ตอนที่ 384 สะใภ้ตระกูลจิ้นไม่ได้เป็นกันง่ายๆ
ฉินเพ่ยหรงโมโหจนกินข้าวไม่ลงแล้ว เธอพูดจบแล้วลุกขึ้นด้วยความไม่พอใจ จากนั้นเดินเข้าไปในห้องรับแขก
จิ้นหยวนกุมขมับ ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
เฉียวซือมู่กินอย่างไม่รู้รสชาติอาหาร จึงวางตะเกียบลง เธอรู้สึกว่าการมาอยู่ที่นี่อาจเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด ดูจากตอนนี้แล้ว ช่วงเวลาเพียงสั้นๆ คงไม่อาจทำให้คุณแม่ของจิ้นหยวนลดอคติที่มีต่อเธอลงได้อย่างแน่นอน ไม่ว่าตนจะทำอะไรก็เกะกะสายตาไปหมด ถ้าเช่นนั้น ต่อไปเธอควรจะทำอย่างไรดี?
เธอดึงแขนเสื้อจิ้นหยวนพลางเอ่ยเสียงเบา “คุณป้าดูโมโหมาก คุณไปดูท่านหน่อยสิคะ”
จิ้นหยวนวางตะเกียบลง ลังเลเล็กน้อย เมื่อกี้เขาสังเกตเห็นว่าดวงตาคุณแม่แดงก่ำ คงไม่ได้กำลังร้องไห้ใช่ไหม?
คิดๆ ดูแล้วเมื่อกี้เขาเองก็พูดจารุนแรงเกินไป แต่เขาก็ไม่ได้ตั้งใจเหมือนกัน…
เขาใคร่ครวญชั่วครู่ พยักหน้าให้เธออย่างตัดสินใจแล้ว “ผมไปดูคุณแม่ก่อน คุณอยู่ทานข้าวเป็นเพื่อนคุณพ่อไปก่อนนะ”
จิ้นเฮ่านั่งเงียบหน้าขรึมราวกับตนเป็นมนุษย์ล่องหน สุขภาพเขาไม่ดี ปกติจึงอยู่แต่ในห้อง พอออกจากห้องก็ไม่พูดไม่จา เฉียวซือมู่เห็นเขาแล้วได้แต่ทักทายตามมารยาทเท่านั้น
หลังจากจิ้นหยวนเดินออกไปแล้ว ที่โต๊ะอาหารจึงเหลือจิ้นเฮ่ากับเฉียวซือมู่เพียงสองคนเท่านั้น จิ้นเฮ่ายังคงรับประทานอาหารเรื่อยๆ จู่ๆ เขาก็พูดขึ้น “ยังไม่ชินกับการอยู่ที่นี่ใช่ไหม?”
จู่ๆ เฉียวซือมู่ก็ได้ยินเขาพูดกับตน จึงเอ่ยตอบอย่างอัตโนมัติ “เปล่าค่ะ หนูชอบที่นี่มากค่ะ”
ไม่รู้ว่าจิ้นเฮ่าเป็นคนนิสัยอย่างไร ระวังคำพูดเอาไว้เป็นดีที่สุด
จิ้นเฮ่าหัวเราะเบาๆ เธอเพิ่งรู้สึกว่าว่าจิ้นเฮ่ากับจิ้นหยวนเป็นพ่อลูกที่เหมือนกันมาก ปกติไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่เวลาหัวเราะแล้วเหมือนจิ้นหยวนไม่มีผิด
เขาเอ่ยเสียงเยาะ “สะใภ้ตระกูลจิ้นน่ะไม่ได้เป็นกันง่ายๆ หรอกนะ อยากจะได้รับการยอมรับก็ต้องผ่านด่านทดสอบก่อน คนนอกเห็นแต่ความมั่งคั่งหรูหราของเรา แต่กลับไม่รู้ว่าเราต้องพยายามกันอย่างหนักมากแค่ไหน เพราะฉะนั้น ถ้าเธอตัดสินใจจะอยู่กับจิ้นหยวนแล้ว ก็ต้องอดทนในยามที่ต้องอดทน ไม่อย่างนั้น เธอกับเขาไปด้วยกันไม่รอดหรอก”
