ตอนที่ 364 พูดมากจัง
“ฉันว่านะ แค่นี้ก็พอแล้วมั้ง นี่คุณจะอุ้มฉันถึงเมื่อไหร่เนี่ย?” เมื่อกลับถึงห้องนอนแล้ว เฉียวซือมู่ก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป
จิ้นหยวนคิดๆ แล้ววางเธอลงอย่างเบามือ “โทษที ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆ น่ะ”
เธอมองเขาเซ็งๆ “ฉันบอกหลายครั้งแล้วว่าฉันหายดีแล้ว คุณไม่ต้องระวังแจขนาดนี้ก็ได้”
“ระวังเอาไว้ก็ไม่เสียหายนี่ ผมไม่อยากเห็นคุณต้องเข้าโรงพยาบาลอีก” จิ้นหยวนเอ่ยเสียงสูง สีหน้าจริงจัง จากนั้นมองเธอแวบหนึ่ง “พรุ่งนี้เราออกไปด้วยกันนะ”
“ไปไหนคะ?” เธอยังไม่ทันได้ซาบซึ้งใจเลย จู่ๆ เขาก็เปลี่ยนเรื่องเสียแล้ว
“แล้วคุณคิดว่าไงล่ะ? อย่าบอกนะว่าลืมเรื่องที่ผมพูดไปหมดแล้ว? หือ?” เขาชักไม่พอใจขึ้นมานิดๆ แววตาลึกล้ำจับจ้องเธอนิ่ง
เธอคิดออกทันทีว่าเขาพูดอะไรกับเธอบ้างตอนอยู่ที่โรงพยาบาล
“เราจะไปจริงๆ เหรอคะ?” เธอเบิกตาโพลง ยังคงไม่อยากจะเชื่อ
“สาวน้อย คุณนี่พูดมากจังนะ” แสงแห่งความไม่พอใจฉายชัดในดวงตาคมลึก ราวกับไม่พอใจที่เธอไม่ยอมเชื่อมั่นในคำพูดของเขา เขาเอ่ยพลางใช้นิ้วหัวแม่มือลูบไล้ริมฝีปากเธอเบาๆ ดวงตาคู่คมแปรเปลี่ยนเป็นแววตาลึกซึ้ง
เธอเห็นสายตาเขาแล้วตัวเกร็งทันที เพราะนั่นเป็นสายตาที่เธอคุ้นเคยมากที่สุด และเป็นการเตือนล่วงหน้าว่าต่อจากนี้เธอจะได้พบเจอกับฟ้าฝนพายุที่โหมกระหน่ำ และเธอจะกลายเป็นเรือลำน้อยที่ลอยละล่องและถูกซัดไปตามแรงพายุโหมกระหน่ำอันบ้าคลั่ง จนกระทั่งถูกพายุซัดจนอับปางและแหลกละเอียด
จู่ๆ จิ้นหยวนก็ตัดใจผละจากการยั่วยวนของเธอแล้วลุกขึ้นยืน “ผมยังมีธุระอีก คุณพักผ่อนเถอะ”
เขากลั้นใจเอ่ยจนจบประโยค จากนั้นหมุนตัวเดินเข้าไปในห้องน้ำ
เขาเป็นอะไรไป? คิดไม่ถึงเลยว่าจู่ๆ เขาจะถอนตัวแบบนี้ ทำไมเขาต้องควบคุมอารมณ์แบบนี้ด้วย?
เธอเบิกตาโพลงด้วยความไม่เข้าใจ แต่ก็คิดหาเหตุผลไม่ได้เสียที เมื่อกี้เธอเห็นชัดเจน สายตาเขาเต็มไปด้วยเพลิงอารมณ์ที่พร้อมจะแผดเผาเขาและเธอให้มอดไหม้ไปด้วยกัน
ผ่านไปสักพักเขาจึงเดินออกมาจากห้องน้ำ เขาลูบศีรษะเธอเบาๆ “ผมเข้าบริษัทก่อนนะ ช่วงนี้ค่อนข้างยุ่ง คุณอยู่บ้านดีๆ ล่ะ เข้าใจไหม?”
