ตอนที่ 276 เตรียมตัว
วันรุ่งขึ้น คุณหมอมาตรวจอาการจิ้นหยวนและสิ่งที่หมอบอกไม่แตกต่างจากที่จิ้นหยวนพูดเลย ตอนนี้บาดแผลเขาสมานตัวได้ดีมาก เนื่องจากตอนเย็บแผลคุณหมอใช้ไหมละลายจึงไม่ต้องตัดไหม
จิ้นหยวนขอกลับบ้านทันที เขาจ้องคุณหมอตาเขม็ง ทำท่าเหมือนกับว่าถ้าคุณหมอไม่อนุญาตเขาก็จะไม่ปล่อยคุณหมอออกจากห้อง ทำให้คุณหมอต้องอนุญาตอย่างจำยอม
ความจริงร่างกายของจิ้นหยวนแข็งแรงกว่าคนทั่วไป จะว่าไปแล้วใช่ว่าจะออกจากโรงพยาบาลไม่ได้ เพื่อความปลอดภัยคุณหมอจึงอยากให้รักษาตัวต่อให้หายดีเสียก่อน จึงไม่อยากให้คนไข้ออกจากโรงพยาบาลก่อนกำหนดเท่านั้นเอง
ในที่สุดจิ้นหยวนก็ได้กลับบ้านสมดังใจหมาย เขากระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันทีเหมือนเสือชีต้าห์ที่เพิ่งถูกปล่อยออกจากกรงแล้วพุ่งทะยานออกไปสู่ทุ่งกว้างอย่างรวดเร็ว สิ่งแรกที่เขาทำก็คือจูงมือเฉียวซือมู่ขึ้นเตียงแล้วเกลือกกลิ้งอยู่บนเตียงด้วยกันทั้งคืน และตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้นราวกับไม่เหนื่อยเลยสักนิด แถมยังไปทำงานพร้อมพลังเต็มเปี่ยมอีกต่างหาก เหลือไว้เพียงเฉียวซือมู่ที่ยังคงนอนสะลึมสะลือหมดเรี่ยวแรงอยู่บนเตียงคนเดียว
เฉียวซือมู่ถูกทรมานทั้งคืนจนหมดแรง ตื่นขึ้นมาอีกทีก็เย็นแล้ว ทำให้เธอพลาดอาหารเช้าและอาหารเที่ยงไปโดยปริยาย เธอทั้งอายทั้งโมโห อีตาจิ้นหยวนทำไมถึงไม่รู้จักหักห้ามใจเสียบ้างนะ
ตามหลักแล้วเขาเสียแรงมากกว่าเธอตั้งเยอะ แต่กลับสามารถลุกขึ้นไปทำงานได้ตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนเธอหลับเป็นตายจนถึงตอนนี้ แถมยังตื่นขึ้นมาในสภาพไร้เรี่ยวแรงจนเกือบล้มตัวลงนอนอีกรอบด้วยซ้ำ
เธอทอดถอนใจ พยายามลุกออกจากเตียงอย่างสุดกำลัง
เธอรับประทานอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา โทรกลับสายที่ไม่ได้รับ รู้สึกว่าขืนตัวเองยังเป็นแบบนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่ ก่อนหน้านี้เป็นเพราะสุขภาพเธอไม่แข็งแรง แต่ตอนนี้เธอหายดีเป็นปกติแล้ว นั่นหมายความว่าเธอสามารถออกไปทำงานได้แล้วนะสิ?
เธอไม่อยากเป็นแม่บ้าน และไม่มีทางเป็นได้ด้วย
เธอครุ่นคิดอยู่เงียบๆ ได้เวลาคุยกับเขาแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เห็นด้วยที่เธอจะออกไปทำงานนี่นา
ถึงอย่างไรเธอก็ต้องเรียกร้องสิทธิ์ให้ตัวเอง อย่างน้อยก็หางานที่ชั่วโมงทำงานสั้นลงหน่อยก็ยังดี
เธอตัดสินใจแน่วแน่ เตรียมตัวคุยกับเขาทันทีที่มีโอกาส
แต่พอจิ้นหยวนกลับถึงบ้านแล้วเธอกลับไม่มีโอกาสได้คุยกับเขาเลย เพราะ…
จิ้นหยวนเดินไปนั่งลงข้างเธอ ใช้นิ้วเกี่ยวปอยผมเธอเล่นไปมา ยื่นหน้าเข้าไปเอ่ยเสียงแผ่วหวิวข้างหูเธอ “พรุ่งนี้คุณกลับบ้านกับผมนะ”
หร่วนจิงเทียนเป็นคนมีหน้ามีตาในสังคม หลังจากเรื่องหร่วนเซียงเซียงถูกเปิดโปง และจิ้นหยวนแตกหักกับหร่วนเซียงเซียงอย่างสิ้นเชิง เขาสั่งให้ทั้งสองหย่าขาดจากกันทันที และนั่นทำให้จิ้นหยวนได้รับอิสรภาพและกลับคืนสู่สถานะหนุ่มโสดอีกครั้ง
เขาพาเธอกลับบ้านตอนนี้หมายความว่าอย่างไร?
