นหยวนแล้ว และเธอเชื่อว่าตัวเองไม่ได้ฉายเดี่ยวในเกมแห่งรักครั้งนี้
จิ้นหยวนวางโทรศัพท์มือถือลง เขาครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วเดินไปนั่งลงข้างกายเธอ จากนั้นกอดเธอเอาไว้พลางเอ่ยเสียงหวานอยู่ข้างหูเธอ “คิดอะไรอยู่เหรอ”
เธอหัวเราะเบาๆ เก็บความรู้สึกนึกคิดเมื่อครู่เอาไว้ จากนั้นส่งยิ้มอบอุ่นให้เขา เธอวางมือลงบนหลังมือของเขาพลางเอ่ย “คิดถึงคุณค่ะ”
เอ่ยจบก็ต้องรู้สึกเสียใจทันที เธออยากจะกลืนคำพูดเมื่อกี้กลับคืนเหลือเกิน เพราะเธอสังเกตเห็นปฏิกิริยาของเขาหลังเธอเอ่ยจบทันที แววตาของเขาเป็นประกายวิบวับจนน่าตกใจ เขาใช้แรงโอบกอดเธอแน่นมากยิ่งขึ้นพลางเอ่ย “คุณพูดว่าอะไรนะ พูดอีกครั้งได้ไหม”
“คุณปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ฉันเจ็บ” เธอนิ่วหน้าพลางปฏิเสธ
จิ้นหยวนผ่อนแรงลงเล็กน้อย แต่เขายังคงจ้องมองเธอตาไม่กะพริบ “คุณพูดว่าอะไร ไหนพูดอีกทีซิ”