เอ่ยจบแล้ววางตะเกียบลง เขามองเธอแวบหนึ่ง จากนั้นค่อยๆ ลุกออกจากที่แล้วเดินขึ้นบันไดไป
เขาทิ้งให้เธอนั่งหน้าเศร้าอยู่ที่โต๊ะอาหารเพียงลำพัง ซ้อหวังที่เป็นแม่ครัวเห็นร่างเล็กๆ นั่งเดียวดายคนเดียวแล้วรู้สึกสงสารเธอขึ้นมาตงิดๆ
ซ้อหวังได้แต่ทอดถอนใจ เป็นลูกสะใภ้เศรษฐีไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ชีวิตแบบคุณนายน้อยยังสู้คนธรรมดาอย่างพวกเธอไม่ได้ อย่างน้อยพวกเธอก็มีอิสระในการพูด ไม่เหมือนคุณนายน้อยตรงหน้า ทั้งๆ ที่รู้สึกแย่มาก แต่กลับหาใครคุยด้วยไม่ได้สักคน เดี๋ยวยังต้องปั้นหน้ายิ้มอีก
ช่างน่าสงสารจริงๆ
เสี้ยววินาทีนั้น เธอไม่รู้สึกอิจฉาคุณนายน้อยอีกต่อไป หากแต่แปรเปลี่ยนเป็นความเห็นใจแทน
เฉียวซือมู่นั่งเหม่ออยู่สักพักจึงเงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นซ้อหวังมองมาที่เธอจึงส่งยิ้มบางๆ ให้ ใบหน้าขาวซีดจนทำให้คนมองรู้สึกสงสาร “ซ้อหวัง ฉันอิ่มแล้วค่ะ ดูท่าทางพวกเขาคงไม่กลับมากินต่อแล้วล่ะ งั้นเราเก็บโต๊ะเถอะค่ะ”
“ค่ะ เดี๋ยวฉันจัดการเองค่ะ” ซ้อหวังชะงักเล็กน้อย รีบเข้าไปห้ามไม่ให้เธอเก็บโต๊ะเอง
เธอส่ายหน้าเล็กน้อย ใบหน้าเปื้อนยิ้มบางๆ ที่ให้ความรู้สึกสบายตา “ไม่เป็นไรค่ะ ไหนๆ ตอนนี้ฉันก็ไม่มีอะไรทำ ช่วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้ไม่เหลือบ่ากว่าแรงหรอกค่ะ”
ซ้อหวังเห็นสีหน้าตั้งใจของเธอแล้วขัดไม่ได้ จึงได้แต่มองดูเธอช่วยเก็บโต๊ะ จากนั้นช่วยเก็บจานชามไปไว้ในห้องครัว
ในห้องรับแขก จิ้นหยวนนั่งอยู่ข้างฉินเพ่ยหรง กำลังพยายามพูดจาดีๆ กับเธอ “คุณแม่ ทำไมเดี๋ยวนี้ถึงได้อารมณ์ร้ายแบบนี้ล่ะครับ? ผมก็พูดไปอย่างนั้น ไม่เห็นต้องโมโหมากขนาดนี้เลยนี่ครับ”
ตอนที่ 385 มีคุณอยู่ข้างๆ ก็ไม่หนาวแล้ว
ฉินเพ่ยหรงผลักมือจิ้นหยวนออกอย่างไม่สบอารมณ์ “ใช่ แม่โมโห ลูกชายว่าแม่ตัวเองเพราะผู้หญิงแปลกหน้าคนหนึ่ง แล้วแม่จะมีหน้าเหลืออยู่อีกไหม?”
