เดือนนั้น คุณนายเฉียวย้ายออกจากคฤหาสน์ของจิ้นหยวนตามที่เคยบอกเอาไว้ เธอย้ายไปอยู่ที่บ้านเช่าละแวกนั้น วันที่ย้ายออก พวกเฉียวซือมู่ไปช่วยกันขนของด้วย พอเห็นว่าบ้านเช่าหลังเล็กนิดเดียว ไม่ได้ครึ่งที่เคยอยู่ด้วยซ้ำ เฉียวซือมู่ก็รู้สึกปวดใจมาก พยายามเกลี้ยกล่อมให้คุณนายเฉียวกลับไปอยู่ที่เดิม แต่กลับถูกคุณนายเฉียวปฏิเสธอย่างเฉียบขาด
และแผนการต่อไปของคุณนายเฉียวก็คือหางานทำ
เฉียวซือมู่กลัดกลุ้มอยู่ครึ่งค่อนวันกว่าจะยอมรับความคิดของคุณแม่ได้ จิ้นหยวนต้องพูดปลอบอยู่นานกว่าเธอจะยอมรับความจริงได้
หลังจากนั้นไม่นาน จิ้นหยวนต้องไปร่วมงานสังสรรค์ของตระกูลจิ้น ดูเหมือนว่างานเลี้ยงแซยิดของจิ้นเฮ่ากำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว เนื่องจากฐานะทางสังคมของตระกูลจิ้น คืนวันงานจะต้องมีแขกเหรื่อมากมายไปร่วมงานอย่างแน่นอน ดังนั้น จิ้นหยวนจึงจำเป็นต้องไปออกงานอย่างเลี่ยงไม่ได้
ตอนแรกเขาคิดเพ้อเจ้อจะพาเธอไปร่วมงานด้วย แต่ก็ถูกเธอปฏิเสธ พูดเป็นเล่นไปได้ ตอนนี้เขาเป็นสามีของหร่วนเซียงเซียงอยู่นะ ขืนพาเธอไปด้วย มีหวังตระกูลหร่วนต้องเกลียดเธอตายแน่ เธอยังอยากจะมีชีวิตอยู่ไปนานๆ นะ
จิ้นหยวนเกลี้ยกล่อมอีกสักพัก เมื่อเห็นท่าทางเด็ดขาดของเธอแล้วจึงเลิกล้มความตั้งใจ เขากำชับให้เธออยู่บ้านดีๆ เขาไปแค่วันเดียวก็กลับแล้ว จากนั้นจึงออกจากบ้านไป
เธอรู้ว่าเขาคงไม่กลับเร็วขนาดนั้น เธอเดินไปมาอยู่ในห้องอย่างใจเย็น เหลือบดูเวลาเห็นว่ายังเช้าอยู่จึงตัดสินใจแวะเข้าไปดูที่ออฟฟิศเสียหน่อย เมื่อไปถึงออฟฟิศถึงได้รู้ว่ากิจการกำลังไปได้ดีมาก ตอนนี้นิตยสารซินเฟิงถือเป็นนิตยสารอันดับหนึ่งในเมืองนี้ไปแล้ว เธอดีใจมากจึงพาพนักงานไปเลี้ยงอาหารเที่ยง พวกหรงเซียวกอดเธอแน่นไม่ยอมปล่อย
เธออยู่ที่ออฟฟิศจนค่ำถึงกลับบ้าน ถึงบ้านแล้วยังไม่เห็นจิ้นหยวนกลับบ้านตามคาดจึงเบ้ปากน้อยๆ อย่างผิดหวัง พยายามไม่คิดฟุ้งซ่านว่าตอนนี้มีใครยืนอยู่ข้างกายเขา เธอกลับขึ้นห้องแล้วอาบน้ำ จากนั้นปีนขึ้นเตียง กะจะเล่นคอมพิวเตอร์ก่อนแล้วค่อยเข้านอน
ขณะที่เธอกำลังจดจ่ออยู่กับการดูซีรีส์เกาหลีอยู่นั้น จู่ๆ เธอก็รู้สึกเวียนศีรษะขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย อีกทั้งรู้สึกง่วงมากด้วย เธอยืดตัวบิดขี้เกียจ โยนคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คไปอีกทาง จากนั้นปิดเปลือกตาลง
ขณะที่กำลังจะผลอยหลับนั้น จู่ๆ เธอก็นึกขึ้นได้ว่าเร็วเกินไปที่จะเข้านอนตอนนี้ นี่มันยังไม่ถึงเวลาเข้านอนนะ…
ขณะที่เฉียวซือมู่กำลังหลับสนิทอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเสียงดังเบาๆ อยู่นอกหน้าต่างห้องนอนที่ถูกปิดสนิท จากนั้น ใครคนหนึ่งเปิดหน้าต่างออกอย่างคล่องแคล่ว ใครคนนั้นกระโดดเข้ามาในห้องอย่างเงียบเชียบ…
จิ้นหยวนสีหน้าไม่ดีนัก เขากำลังมองจิ้นเฮ่าและฉินเพ่ยหรงที่กำลังยิ้มหน้าบานอยู่ตรงหน้า เขามุ่นหัวคิ้วพลางเอ่ยถาม “คุณแม่แน่ใจแล้วเหรอครับ?”
