ตอนที่ 294 เหตุผลที่บอกไม่ได้
คุณนายเฉียวเอ่ยปากไล่สองหนุ่มสาวกลับบ้านทันทีที่ดื่มชายามบ่ายเสร็จ “เอาล่ะ ข้าวก็กินแล้ว ชาก็ดื่มแล้ว กลับไปกันได้แล้วล่ะ”
เฉียวซือมู่พูดไม่ออกบอกไม่ถูก ได้แต่ตามจิ้นหยวนกลับบ้านแต่โดยดี
หลายวันที่ผ่านมา ดูเหมือนจิ้นหยวนจะว่างมากกว่าปกติ เขาไม่เข้าบริษัทแต่กลับพาเธอไปหาคุณแม่แทน เธอนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง หวีผมพลางเอ่ยถามเขาพลาง “คุณคิดว่าทำไมคุณแม่ถึงไม่ยอมพูดความจริงกับฉันคะ?”
เหตุผลของคุณนายเฉียวฟังไม่ขึ้นเลย ใครได้ยินก็คงต้องระแวงสงสัยเหมือนกันทุกคน
จิ้นหยวนดูออกตั้งแต่แรกแล้ว เขารับแปรงหวีผมมาจากเธอแล้วค่อยๆ หวีผมให้เธออย่างเบามือ “บางทีท่านอาจจะมีเหตุผลของตัวเองก็ได้ คุณไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก ท่านเป็นผู้ใหญ่กว่าพวกเรา ต้องมองอะไรก็ลึกซึ้งกว่าเราอยู่แล้ว ท่านอาจจะมีเหตุผลที่บอกเราไม่ได้จริงๆ ก็ได้ คุณก็ไม่ต้องคิดมาก ทำตามที่ท่านสบายใจดีกว่า”
เธอฟังแล้วถอนหายใจเบาๆ “ก็จริงค่ะ แต่ว่า…” ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ แต่เธอก็ยังกังวลใจอยู่ดี คนนอกอาจจะคิดว่าคุณแม่เธอายุมากขนาดนั้นแล้ว คงจะมองเรื่องต่างๆ ได้ลึกซึ้ง แต่เธอที่เป็นลูกสาวรู้ดีว่าชีวิตที่ผ่านมาของคุณแม่นั้นราบรื่นเหมือนเดินอยู่บนกลีบกุหลาบ คุณพ่อรักและทะนุถนอมคุณแม่มาก ท่านจึงไม่เคยรู้จักโลกภายนอกเลย ตอนที่คุณแม่รู้ว่าถูกคุณพ่อทิ้งถึงได้สะเทือนใจมาก
เธอจึงไม่สามารถวางใจเรื่องในครั้งนี้ได้จริงๆ
แต่พูดเรื่องพวกนี้ออกไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร เธอจึงได้แต่ยิ้มบางๆ ให้จิ้นหยวนแล้วไม่ได้พูดอะไรอีก หากแต่เปลี่ยนเรื่องคุยแทน “คุณแม่คุณเป็นยังไงบ้างคะ วันนี้คุณไม่ได้ไปโรงพยาบาล ท่านไม่โกรธเหรอคะ?”
จิ้นหยวนยักไหล่ “ท่านไม่เป็นไรแล้ว หมอบอกว่าเป็นเพราะอารมณ์ร้อนมากเกินไปน่ะ แป๊บเดียวก็หายแล้ว พรุ่งนี้ผมค่อยไปเยี่ยมท่าน”
เธอตอบเพียง “อืม” เบาๆ หากเป็นเมื่อก่อนเธออาจจะบอกว่า “ฉันไปเยี่ยมเป็นเพื่อน” อะไรทำนองนั้น แต่หลังจากเกิดเรื่องคืนนั้นแล้ว หากจะบอกว่าเธอไม่ได้คิดมากเรื่องฉินเพ่ยหรงเลยก็คงเป็นเรื่องโกหก ที่สำคัญ ฉินเพ่ยหรงคงไม่อยากให้เธอไปเยี่ยมหรอก เธอจึงเลือกที่จะไม่พูดอะไรเลยดีกว่า ถามเพียงแค่ว่า “คุณต้องการของเยี่ยมไหมคะ? เดี๋ยวฉันออกไปซื้อให้”
“ไม่ต้องหรอก ท่านมีทุกอย่างแล้ว ไม่ต้องซื้อหรอก” จิ้นหยวนเข้าใจดีว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เขาใคร่ครวญเล็กน้อยแล้วเอ่ยขึ้น “ก่อนหน้านี้ผมคิดว่าคุณแม่ไม่พอใจคุณเพราะผมได้รับบาดเจ็บ แต่ผมเพิ่งรู้คืนนั้นเองว่า…”
เขาเอ่ยไม่จบประโยค ชักหัวคิ้วชนกันแน่น
เธอต่อประโยคให้เขา “เพิ่งรู้ว่าท่านเกลียดฉันมากใช่ไหมคะ?”
