ตอนที่ 310 อับอาย
ไหนๆ คุณเฉียวก็เป็นผู้หญิงของท่านประธาน รู้จักเธอเอาไว้ถือว่าตัวเองได้ประโยชน์ และจากการพูดคุยกับเธอเมื่อครู่ คุณเฉียวไม่ใช่คนแปลกประหลาดที่เอาใจยากอะไร โดยรวมวันนี้ถือว่าเธอคุ้มแล้ว
เมื่อคิดได้ดังนี้ สวี่เจียอี๋ที่กำลังจะเปิดประตูจึงชะงักกายเล็กน้อย เธอหมุนตัวเดินกลับไปหาเฉียวซือมู่ “คุณเฉียวคะ ฉันขอแนะนำอะไรหน่อยนะคะ คุณต้องระวังคุณเจียงเอาไว้ให้ดี ฉันรู้สึกว่าเธอมีจุดประสงค์อื่นที่ไม่บริสุทธิ์ใจค่ะ”
“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” เฉียวซือมู่ผงกศีรษะให้เธอเล็กน้อย เอ่ยขอบคุณจากใจ “ขอบคุณ”
สวี่เจียอี๋เดินจากไปอย่างพึงพอใจ
เฉียวซือมู่ถอนหายใจ ลุกจากโซฟา ฟังอยู่ตั้งนาน ถ้าจะบอกว่าเรื่องที่ได้รับรู้ไม่กระทบจิตใจเธอเลยก็คงเป็นเรื่องโกหก เพียงแต่เธอยินดีที่จะเชื่อในตัวจิ้นหยวนมากกว่า เธอคิดว่าที่จิ้นหยวนต้องทำงานร่วมกับเจียงจื่อเสียนอาจมีสาเหตุที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ก็เป็นได้
ตอนนี้เธออยากได้ยินคำอธิบายจากปากจิ้นหยวนจนแทบจะทนไม่ไหวแล้ว
เธอหยิบแท็บเล็ตขึ้นมา เริ่มเปิดอ่านข่าวต่างๆ เรื่อยเปื่อย แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยเรื่องรบกวนใจจนอ่านอะไรไม่รู้เรื่องสักอย่าง
ผ่านเวลาไปครึ่งชั่วโมง ในที่สุดจิ้นหยวนก็เปิดประตูออกแล้วก้าวเท้ายาวๆ เดินเข้ามาในห้อง
เฉียวซือมู่รีบเรียกสติกลับมา วางแท็บเล็ตในมือลงแล้วส่งยิ้มหวานให้เขา
ดวงตาจิ้นหยวนเป็นประกายวาบ เขาเดินจ้ำอ้าวเข้าไปรั้งตัวเธอเข้าไปกอด จากนั้นฝังจุมพิตลงบนริมฝีปากเธออย่างร้อนแรง
เธอดิ้นรนได้เพียงชั่วครู่เท่านั้น จากนั้นจมดิ่งสู่โลกแห่งความมหัศจรรย์ที่เขาสร้างขึ้น
กระทั่ง… มีใครบางคนส่งเสียงไออยู่ทางด้านหลังพวกเขานั่นแหละเธอถึงได้สติ รีบผลักเขาออก “มีคนมาค่ะ!”
จิ้นหยวนกอดเอวเธออย่างเซ็งๆ เปิดปากด่าคนที่ยืนอยู่ข้างหลังอย่างอารมณ์เสีย “หลินจื้อเฉิง นี่นายอยากตายใช่ไหม?”
หลินจื้อเฉิงหน้าละห้อย ยืนถือแฟ้มเอกสารอยู่หน้าประตู “พี่ใหญ่ ผมไม่ได้อยากทำแบบนี้นะครับ ก็พี่เป็นคนบอกเองว่าให้ผมส่งเอกสารนี้ให้พี่ใหญ่ดูเพราะเป็นเรื่องเร่งด่วนมาก ต้องรีบจัดการทันที ผมก็ทำตามคำสั่งของพี่ใหญ่แล้วไงครับ”
หลินจื้อเฉิงพูดน้ำไหลไฟดับ แต่สายตาเขากลับทรยศเขาเสียเอง เพราะสายตาเขาเต็มไปด้วยความหยอกล้อ เขามองจิ้นหยวนทีแล้วหันไปมองเฉียวซือมู่ที จากนั้นหันไปมองจิ้นหยวนอีกที
เฉียวซือมู่ถูกมองจนรู้สึกอับอาย รีบวิ่งเข้าไปในห้องรับรองแล้วปิดประตูตามหลังเสียงดังปังใหญ่
จิ้นหยวนส่ายศีรษะเซ็งๆ จากนั้นเดินไปนั่งลงหลังโต๊ะทำงาน เขาเลิกคิ้วมองหลินจื้อเฉิง “เอามานี่!”
