ตอนที่ 362 คุณหึงผมได้คนเดียวเท่านั้น!
จิ้นหยวนกอดเธอไว้ในอก “ถ้าคุณไม่ชอบพวกเขา ผมมีวิธิแยกพวกเขาออกจากกันโดยไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้ คุณต้องการไหม?”
เขารู้ดีว่าเมียจ๋ากำลังไม่สบายใจ จึงเสนอแนะ
เธอสะดุ้งกายเล็กน้อย รีบส่ายศีรษะทันที “ไม่ต้องหรอกค่ะ ปล่อยให้เป็นแบบนี้แหละดีแล้ว ความจริงคุณแม่ไม่ได้ยิ้มสดใสแบบนี้นานมากแล้ว ผู้ชายคนนั้นทำให้ท่านมีความสุข ถือเป็นเรื่องที่ดีมากที่สุดเลยล่ะค่ะ”
“ผมเห็นสีหน้าคุณแล้วก็นึกว่าคุณไม่พอใจเสียอีก”
“ฉันหึงคุณแม่ไม่ได้หรือไงคะ?” เธอกรอกตามองเขาอย่างเหนื่อยหน่าย “คุณแม่คนเดียวของฉันถูกผู้ชายคนอื่นแย่งไปแล้ว ยังจะมาห้ามไม่ให้ฉันเศร้าอีกเหรอคะ”
“ไม่ได้ คุณหึงผมได้แค่คนเดียวเท่านั้น” เวลาเขาเอาแต่ใจขึ้นมากลับกลายเป็นคนไร้เหตุผลที่สุดเสียนี่
เฉียวซือมู่ทนไม่ไหวอีกต่อไป “นี่คุณมีสติหน่อยสิ นั่นคุณแม่ฉันนะ คุณขี้หึงแม้แต่กับคุณแม่ของฉันเหรอคะ?”
เขาพยักหน้าอย่างยอมรับ “ก็ผมหึงนี่ แล้วจะทำไม?”
เฉียวซือมู่ยกธงขาวยอมแพ้ “โอเค คุณอยากหึงก็ตามใจ ฉันยอมแพ้แล้วก็ได้”
จิ้นหยวนหัวเราะเบาๆ กระชับวงแขนแน่นขึ้น “แผลคุณเป็นยังไงบ้าง?”
เธอเหล่มองหัวไหล่ตนเอง “ไม่ได้เป็นอะไรแล้วค่ะ วันนี้คุณหมอเข้ามาตรวจอาการแล้วบอกว่าพักผ่อนอีกหนึ่งอาทิตย์ก็หายดีแล้วค่ะ”
“ดีแล้ว” จิ้นหยวนฝังศีรษะลงบนหัวไหล่อีกข้างของเธอเนิ่นนาน จากนั้นจึงเอ่ยขึ้น “อยากให้คุณหายเร็วๆ จัง”
“อื้ม แผลแค่นิดเดียวเอง ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” เธอคิดว่าจิ้นหยวนสงสารตน แต่ผ่านไปสักพักเธอถึงรู้ว่าไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิด
ขณะที่จิ้นหยวนกำลังจะทำอะไรลงไปนั้น จู่ๆ ประตูห้องก็ถูกเปิดออก จากนั้นคนคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้อง “ท่านประธานจิ้น… เอ่อ… คือ… ผมไม่เห็นอะไรทั้งนั้นนะครับ…”
แขกไม่ได้รับเชิญที่เดินทะเล่อทะล่าเข้ามาในห้องรีบหมุนตัวเดินออกจากห้องทันที แถมยังช่วยปิดประตูและล็อกประตูให้เสร็จสรรพเรียบร้อยอีกต่างหาก
จิ้นหยวน “…”
เฉียวซือมู่ “…”
สองหนุ่มสาวมองหน้ากัน เฉียวซือมู่กรีดเสียงร้องออกมา “จิ้นหยวน ลงไปเดี๋ยวนี้เลยนะ!” ยังไม่ทันเอ่ยจบ เธอก็ยกขาขึ้นถีบเขาลงจากเตียง
จิ้นหยวนคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะมีคนไม่รักตัวกลัวตายเดินไม่ดูตาม้าตาเรือเข้ามาในห้องแบบนั้น ยังไม่ทันได้ตั้งสติเขาก็ได้รับประทานแข้งมหาประลัยของเธอเข้าอย่างจัง จนต้องตกเตียงอย่างหมดสภาพ
“เมียจ๋า…” เขาร้องโอดโอย จะเล่นจ้ำจี้กับเมียจ๋าเสียหน่อยก็ไม่ได้หรือ? ทำไมเขาต้องทำลับๆ ล่อๆ แบบนี้ด้วย? เขายังควรมีชีวิตอยู่อีกหรือเปล่า?