เขาถอนหายใจหนักๆ ตบบ่าเธอเบาๆ จากนั้นรั้งตัวเธอเข้าไปกอดเอาไว้แน่น “คืนนั้นลำบากคุณแล้วนะ ผมขอโทษคุณแทนคุณแม่ด้วย”
เสียงทุ้มต่ำอ่อนโยนดังอยู่ข้างหูเธอ ชั่ววินาทีนั้นน้ำตาเธอเกือบไหลรินออกมา
เธอกะพริบตาปริบๆ “ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้ก็พอแล้ว ฉันจะพยายามทำให้ท่านชอบฉันให้ได้ค่ะ”
จิ้นหยวนส่ายศีรษะ “คุณแม่เป็นคนหัวดื้อมาก คุณอย่าเพิ่งไปพบท่านจะดีกว่า ไปแล้วท่านก็ไม่ซึ้งใจหรอก มีแต่จะทำให้คุณลำบากเปล่าๆ ช่วงนี้คุณก็อยู่บ้านไปก่อน รอให้ผ่านไปอีกสักพัก ทุกอย่างอาจจะดีขึ้นก็ได้”
เธอพยักหน้าน้อยๆ เธอไม่ใช่พวกชอบถูกทารุณนี่ เลี่ยงไม่พบหน้ากันได้นั่นแหละดีที่สุดแล้ว
ตอนที่ 295 ทะเลาะกัน
ทันใดนั้น เธอเพิ่งนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงรีบคว้าจับมือเขาหมับ “ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณค่ะ”
“เรื่องอะไรเหรอ?” เขาจับมือเธอเอาไว้ ลูบไล้ฝ่ามือเธอไปมาเบาๆ อย่างซุกซน
เธอรู้สึกจักจี้ฝ่ามือมาก พยายามดึงมือออก แต่ก็ถูกเขาจับมือเธอแน่นไม่ยอมปล่อย เธอได้แต่ถลึงตาใส่เขา “ฉันอยากออกไปทำงานค่ะ…”
“ไม่ได้!” นั่นปะไร เป็นอย่างที่เธอคิดเอาไว้ไม่มีผิด จิ้นหยวนปฏิเสธทันทีโดยไม่เสียเวลาคิดแม้แต่วินาทีเดียว
“ทำไมไม่ได้ล่ะคะ?” เธอเบิกตาโต “ฉันแค่ออกไปทำงาน ไม่ได้ไปทำเรื่องไม่ดีสักหน่อย ทำไมคุณต้องโมโหมากขนาดนั้นด้วย”
สีหน้าจิ้นหยวนเด็ดขาด “ไม่ได้ก็คือไม่ได้ เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ช่างมัน คุณเป็นผู้หญิงของจิ้นหยวนนะ ต่อไปจะต้องเป็นคุณนายตระกูลจิ้น จะออกไปทำงานข้างนอกไม่ได้”
“ใครเป็นคนกำหนดกันคะ” เฉียวซือมู่ชักจะมีน้ำโหขึ้นมาบ้างแล้ว เธอจ้องเขาตาเขม็ง “นี่มันยุคสมัยใหม่ ไม่ใช่ยุคโบราณ ทำไมฉันจะออกไปทำงานไม่ได้”
ถ้าจิ้นหยวนพูดกับเธอดีๆ เธออาจจะไม่โมโหมากขนาดนี้ก็ได้ แต่ตอนนี้เขาไม่เพียงไม่เห็นด้วย แต่ยังทำหน้าปฏิเสธเด็ดขาดอีกต่างหาก ทำให้เธอไม่มีแม้แต่โอกาสคัดค้าน และนั่นทำให้เธอโมโหมาก ทำให้น้ำเสียงแข็งกระด้างตามไปด้วย
จิ้นหยวนมุ่นหัวคิ้วชนกันแน่น “ใช่ ตอนนี้เราเป็นคนสมัยใหม่ แต่คุณกำลังจะแต่งงานกับผมนะ คิดว่าผมไม่มีปัญญาเลี้ยงดูคุณหรือไง?”