หลินจื้อเฉิงยิ้มกริ่มเดินเข้าไปหาเขา จากนั้นยื่นแฟ้มเอกสารให้จิ้นหยวน “พี่ใหญ่ ท่าทางงานมงคลของพวกพี่คงอีกไม่นานแล้วสินะครับ”
จิ้นหยวนกวาดสายตาอ่านเอกสารในมืออย่างรวดเร็วแล้วจรดปากกาเซ็นชื่อลงบนเอกสาร “อีกไม่นานแล้ว แต่คงหลังงานของนาย”
“ถ้างั้นผมขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ” หลินจื้อเฉิงยิ้มกรุ้มกริ่ม “วันงานของผมพี่ต้องพาพี่สะใภ้ไปร่วมงานด้วยนะครับ”
“อืม” จิ้นหยวนตอบทั้งๆ ที่ไม่เงยหน้าขึ้น “ยังมีอะไรอีกไหม?”
“ไม่มีแล้วครับ” เขารีบรับเอกสารคืนกลับมา แต่ก่อนที่เขาจะหมุนตัวเดินออกจากห้อง จู่ๆ เขาก็เอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “พี่ใหญ่ แล้วคุณเจียงล่ะครับ?”
“คุณเจียงอะไร?” จิ้นหยวนมุ่นหัวคิ้วมองเขาอย่างไม่เข้าใจ
“โอเค ผมพูดผิดเอง คิดเสียว่าผมไม่ได้พูดอะไรก็แล้วกันครับ” หลินจื้อเฉิงรีบยกมือขึ้นอย่างยอมแพ้ จากนั้นรีบเดินจ้ำอ้าวออกจากห้อง
ไม่จำเป็นต้องรอให้พี่ใหญ่ปฏิเสธ แค่ปฏิกิริยาของเขาก็มากเพียงพอที่จะทำให้รู้แล้วว่าไม่มีอะไรในกอไผ่ระหว่างจิ้นหยวนกับเจียงจื่อเสียน!
ใครกันนะที่ปล่อยข่าวลือว่าเจียงจื่อเสียนต่างหากที่เป็นว่าที่ภรรยาของพี่ใหญ่?
เผยตัวออกมาเสียดีๆ รับรองเลยว่าจะไม่เอาให้ถึงตายหรอก!
ตอนที่ 311 หึงหวง
จิ้นหยวนมุ่นหัวคิ้ว คุณเจียงเหรอ? หรือว่าเขาจะคิดมากเกินไป?
เฉียวซือมู่ถูกจิ้นหยวนจูบจนหน้ามืดตาลาย นานสองนานกว่าเธอจะตั้งสติได้ เธอยาสองมือขึ้นกุมหน้าตัวเองพลางครุ่นคิดไปมา เมื่อคิดถึงคำพูดของสวี่เจียอี๋แล้วพลันรู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมาอีก ตั้งนานแล้วไม่รู้ทำไมจิ้นหยวนถึงยังไม่เข้ามาเสียที มันทำให้เธอกลุ้มใจมาก
ผ่านไปพักใหญ่เธอจึงได้ยินเสียงประตูห้องถูกเปิดออก จิ้นหยวนเดินเข้าไปในห้องแล้วตรงดิ่งเข้าไปหาเธอทันที เขาจูบขมับเธอเบาๆ แล้วเอ่ยถาม “ทำไมวันนี้ถึงมาหาผมถึงที่นี่ได้ล่ะ? หือ?”
ปกติเฉียวซือมู่ไม่ชอบตามเขามาที่บริษัท แม้เขาจะไม่รู้สาเหตุที่เธอทำแบบนี้ แต่เขาก็พอจะเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของเธอ
แต่วันนี้คงเป็นข้อยกเว้น
เขานึกถึงคำพูดที่หลินจื้อเฉิงพูดเมื่อครู่ ความหวังเล็กๆ ผุดขึ้นในใจเขา
เธอบิดตัวเล็กน้อยแล้วเอ่ยกับเขา “ฉันแค่อยากจะมาหาคุณ ไม่ได้เหรอคะ?”