เธอมองเขาด้วยความลังเล “พรุ่งนี้เป็นวันอะไรเหรอคะ?”
ก่อนหน้านี้ความสัมพันธ์ระหว่างจิ้นหยวนกับจิ้นเฮ่าไม่ค่อยดีนัก เขาจึงกลับบ้านไม่บ่อยสักเท่าไหร่และจะต้องมีเหตุผลในการกลับบ้านทุกครั้ง เธอจึงถามเขาด้วยความสงสัย
เขาพยักหน้า “พรุ่งนี้เป็นวันเกิดผม คุณแม่บอกให้ผมกลับไปกินข้าวเย็น มีแต่คนในครอบครัวเท่านั้น”
“วันเกิดคุณเหรอคะ?” เธอประหลาดใจมาก ไม่เห็นเคยได้ยินเขาพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน พอนึกถึงเรื่องที่ตัวเองอยู่กับเขามาตั้งนาน แต่กลับไม่รู้วันเกิดเขาเลยจึงรู้สึกผิดขึ้นมาทันที
“ใช่ ผมถึงได้อยากพาคุณกลับไปด้วยไง คุณยินดีไหม?” เขาเอ่ยเสียงแผ่ว
เธอลังเลนิดๆ “ให้ฉันกลับไปกับคุณคงไม่ค่อยดีมังคะ ฉันคิดว่าคุณแม่คุณคงไม่อยากเห็นหน้าฉันหรอกค่ะ”
จิ้นหยวนเลิกคิ้ว “สบายใจได้ มีผมอยู่ทั้งคน คุณแม่ไม่ทำอะไรคุณหรอกน่า”
ตอนที่ 277 พบคุณพ่อคุณแม่
“เหรอคะ?” เธอไม่ค่อยมั่นใจคำพูดของเขาสักเท่าไหร่ แต่พอเห็นสีหน้ามุ่งมั่นแรงกล้าของเขาแล้วจึงยอมพยักหน้าตกลง “ก็ได้ค่ะ ฉันจะไปกับคุณ หวังว่าคุณแม่คุณจะระงับอารมณ์ได้นะคะ”
เธอเอ่ยอย่างขี้เล่น เขาจิ้มจมูกเธอเบาๆ “ซนจัง คุณคิดว่าคุณแม่ผมเป็นคนไร้เหตุผลขนาดนั้นเลยเหรอ?”
เธอเบือนหน้าหนีโดยไม่ตอบเขา
ก็เห็นกันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ในเมื่อเธอคิดจะแต่งงานกับเขา ก็ต้องพยายามยอมรับครอบครัวเขาให้ได้สิ
“ผมจะเป็นคนปกป้องคุณเอง คุณสบายใจเถอะ” เขาฝังจุมพิตลงบนกระหม่อมเธออย่างรักใคร่ ตัดสินใจแน่วแน่ที่จะพาเธอกลับไปพบคุณพ่อคุณแม่ให้ได้ ครั้งนี้เขาจะไม่ยอมให้พวกท่านแทรกแซงการแต่งงานของเขาอีก
เรื่องนี้เกิดขึ้นกะทันหันเกินไปจนทำให้เธอลืมคุยเรื่องที่ตัวเองอยากจะออกไปทำงานไปโดยปริยาย
จิ้นหยวนขับรถกลับมารับเฉียวซือมู่ที่บ้านตอนบ่ายแก่ๆ ในวันถัดมา
นี่เป็นการพบว่าที่พ่อแม่สามีอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก เธอครุ่นคิดคนเดียวอยู่ในห้องนอนครึ่งค่อนวัน ในที่สุดก็ตัดสินใจเลือกสวมชุดกระโปรงเรียบง่ายแต่ดูสง่างาม แต่งหน้าอ่อนๆ หยิบกระเป่าถือใบเล็กขึ้นมาแล้วสูดหายใจลึกๆ รู้สึกตื่นเต้นกว่าการไปสัมภาษณ์งานเสียอีก
ในรถ จิ้นหยวนขับรถพลางชำเลืองมองเธอพลางอย่างเงียบๆ เธอถูกสายตาเขาจับจ้องจนรู้สึกกระสับกระส่าย จึงเอ่ยถามเก้อๆ “คุณมองอะไรคะ?”