“คุณมีปัญญาอยู่แล้ว อย่าว่าแต่เลี้ยงฉันคนเดียวเลย ต่อให้เลี้ยงฉันอีกสิบคนฉันก็เชื่อว่าคุณทำได้ แต่นี่ไม่ใช่ปัญหาเรื่องเงิน ฉันเรียนตั้งหลายปี จะปล่อยให้เปล่าประโยชน์ได้ยังไง อีกอย่าง ฉันเชื่อเสมอว่าเป็นผู้หญิงอย่าไปพึ่งคนอื่น ต้องพึ่งพาตัวเองให้ได้ เกิดวันไหนคุณทิ้งฉันไป ถึงตอนนั้นฉันไม่ต้องอดตายหรือไง?” เธอไล่เรียงเหตุผลออกมาเป็นข้อๆ แต่เพราะอารมณ์ร้อนมากเกินไป เธอจึงต้องเสียใจทันทีที่พูดประโยคสุดท้ายออกไป
จิ้นหยวนได้ยินแล้วยกมือขึ้นเคาะหน้าผากเธอเบาๆ “คุณพูดเหลวไหลอะไรน่ะ? ผมจะทิ้งคุณได้ยังไง? คุณคิดมากเกินไปแล้ว ไม่ได้ เรื่องนี้ผมไม่ยอม ไม่ได้ก็คือไม่ได้”
“คุณ!” เธอกระเด้งตัวลุกขึ้นยืนด้วยความโมโห สลัดมือเขาออกจากผมตัวเอง ต่อว่าเขาด้วยความโมโห “คุณมันเผด็จการ ฉันไม่สน ฉันจะทำงาน แน่จริงก็ขังฉันเอาไว้ในห้องเลยสิ!”
ต่อว่าต่อขานเสร็จแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ จากนั้นปิดประตูดังปังใหญ่
เสียงปิดประตูดัง “ปัง” สื่อความหมายว่าเธอกำลังโกรธมาก เขาลูบคางตัวเองเบาๆ อย่างจนคำพูดรู้สึกว่าช่วงนี้อารมณ์เมียจ๋าจะขึ้นลงเป็นว่าเล่น
ความจริงเขามีเหตุผลที่ไม่ต้องการให้เธอออกไปทำงานนอกบ้าน ข้อแรกก็เพราะคุณพ่อคุณแม่ของเขาเป็นคนหัวโบราณ พวกท่านไม่ชอบที่ผู้หญิงออกไปทำงานนอกบ้าน คุณแม่ไม่ชอบเธอเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ขืนยอมให้เธอออกไปทำงาน คงหมดหวังที่จะทำให้คุณแม่ชอบเธอ
ที่สำคัญ เขาเองก็ไม่อยากให้เธอออกไปทำงานเหมือนกัน เขามีสมบัติพัสถานมากมาย ไม่สนใจเงินเดือนน้อยนิดของเธอสักนิด เหตุผลต่างๆ นานาที่เธอพูดออกมาเขาเองก็ไม่เห็นด้วย แต่เขาไม่คิดเลยว่าเธอจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนั้น มันทำให้เขารู้สึกประหลาดใจมาก
เธอรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า หยิบคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คขึ้นเตียง ตัดสินใจแล้วว่าคืนนี้จะทำสงครามประสาทกับเขา เธอจะไม่พูดกับเขาเด็ดขาด
เพียงไม่นาน ผู้ชายหน้าไม่อายคนนั้นกลับปีนขึ้นเตียงมาเบียดเธอ เธอถลึงตามองเขาตาเขียวปั๊ด ปกติเวลานี้เขาต้องทำงานไม่ใช่เหรอ? แล้วขึ้นเตียงเร็วขนาดนี้ทำไม?
จิ้นหยวนทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เขายิ้มตาหยีปีนขึ้นเตียงแล้วกอดเธอเอาไว้ “เมียจ๋า อย่าโกรธเลยนะ ก็ผมเป็นห่วงกลัวว่าคุณจะเหนื่อยนี่นา”
“เฮอะ!” เธอครางเสียงฮึดฮัด สะบัดหน้าไปทางอื่นอย่างงอนๆ