ฉินเพ่ยหรงชะงักชั่วครู่ “เด็กโง่ เรื่องแบบนี้พวกเราจะพลาดได้ยังไง? เราเชิญหมอมาตรวจอาการแล้ว ยืนยันว่าท้องแน่นอน”
“จริงเหรอครับ?” เขาฟังแล้วสีหน้าไม่ได้ดูดีขึ้นเลย กลับดูเคร่งเครียดมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ “คุณแม่แน่ใจได้ยังไงว่าเด็กในท้องเป็นลูกของผม?”
“นี่แกพูดบ้าอะไร?” ครั้งนี้จิ้นเฮ่าเป็นคนเอ่ยขึ้นแทน เขาโมโหจนหน้าแดงก่ำ ใช้ไม้เท้าฟาดลงบนตัวจิ้นหยวน “ดูซิว่าแกพูดอะไรออกมา เซียงเซียงเขาต้องลำบากท้องลูกของแก ตอนนี้แพ้ท้องหนักจนอาเจียนทั้งวัน แต่แกกลับพูดจาพล่อยๆ แบบนี้เหรอ? นี่ฉันทำเวรทำกรรมอะไรไว้ ถึงได้มีลูกอย่างแก!”
จิ้นเฮ่าด่าว่าเสียๆ หายๆ ให้เจ็บช้ำน้ำใจ เหลือแค่ไม่ได้ไล่เขาออกจากบ้านเท่านั้น จิ้นหยวนยังคงปั้นหน้านิ่งเหมือนเดิม เขายิ้มเยาะพลางเหลือบมองหร่วนเซียงเซียงแวบหนึ่ง เห็นสีหน้าหร่วนเซียงเซียงตื่นตระหนกเล็กน้อย ยิ่งทำให้เขามั่นใจในสิ่งที่ตัวเองคิดมากยิ่งขึ้น เขายิ้มเย้ยในใจ คราวนี้เธอเป็นคนหาเรื่องใส่ตัวเองนะ อย่ามาโทษเขาก็แล้วกัน
จิ้นหยวนเดินก้าวยาวไปหาหร่วนเซียงเซียง จ้องใบหน้าซีดเผือดของเธอตาเขม็ง “ฉันขอถามหน่อย เธอบอกว่าท้องใช่ไหม? เด็กในท้องเป็นลูกฉันเหรอ?”
เธอลังเลชั่วครู่ กัดฟันตอบ “ก็ใช่นะสิ คุณเป็นสามีฉันนะ ลูกในท้องไม่ใช่ของคุณแล้วจะเป็นของใครล่ะ?”
หร่วนเซียงเซียงเอ่ยจบพลันเห็นรอยยิ้มเย็นยะเยือกตรงมุมปากจิ้นหยวน หัวใจเธอหนักอึ้ง “อย่างนั้นเหรอ? เธอแน่ใจนะว่าเด็กคนนี้แซ่จิ้น ไม่ใช่แซ่หวัง?”