เฉียวซือมู่เห็นหน้าตาเหยเกที่กำลังร้องโอดโอยของเข้าแล้ว ความโมโหค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความตลกขบขันแทน ในที่สุดเธอก็ซบหน้าลงกับหมอน จากนั้นระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “ฮ่าๆ หน้าจิ้นหยวน… หน้าคุณตลกมาก… ฮ่าๆ ฮ่าๆๆ…”
จิ้นหยวนลุกจากพื้นอย่างหมดสภาพ สีหน้าเขาเซ็งๆ เวลาอยู่ข้างนอกเขาสง่างามมากขนาดไหน แต่พออยู่บ้านกลับถูกเมียจ๋าถีบตกเตียงอย่างหมดสภาพเสียนี่ ถ้าเกิดเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป เขาจะต้องถูกหัวเราะเยาะจนไม่เหลือชิ้นดีแน่ แล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?
เขามองเฉียวซือมู่ที่ยังคงหัวเราะท้องคัดท้องแข็งไม่หยุดแล้วกัดฟันกรอด เขาโถมตัวลงทับตัวเธอโดยพยายามหลีกเลี่ยงบริเวณหัวไหล่ที่บาดเจ็บของเธออย่างระมัดระวัง “ยังจะหัวเราะอีก เดี๋ยวจะทำให้หัวเราะจนหนำใจเลย…”
“อ๊า… ช่วยด้วย…”
ในห้องเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะดังลั่น หลินจื้อเฉิงที่กำลังยืนรอพี่ใหญ่อยู่นอกห้องถึงกับตกตะลึงตาค้าง นี่เขาอุตส่าห์รีบกลับจากฮันนีมูนโดยไม่สนใจคุณภรรยาที่ปั้นหน้าหงิกหน้างอ เขาทำทั้งหมดนี้เพื่ออะไร? ก็เพื่อจะได้มาพบพี่ใหญ่ให้เร็วที่สุดไม่ใช่หรือ แล้วนี่มันอะไร?
เขาถอนหายใจหนักๆ มองดูลูกน้องกลุ่มหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องแล้วเอ่ยถามอย่างเซ็งๆ “ช่วงนี้พี่ใหญ่เป็นแบบนี้ตลอดเลยเหรอ?”
ลูกน้องแต่ละคนต่างมองหน้ากันไปมา แล้วพากันพยักหน้าหงึกๆ อย่างพร้อมเพรียง “ครับ นอกจากช่วงแรกๆ ที่พี่ใหญ่ดูอารมณ์ไม่ค่อยดีแล้ว ปกติก็เป็นแบบนี้แหละครับ” พี่ใหญ่หน้าตายิ้มแย้มเบิกบานทุกวัน และแสดงออกชัดเจนว่าหวานชื่นกับคุณเฉียวมากแค่ไหน
หลินจื้อเฉิงถอนหายใจอีกระลอก ท่าทางพี่ใหญ่คงจะแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้แน่แล้ว ดีเหมือนกัน ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนจิตใจเลวร้าย และยังรักเดียวใจเดียวด้วย แต่พี่ใหญ่จะหลงเธอจนลืมเรื่องด่วนจี๋ที่กำลังรอให้ไปสะสางแบบนี้ไม่ได้นะ…
ผ่านไปครึ่งค่อนวัน กว่าจิ้นหยวนจะเดินออกมาจากห้องคนไข้พร้อมใบหน้าพึงพอใจอย่างเปี่ยมลล้น หลินจื้อเฉิงที่กำลังง่วงเหงาหาวนอนสะดุ้งตื่นทันที เขารีบเข้าไปรับหน้า “พี่ใหญ่ ในที่สุดพี่ก็ออกมาจนได้…” เขาดีใจจนแทบอยากจะร้องไห้ออกมา อะไรมันจะยากเย็นแสนเข็ญเช่นนี้ รู้อย่างนี้เขาคงอยู่กับเมียสุดที่รักที่บ้านต่ออีกนิดแล้วค่อยออกมาก็ยังทัน
จิ้นหยวนปั้นหน้ายิ้มหากแต่ไร้รอยยิ้ม สายตาเย็นเยียบที่มองไปยังหลินจื้อเฉิงทำให้เจ้าตัวถึงกับหัวหด เขานึกถึงเรื่องที่ตนเองเดินทะเล่อทะล่าเข้าไปในห้องแล้วรีบแก้ตัว “ขอ… ขอโทษครับ เมื่อกี้ผมไม่เห็นอะไรเลย… ผมสาบานได้….”
จิ้นหยวนกวาดสายตามองสำรวจสีหน้าเขาอย่างละเอียด “จริงเหรอ?”