“ได้อยู่แล้ว ผมดีใจมากเลยนะ คุณดูไม่ออกเหรอ?” เขานั่งลงข้างเธอ จ้องมองเธอด้วยสายตาลึกซึ้ง
เธอถูกเขาจ้องจนรู้สึกเขินจนต้องรีบเบือนหน้าหนีไปทางอื่น “ฉันคิดว่าคุณอยู่ที่นี่มีความสุขมากจนไม่อยากเห็นหน้าฉันแล้วเสียอีก”
กลิ่นอายความหึงหวงอบอวลอยู่ในคำพูดเธอ ทำให้จิ้นหยวนนึกถึงคำพูดที่หลินจื้อเฉิงที่เพิ่งพูดกับเขาเมื่อครู่ขึ้นมาทันที เขาคลี่ยิ้มน้อยๆ “คุณพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงเหรอ?”
“คุณรู้ดีแก่ใจอยู่แล้วนี่” เฉียวซือมู่มองเขาค้อนควัก ชัดเจนขนาดนี้แล้วยังจะมาย้อมถามเธออีก เขาต้องตั้งใจแน่ๆ
ความจริงเธอระแวงจิ้นหยวนมากเกินไป เธอคงลืมอะไรไปบางอย่าง ชายกับหญิงนั้นคิดต่างกันมาก สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือ เรื่องที่เธอคิดว่าหนักหนาสาหัส แต่อีกฝ่ายกลับไม่เคยเอามาใส่ใจเลยสักนิด เช่นเดียวกันกับครั้งนี้
จิ้นหยวนมุ่นหัวคิ้ว “คุณหมายถึงเรื่องเจียงจื่อเสียนเหรอ?”
“ฉันคิดว่าคุณจะแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องเสียอีก” เธอเอ่ยต่อพลางมองเขาอย่างไม่พอใจนัก “คุณก็รู้นี่คะว่าเธอเป็นผู้หญิงที่คุณแม่คุณคิดจะจับคู่ให้ แล้วทำไมคุณถึงยังเก็บเธอไว้ข้างกายแบบนี้อีก หรือว่าคุณอยากแต่งงานกับเธอจริงๆ?”
“พูดจาเหลวไหลน่า” จิ้นหยวนเอ่ยอย่างตำหนิ “ที่ผมให้เธอทำงานงานที่บริษัทก็เพื่องานเท่านั้น ถึงตอนอยู่เมืองนอกเธอจะเป็นเพียงแค่อาจารย์สอนในมหาวิทยาลัย แต่เธอยังจบบริหารธุรกิจ แถมยังจบปริญญาเอกด้านการเงินด้วยนะ ถือเป็นคนที่เก่งมาก ระหว่างผมกับเธอเกี่ยวข้องกันแค่เรื่องงานเท่านั้น”
ถึงกระนั้นก็เถอะ เฉียวซือมู่ที่ได้ยินเขาชมหญิงอื่นต่อหน้าต่อตาเธอแบบนี้ เธอยิ่งหึงหนักเข้าไปใหญ่ “ดูสิ ยังจะมาพูดอีกว่าไม่คิดอะไรกับเธอ ไม่เห็นคุณเคยชมฉันแบบนี้เบ้างเลย”
“คุณพูดอะไรอย่างนั้น!” จิ้นหยวนหัวเราะเบาๆ ด้วยความชอบใจที่เธอหึงเขาแบบนี้ เขาใช้นิ้วจิ้มจมูกเธอเบาๆ “ผมกับเขาเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกันเท่านั้น ไม่มีอะไรมากกว่านั้น คุณอย่าคิดมากสิ”
เธอทำแก้มป่องพองลมโดยไม่พูดอะไรอีก ตอนแรกเธอยังคิดที่จะให้จิ้นหยวนไล่เธอออก อย่างน้อยเขาจะได้ไม่ต้องอยู่ใกล้ชิดเธอ แต่พอเห็นเขาชมเธอไม่ขาดปาก แถมยังไม่เอ่ยสักคำว่าจะให้เธอออกจากบริษัทอีก เธอจึงรู้แล้วว่าต่อให้เธอบอกให้เขาทำแบบนั้นอ เขาก็คงไม่ยอมรับความคิดเห็นของเธอหรอก เธอจึงรู้สึกไม่พอใจมาก
จิ้นหยวนเห็นท่าทางเธอแล้วคิดว่าเธอยังหึงหวงเขาอยู่ จึงได้แต่ทอดถอนใจว่าผู้หญิงนี่ขี้หึงไม่เข้าเรื่องจริงๆ “ได้ ผมรับปากคุณ ถ้าไม่มีเรื่องจำเป็นผมจะไม่คุยกับเธอ แบบนี้คุณพอใจหรือยัง?”
“ก็ได้ค่ะ แล้วอย่าลืมที่คุณพูดล่ะ” เธอมองจิ้นหยวนพลางเอ่ยอย่างจริงจัง