เขายกยิ้มมุมปาก “วันนี้คุณสวยมาก อย่าว่าแต่ผมเลย เดี๋ยวถึงบ้านแล้ว แม้แต่คุณแม่ก็ต้องตะลึงจนตาค้างเหมือนกัน”
เธอหัวเราะพรืด “พูดไปเรื่อย”
เขายังคงเอ่ยเสียงจริงจัง “จริงนะ ผมไม่โกหกคุณหรอกน่า”
“คุณนี่ขี้โม้จริงๆ เลย” เธอเอ่ยเสียงเบื่อหน่ายพลางตวัดสายตามองเขาแวบหนึ่ง
ได้ยินเขาพูดแบบนี้แล้วเธอค่อยรู้สึกตื่นเต้นน้อยลงหน่อย เธอชำเลืองมองเขาแวบหนึ่ง เห็นเขาหุบยิ้มแล้ว สีหน้าท่าทางไม่ได้ขี้เล่นเหมือนเมื่อครู่นี้อีก
ที่แม้เมื่อกี้เขาตั้งใจพูดให้เธอผ่อนคลายใช่ไหม? เธอไม่ค่อยแน่ใจนัก
เธอครุ่นคิดเล็กน้อย จู่ๆ ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เอ่ยถามด้วยความตื่นเต้น “คุณเอาของขวัญมาด้วยหรือเปล่าคะ?”
เขากวาดสายตามองเธอแวบหนึ่ง เห็นว่าเธอตื่นเต้นขึ้นมาอีกแล้ว จึงเอ่ยอย่างทอดถอนใจ “สบายใจได้ ผมซื้อเอาไว้หมดแล้ว กล่องสีฟ้าเป็นของคุณพ่อ กล่องสีชมพูเป็นของคุณแม่ จำไว้ให้ดีล่ะ ถึงเวลาอย่าหยิบผิดล่ะ”
นี่เป็นการพบกันอย่างเป็นทางการครั้งแรก เธอจึงต้องมีของขวัญไปด้วย เมื่อคืนเธอจึงคิดจะออกไปซื้อของขวัญด้วยความตื่นเต้น แต่กลับถูกจิ้นหยวนห้ามเอาไว้เสียก่อน เขาให้เหตุผลว่าเขาเป็นคนซื้อเองดีกว่า จะได้เลือกของขวัญได้ถูกใจคุณพ่อคุณแม่ด้วย
เธอฟังแล้วรู้สึกว่าสมเหตุสมผล จึงยอมรับข้อเสนอของเขา
จิ้นหยวนขับรถเข้าไปในบ้าน เขาจอดรถแล้วเดินอ้อมไปเปิดประตูให้เฉียวซือมู่ลงจากรถ เอ่ยกับเธอเสียงเบา “ไม่ต้องเกร็ง บ้านผมไม่ใช่รังปีศาจ ไม่มีใครกินคุณหรอก”
เธอมองเขาด้วยความประหม่า “ไม่ตลกเลยนะคะ”
จิ้นหยวนยักไหล่ เขาจับมือเธอแล้วเดินจูงมือเธอเข้าไปในบ้าน คุณพ่อคุณแม่ยังรอพวกเขาอยู่ในบ้านนะ
เฉียวซือมู่สูดหายใจเข้าปอดลึกๆ เดินตามจิ้นหยวนเข้าไปในบ้าน
ไม่ว่าคนที่อยู่ข้างในจะคิดกับเธออย่างไรก็ตาม เธอก็ต้องผ่านด่านนี้ไปให้ได้
ไม่มีใครสามารถช่วยเธอได้ แม้แต่จิ้นหยวนก็เช่นเดียวกัน
ถึงจะบอกว่ามารับประทานอาหารเย็น แต่ทั้งสองก็ไม่กล้ามาเพื่อกินเท่านั้น ตอนนี้เพิ่งจะบ่ายสามหรือสี่โมงเย็นเอง ไม่มีใครอยู่ในห้องรับแขกแม้แต่คนเดียว สาวใช้คนหนึ่งเข้ามารายงานจิ้นหยวน “นายท่านกับนายหญิงออกไปเดินเล่นค่ะ”