“ค่ะ” เธอรีบพยักหน้าหงึกๆ เธอรู้ดีว่าชายหนุ่มตรงหน้าเป็นคนบ้างานมากแค่ไหน
แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เขาไม่อยู่บ้าน เท่ากับว่าเธอสามารถออกไปทำงานได้อย่างสะดวก ช่างเป็นเรื่องดีเหลือเกิน
เธอผุดลุกขึ้นนั่งด้วยความตื่นเต้น จากนั้นรีบวิ่งไปยังริมหน้าต่าง ทันเห็นจิ้นหยวนผู้สง่างามกำลังจะก้าวขึ้นรถพอดี เธอเหม่อมองเขาอย่างเคลิบเคลิ้ม ขณะที่เขากำลังจะก้าวขึ้นรถนั้น จู่ๆ เขาก็หันหน้ากลับมาราวกับมีดวงตาอีกคู่อยู่บนหลัง สายตาเขาสบประสานสายตาเธอพอดี
ใบหน้าเธอแดงซ่าน ไม่รู้เหมือนกันว่าในสายตาเขานั้นตอนนี้เธอมีท่าทางเช่นไร เพราะเธอเห็นเขายกยิ้มเจ้าเล่ห์ ทันใดนั้น เขายกมือขึ้นแล้วส่งจูบมาให้เธอ เธอตะลึงนิ่งอึ้ง คราวนี้ใบหน้าเธอแดงก่ำเป็นลูกตำลึงไปแล้ว
จิ้นหยวนคลี่ยิ้มกว้างราวกับเห็นสีหน้าเขินจัดของเธออย่างชัดเจน เขายังอุตส่าห์ส่งสายตามีความหมายให้เธออีกต่างหาก เขาหันไปเอ่ยอะไรบางอย่างกับพ่อบ้าน จากนั้นก้าวขึ้นรถ
เฉียวซือมู่มองตามรถของเขาจนมันวิ่งหายลับไปจากสายตา เธอถึงยอมเดินกลับไปนั่งลงบนโซฟา
หมดกัน เขาเพิ่งจะอยู่ห่างจากเธอไม่กี่นาทีเอง ตอนนี้เธอก็เริ่มคิดถึงเขาแล้ว ทำอย่างไรดี?
เมื่อถึงเวลาอาหารเที่ยง พ่อบ้านขึ้นมาเชิญเธอให้ลงไปรับอาหารด้วยความสุภาพอ่อนน้อม ตอนแรกเธอยังรู้สึกไม่ค่อยมีความสุขสักเท่าไหร่เพราะจิ้นหยวนไม่อยู่บ้าน จนลามไปถึงไม่มีอารมณ์รับประทานอาหารด้วย แต่เมื่อเดินไปถึงโต๊ะอาหาร เธอถึงพบว่าอาหารที่ถูกเสิร์ฟลงบนโต๊ะนั้นหน้าตาสวยงาม และมีแต่อาหารที่เธอชอบทั้งสิ้น
ตอนที่ 365 ท่านประธานกำลังจะมา
เธอมองพ่อบ้านด้วยความประหลาดใจ เขาเอ่ยอย่างสุภาพ “คุณชายเป็นคนสั่งให้ทำอาหารทั้งหมดนี้เองครับ บอกว่าคุณชอบอาหารพวกนี้”
เธอเม้มริมฝีปากเล็กน้อย รู้สึกซาบซึ้งใจมาก เธอนั่งลงแล้วหยิบตะเกียบขึ้นมา
เธอชอบอาหารรสไม่จัด แม้อาหารในโรงพยาบาลจะถูกปากเธอมาก แต่มันก็ยังขาดรสชาติของบ้านอยู่ดี ไม่นึกเลยว่าเขาจะสังเกตเห็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้ด้วย
เธอรู้สึกซาบซึ้งใจมาก กินพลางคิดถึงเขาพลาง ความรู้สึกในใจเร่าร้อนขึ้นเป็นเท่าทวี
ไม่ว่าในอนาคตเขาและเธอจะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่ชั่วขณะนี้ เธอรักเขาสุดหัวใจ
เมื่อถึงเวลาบ่าย เธอยังคงหาข้ออ้างเพื่อออกไปทำงานตามปกติ เธอโทรศัพท์ไปแจ้งพี่หวังเอาไว้เรียบร้อยแล้ว พอไปถึงที่ทำงานก็เห็นกองเอกสารวางอยู่บนโต๊ะเรียบร้อย
เธอลางานไปนานมาก แม้น้ำเสียงของพี่หวังที่คุยกับเธอผ่านโทรศัพท์จะไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ แต่เมื่อเธอมาถึงที่ทำงาน พี่หวังยังคงปฏิบัติต่อเธอเหมือนเดิม และยังคงมอบหมายงานให้เธออย่างพอดิบพอดี และเธอทำงานจนสำเร็จลุล่วงอย่างรวดเร็วเหมือนเช่นเคย
เมื่อใกล้ถึงเวลาเลิกงาน เธอครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วตัดสินใจไปพบพี่หวัง
พี่หวังกำลังง่วนอยู่กับกองเอกสารบนโต๊ะทำงานของตนเอง และชายตาดูหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นครั้งคราว เมื่อเห็นเฉียวซือมู่มาเคาะประตูห้องจึงเลิกคิ้วด้วยความสงสัย “มีอะไรหรือเปล่าคะ?”