หลินจื้อเฉิงรีบพยักหน้าเป็นพัลวัน “จริงนะครับ จริงที่สุดเลยครับ”
จิ้นหยวนครางเสียงฮึ ยื่นมือออกไปรับเอกสารมาจากหลินจื้อเฉิงแล้วเปิดดู จากนั้นชักหัวคิ้วชนกันแน่น
“รนหาที่ตาย”
พวกเหลือบไรพวกนี้ฉวยโอกาสโผล่ออกมาก่อกวนช่วงเวลานี้พอดี ดูเหมือนว่าจะมีคนคอยบงการอยู่เบื้องหลังเป็นแน่ สายตาเขาฉายแสงเย็นยะเยือก เขาเอ่ยกับหลินจื้อเฉิง “นายมาพอดี ไม่ต้องกลับบ้านแล้ว ตรงไปหามู่หรงที่บริษัทเลย ปรึกษากันแล้วส่งแผนงานมาให้ฉัน”
“พี่หมายความว่า…” หลินจื้อเฉิงเอ่ยถามอย่างระแวดระวัง
สีหน้าจิ้นหยวนดูแย่มาก “ก็ต้องตอบโต้อย่างเต็มกำลังนะสิ พวกเฒ่าเจ้าเล่ห์พวกนั้น หลังจากผ่านเรื่องนี้ไปแล้ว กำจัดให้สิ้นซากซะ!”
คำพูดเพียงประโยคเดียว ถือเป็นคำตัดสินสุดท้ายสำหรับคนพวกนั้น
หลินจื้อเฉิงแอบยิ้มขื่นในใจ พยักหน้ารับคำสั่งแต่โดยดี
ใครใช้ให้เขาเป็นพี่ใหญ่ล่ะ เขาก็ทำได้แค่ปฏิบัติตามคำสั่งเท่านั้น
จิ้นหยวนกลับเข้าไปในห้องคนไข้ เขาปรับสีหน้าให้อ่อนโยนลงทันที ราวกับว่าคำสั่งให้กำจัดคนพวกนั้นทิ้งไม่ได้ออกมาจากปากเขาอย่างไรอย่างนั้น
เฉียวซือมู่เองก็มีเรื่องที่ต้องกังวลใจเช่นเดียวกัน เธอเพิ่งจะเริ่มทำงานอย่างจริงจังอีกครั้ง และตอนนี้เธอเริ่มมีผลงานเป็นที่ประจักษ์บ้างแล้ว จึงคิดว่าน่าจะได้เวลาขออนุญาตทำงานจากที่บ้านกับหัวหน้าแล้ว แล้วผลเป็นอย่างไรล่ะ?
ตอนที่ 363 “อนุญาต” ให้กลับบ้านได้
ไม่ต้องถามก็รู้ว่าแผนการเธอล่มไม่เป็นท่า ตอนที่เธอโทรศัพท์ไปที่ออฟฟิศนั้น แม้พี่หวังจะไม่ได้พูดอะไร แต่ฟังจากน้ำเสียงแล้วดูเหมือนเธอจะไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่…
เธอถอนหายใจหนักๆ ตอนนี้คงไม่มีทางเลือกแล้ว คงได้แต่เดินไปทีละก้าวแล้วว่ากันไปทีละก้าวแล้วล่ะ
จิ้นหยวนเดินเข้ามาเห็นเธอถอนหายใจพอดี เขาเดินเข้าไปหาเธอแล้วเอ่ยถาม “เป็นอะไรหรือเปล่า? เบื่อมากใช่ไหม?”
เธอส่ายศีรษะ “เมื่อไหร่ถึงจะออกจากโรงพยาบาลได้คะ ฉันอยากกลับบ้านแล้ว”
เขามองดูท่าทางของเธอแล้วขมวดคิ้ว “อย่าใจร้อนสิ อย่างน้อยก็ต้องรอให้แผลคุณหายดีก่อน”
เธอมุ่นหัวคิ้ว “ฉันหายดีแล้ว คุณดูสิ” เอ่ยพลางขยับหัวไหล่ไปมาเป็นการยืนยันว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรแล้วจริงๆ “คุณดูสิ ตอนนี้ฉันไม่เจ็บเลยสักนิด แปลว่าหายดีแล้ว”
จิ้นหยวนทำให้เธอแทบเป็นบ้าอยู่แล้ว เธอแอบถามคุณหมอตั้งนานแล้ว บาดแผลของเธอไม่จำเป็นต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลนานขนาดนี้เสียหน่อย ที่เธอยังออกจากโรงพยาบาลไม่ได้เสียที นั่นเป็นเพราะความต้องการของจิ้นหยวนคนเดียว
เธอรู้สึกเซ็งจัด ที่นี่ยังเป็นโรงพยาบาลในเครือ จิ้นซื่อ กรุ๊ป อีกต่างหาก ถ้าเขาไม่ปริปากก็ไม่มีคุณหมอคนไหนกล้าอนุญาตให้เธอออกจากโรงพยาบาลทั้งนั้น เธอจึงต้องนอนโรงพยาบาลไปเรื่อยๆ อยู่อย่างนี้
เธอสาบานเลยว่า ขืนเธอยังอยู่แต่ในโรงพยาบาลต่อไปเรื่อยๆ ตัวเธอต้องขึ้นราแน่
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเธอยังอยากจะไปทำงานเหมืนเดิม เธอลางานนานขนาดนี้ ถ้าเกิดตำแหน่งงานของเธอถูกคนอื่นแทนที่ไปแล้วจะทำอย่างไร?