เสียงดัง “เปรี้ยง” เหมือนฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ เธอตัวแข็งทื่อ แววตาตื่นตระหนก ตัวสั่นไปทั้งร่าง “ทะ… ทะ… ทำไมคุณถึง…”
เธอตัวสั่นงันงกจนพูดไม่ออก ตอนนี้เธอช็อกมาก ทั้งๆ ที่รู้ว่าท่าทางของตัวเองต้องทำให้เป็นเรื่องแน่ แต่เธอกลับควบคุมตัวเองไม่ได้เลยสักนิด
“เธออยากถามว่าฉันรู้เรื่องนี้ได้ยังไงใช่ไหม?” จิ้นหยวนหัวเราะเสียงเย็นยะเยือก ท่าทางเต็มไปด้วยเสน่ห์ร้ายๆ “มีคนกล่าวไว้ว่า ถ้าไม่อยากให้คนอื่นรู้ก็ไม่ต้องทำ บางครั้ง คำพูดของคนแก่ก็มีเหตุผลจริงๆ”
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้จิ้นเฮ่ากับฉินเพ่ยหรงงงเป็นไก่ตาแตก “นี่ลูกกำลังพูดอะไร? อะไรคือแซ่จิ้นแซ่หวัง?”
จิ้นหยวนจ้องเธอตาเขม็ง แววตาเย็นเยียบ “เธอจะพูดเอง หรือให้ฉันพูด?”
หร่วนเซียงเซียงเข่าอ่อนจนแทบทรุดกับพื้น เธอเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “คุณใช่ไหม คุณตั้งใจวางแผนนี้ขึ้นใช่ไหม? จิ้นหยวน คุณโหดเ**้ยมมาก ฉันเป็นเมียคุณนะ ไม่ใช่หมูหมากาไก่ที่ไหน นี่คุณถึงกับส่งผู้ชายคนอื่นมาล่อลวงฉันอย่างนั้นเหรอ คุณมัน…”
ใช่แล้ว ความคิดเธอในตอนนี้ก็คือ เธอคิดว่าตัวเองติดกับดักที่จิ้นหยวนวางเอาไว้ เธอตกหลุมพรางของเขาเข้าอย่างจัง จิ้นหยวนคงอยากตีตัวออกจากเธอถึงได้ให้คนแซ่หวังคนนั้นมาล่อลวงเธอ เธอไม่ผิด!
เธอยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเดาถูกต้อง เธอโกรธจนเลือดขึ้นหน้า ไม่สนใจสายตาที่เย็นเยียบขึ้นเรื่อยๆ ของจิ้นหยวน “ต้องเป็นคุณแน่ๆ นี่คุณกล้าทำกับฉันขนาดนี้เลยเหรอ ฉันทำผิดอะไรคุณถึงไม่ชอบฉัน แม้แต่เรื่องที่ฉันอยากจะมีลูกคุณก็ไม่ยอม คุณมันโหดร้ายที่สุด…”
เธอร้องไห้คร่ำครวญน้ำตานองหน้า ท่าทางน่าเวทนาเหลือเกิน สองผู้เฒ่าที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เห็นแล้วร้อนใจมาก จิ้นเฮ่าดุด่าจิ้นหยวน “นี่แกจะทำอะไรกันแน่ เซียงเซียงไม่ดีตรงไหน? แกถึงได้ทำร้ายเธอแบบนี้ ต้องทำให้ถึงตายแกถึงจะพอใจหรือไง?”
ฉินเพ่ยหรงรีบเข้าไปประคองหร่วนเซียงเซียงลุกขึ้น “เด็กดี หยุดร้องได้แล้ว หนูต้องระวังสุขภาพนะ กระทบกระเทือนถึงลูกในท้องจะแย่ได้ วางใจเถอะ ถึงอาหยวนจะไม่เอาหนู แต่เราสองคนจะอยู่ข้างหนูเองนะ สบายใจเถอะนะ…”
จิ้นหยวนมองหร่วนเซียงเซียงอย่างรังเกียจ รู้สึกว่าตัวเองประเมินความหน้าด้านของเธอน้อยเกินไป นึกไม่ถึงเลยว่าจนป่านนี้แล้วเธอก็ยังไม่ลืมเรียกคะแนนสงสารให้ตัวเอง
เขาไม่สนใจจิ้นเฮ่าที่กำลังโกรธจัด มองหร่วนเซียงเซียงสีหน้าเย็นชา “ฉันไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น ผู้ชายคนนั้นก็ไม่ใช่คนที่ฉันหามาด้วย จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่เธอ แต่เรื่องที่เธอคบชู้เป็นเรื่องจริง ฉันให้โอกาสเธอเป็นครั้งสุดท้าย เซ็นใบหย่าซะ ไม่อย่างนั้น ฉันจะบอกเรื่องที่เธอคบชู้กับหวังจื้อให้ตระกูลหร่วนรู้ ถึงตอนนั้นเธอน่าจะรู้นะว่าผลมันจะเป็นยังไง”