ความจริงเธอไม่อยากมารบกวนพี่หวังเร็วขนาดนี้ แต่เธอเองก็กลัวว่ายิ่งนานวันอุปสรรคก็จะยิ่งเยอะ จึงตัดสินใจเอ่ยกับพี่หวัง “พี่หวังคะ ฉันมีเรื่องอยากจะคุยด้วยค่ะ”
พี่หวังชี้ไปยังเก้าอี้ตรงหน้า “นั่งก่อนสิ อยากคุยเรื่องอะไรเหรอคะ?”
เธอลังเลเล็กน้อย “ฉันอยากจะขออนุญาตทำงานจากที่บ้านน่ะค่ะ พอจะเป็นไปได้ไหมคะ?”
เธอแอบสืบมาแล้วว่ายังมีพนักงานที่ทำงานไม่เต็มเวลาอย่างเธออีกหลายคน และหนึ่งในนั้นทำงานจากที่บ้านด้วย เธอใคร่ครวญอยู่หลายตลบ สุดท้ายก็กลัวว่าจิ้นหยวนจะจับได้ จึงตัดสินใจมาปรึกษาพี่หวังดีกว่า
พี่หวังขมวดคิ้ว “ที่บ้านมีคนที่ต้องดูแลเหรอ?”
“เปล่าค่ะ ไม่ใช่อย่างนั้น ฉันแค่…” ควรหาข้ออ้างอะไรดีนะ? เธอคิดหาเหตุผลอยู่นานสองนาน แต่ก็ไม่มีข้ออ้างที่ฟังดูสมเหตุสมผลเลย สีหน้าพี่หวังเริ่มไม่ดี
“คุณเฉียว ถึงบริษัทของเราจะมีนโยบายให้ทำอย่างนั้นได้ แต่ตามกฎบริษัทแล้วต้องมีอายุงานอย่างน้อยหนึ่งปีขึ้นไปถึงจะมีสิทธิ์ยื่นขออนุมัติ คุณเฉียวเพิ่งจะมาทำงานได้แค่สองเดือนเท่านั้น แถมยังลางานไปตั้งครึ่งเดือนอีก ซึ่งไม่เข้าเงื่อนไขที่ทางบริษัทกำหนดเอาไว้นะคะ”
เห็นได้ชัดว่าพี่หวังกำลังไม่พอใจ แต่เธอยังคงอธิบายให้เฉียวซือมู่ฟังอย่างใจเย็น
“หนึ่งปีเลยเหรอคะ?” เธอพึมพำกับตนเอง แย่แล้ว ต้องทำงานตั้งหนึ่งปี เห็นทีคงต้องหาทางอื่นแล้ว
พี่หวังมองดูท่าทางเธอชั่วครู่ จู่ๆ เธอก็เอ่ยขึ้นใหม่ “แต่ก็มีข้อยกเว้นเหมือนกันนะคะ”
“ข้อยกเว้นอะไรคะ?” ดวงตาเธอเป็นประกายวาบ รีบเอ่ยถามทันที
“ถ้าท่านประธานเป็นคนอนุมัติเองก็ไม่มีปัญหาค่ะ” ไม่รู้เหมือนกันว่าพี่หวังตั้งใจพูดประโยคนี้หรือเปล่า
“ท่านประธานเหรอคะ?” เธอผิดหวังทันที “ท่านประธานอยู่ที่บริษัทด้วยเหรอคะ?”
พี่หวังส่ายศีรษะ “ไม่อยู่หรอกค่ะ ท่านอยู่ที่บริษัทสาขาใหญ่ ที่นี่เป็นแค่บริษัทสาขาย่อยเท่านั้น ท่านเองก็ยังไม่เคยมาที่นี่เหมือนกัน”
เฉียวซือมู่หมดหวังทันที อยู่ที่บริษัทสาขาใหญ่สินะ ใครจะไปรู้ล่ะว่าท่านจะมาที่นี่เมื่อไหร่ ต่อให้มาจริง ท่านประธานผู้สูงส่งก็คงไม่อนุมัติให้เธอหรอก นี่มันภารกิจที่เป็นไปไม่ได้ชัดๆ
เธอลุกขึ้นยืนด้วยความผิดหวัง “ถ้างั้นก็ขอบคุณพี่หวังมากนะคะ”
พี่หวังมองดูท่าทางท้อแท้ใจของเธอแล้วครุ่นคิดเล็กน้อย จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นใหม่ “เดือนหน้าท่านประธานอาจจะแวะมาที่นี่ ถึงตอนนั้นคุณอาจจะมีโอกาสก็ได้นะคะ”
พูดตามตรง เธอรู้สึกประทับใจในตัวเฉียวซือมู่ไม่น้อย จึงอดชี้แนะเธอไม่ได้