จิ้นหยวนมองสำรวจสีหน้าเธออย่างละเอียดราวกับกำลังประเมินว่าสิ่งที่เธอพูดนั้นเป็นความจริงหรือไม่ เมื่อเห็นสีหน้าเธอมีเลือดฝาดและขยับแขนได้อย่างคล่องแคล่วแล้วจึงเอ่ยอย่างจำยอม “เดี๋ยวผมไปถามหมอก่อน”
แม้เขาจะไม่ได้พูดคำว่ากลับบ้านได้ แต่น้ำเสียงเขาฟังดูยืดหยุ่นขึ้นมากแล้ว เฉียวซือมู่หอมแก้มเขาฟอดใหญ่ด้วยความพึงพอใจเป็นอย่างมาก
หอมฟอดเดียวไม่อาจเต็มเต็มความต้องการของจิ้นหยวนได้ เขารั้งตัวเธอเข้าไปใกล้แล้วบรรจงฝังจุมพิตลงบนริมฝีปากเธออย่างหนักหน่วง เขาจูบเธอจนเธอหน้ามืดตาลาย เธอมึนเมาในรสจูบของเขาจนเห็นแสงดาวระยิบระยับนั่นแหละ เขาถึงยอมถอนริมฝีปากจากเธออย่างอ้อยอิ่ง แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ตั้งสติ เขาก็แตะริมฝีปากลงบนริมฝีปากเธอเบาๆ จากนั้นลุกขึ้นยืน “ผมไปหาหมอก่อนนะ”
เมื่อเธอตั้งสติได้เขาก็จากไปแล้ว
เธอลูบริมฝีปากตนเองเบาๆ ด้วยท่าทางมึนเบลอ ในใจรู้สึกหวานชื่นมากมาย ราวกับเพิ่งได้ลิ้มรสลูกกวาดรสหวานชื่นใจก็ไม่ปาน ความสุขแผ่ซ่านเต็มหัวใจ
ในเมื่อจิ้นหยวนยอมปริปากแล้ว นั่นย่อมหมายความว่าเธอสามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว วันรุ่งขึ้น เฉียวซือมู่ก็ได้รับข่าวที่ตนตั้งหน้าตั้งตารอคอยเสียที ในที่สุดเธอก็ได้รับ “อนุญาต” ให้กลับบ้านได้แล้ว
เธอดีใจจนแทบกระโดดโลดเต้น
ต่อให้เธอได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วก็ตาม แต่จิ้นหยวนยังคงปฏิบัติกับเธอราวกับเธอเป็นคนป่วยหนัก เขาไม่เพียงไม่ยอมให้เธอเดินเร็วเกินไป สุดท้ายยังช้อนเธอขึ้นอุ้มอีกต่างหาก เธอได้แต่ขดตัวลีบอยู่ในอ้อมอกเขาราวเด็กทารกตัวน้อยไม่มีผิด
เธอเห็นสายตาของผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาที่มองมายังเธอ มีทั้งสายตาอิจฉาและสายตาเห็นอกเห็นใจ จนทำให้เธอรู้สึกอยากจะซุกอยู่ในอกเขาแบบนี้ตลอดไป
น่าขายหน้าที่สุด ฮือๆๆ… เธอเจ็บที่หัวไหล่นะ ไม่ใช่ที่ขา ที่สำคัญ เธอหายดีแล้วด้วย
แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง เพราะท่าทางเด็ดขาดของจิ้นหยวนบอกชัดเจนว่าไม่มีช่องว่างสำหรับการเจรจา เธอจึงต้องยอมให้เขาอุ้มแต่โดยดี โดยมีสายตามากมายมองมาที่เธอเป็นตาเดียว จนกระทั่งเธอถูกอุ้มขึ้นรถ เมื่อถึงบ้านแล้ว เธอก็ถูกเขาอุ้มลงจากรถเหมือนเดิม
เมื่อเธอขัดขืนเพียงเล็กน้อยก็ได้รับสายตาไม่พอใจจากเขาเป็นการตอบแทน จึงได้แต่ขดตัวลีบอยู่ในอกเขาแต่โดยดี