จิ้นหยวนอธิบายอย่างเหนื่อยใจ “เธอไม่ใช่ผู้หญิงแปลกหน้านะครับ แต่เธอเป็นภรรยาผม เป็นสะใภ้ตระกูลจิ้น เป็นคนในครอบครัวนะครับ”
“ไม่ใช่ แม่ไม่ยอมรับเธอเป็นลูกสะใภ้ หลายวันมานี้ เท่าที่สังเกตเห็น นอกจากทำอาหารเป็นแล้ว แม่ก็ไม่เห็นว่าเธอจะทำอะไรเป็นสักอย่าง ทำไมลูกถึงชอบผู้หญิงคนนี้เข้าไปได้? แม่รู้จักผู้หญิงดีๆ ตั้งเยอะแยะ ถ้าลูกสนใจ แม่เรียกตัวมาเรียงตัวให้ลูกเลือกก็ยังได้ ทำไมลูกถึงดื้ออย่างนี้นะ?” เธออารมณ์เสียที่ลูกชายไม่ได้ดั่งใจ
จิ้นหยวนเอ่ยเสียงราบเรียบ “เพราะผู้หญิงพวกนั้นไม่ใช่เฉียวซือมู่ไงครับ ผมเลือกแล้ว และจะรักเธอเพียงคนเดียวตลอดชีวิต ภรรยาของผมต้องเป็นเธอคนเดียวเท่านั้น คุณแม่ตัดใจเถอะนะครับ ถ้าคุณแม่ไม่อคติกับเธอ คุณแม่จะต้องเห็นแน่นอนว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ดีมาก จริงๆ นะครับ”
ฉินเพ่ยหรงโกรธจนใบหน้าซีดขาว “แม่ว่าลูกต้องถูกเธอวางยาเสน่ห์แน่ๆ”
เธอเปลี่ยนเรื่องทันที “แล้วลูกจะเดินทางเมื่อไหร่ แม่จะได้ให้คนจัดกระเป๋าเอาไว้ให้”
เธอไม่พูดถึงเฉียวซือมู่อีก จิ้นหยวนจึงถอนใจโล่งอก “ไม่ต้องหรอกครับ เดี๋ยวผมให้มู่มู่ช่วยเตรียมให้ เธอรู้ว่าผมต้องใช้อะไรบ้าง คุณแม่วางใจเถอะครับ”
ฉินเพ่ยหรงครางเสียงฮึเย็นๆ เบือนหน้ามองไปทางอื่น
จิ้นหยวนเห็นท่าทางแง่งอนของคุณแม่ จึงพูดหยอกล้อจนกระทั่งท่านหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี
เขาเดินกลับไปที่โต๊ะอาหาร พบว่าโต๊ะอาหารถูกเก็บเรียบร้อยแล้ว จึงเดินตามหาเฉียวซือมู่ เธอไม่อยู่ที่ห้องนอน และไม่ได้อยู่ในห้องหนังสือด้วย เขาจึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาเธอ ถึงได้รู้ว่าเธอไปนั่งเล่นในสวนดอกไม้กลางดึก
เขาฟังแล้วหัวใจกระตุกวูบ หมุนตัวเดินออกไปหาเธอทันที
ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูที่ควรออกนอกบ้านยามวิกาล เธอสวมเพียงเสื้อผ้าบางๆ สายลมหนาวยามค่ำคืนที่พัดผ่าน ทำให้เธอรู้สึกหนาวจนถึงขั้วหัวใจ เธอกำลังจะกลับเข้าบ้าน พลันเห็นรูปร่างสูงใหญ่ของจิ้นหยวนกำลังเดินตรงเข้าไปหาเธอพอดี
เธอชะงักฝีเท้า จ้องมองเขาแน่นิ่ง
เขาเดินก้าวเท้ายาวๆ ไปหาเธอ แขนข้างหนึ่งโอบกอดเธอแน่น มืออีกข้างหยิบเสื้อนอกคลุมตัวเธอ “ทำไมถึงออกมาข้างนอกเงียบๆ คนเดียวล่ะ? อากาศเริ่มหนาวแล้ว ใส่เสื้อผ้าบางๆ แบบนี้ระวังเป็นหวัดนะ”
เธอฟังคำพูดดูแลเอาใจใส่ของเขาแล้วอยากจะร้องไห้ ซบหน้าลงบนอกกว้างแสนอบอุ่นของเขา “มีคุณอยู่ข้างๆ ก็ไม่หนาวแล้วค่ะ”
“แล้วถ้าผมไม่อยู่ล่ะ?”
“งั้น… งั้นฉันจะใส่เสื้อผ้าให้หนาๆ” เธอตอบซนๆ
เขาหัวเราะเบาๆ “เรากลับเข้าไปข้างในเถอะ”
เธอพยักหน้าเงียบๆ โศกเศร้าในใจ
เมื่อกลับถึงห้องนอน เขามองเธอพลางเอ่ย “คุณเป็นอะไรไปเหรอ?”
เฉียวซือมู่ส่ายหน้า “ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ แค่คิดว่าคุณจะไม่อยู่บ้านตั้งหลายวัน ฉันไม่อยากอยู่ห่างกับคุณเลยค่ะ”
เขาหัวเราะเบาๆ “เด็กโง่ ผมแค่ไปดูงานไม่กี่วันเท่านั้น เดี๋ยวเดียวก็กลับแล้ว ไม่ได้จะตายจากกันซะหน่อย ไม่เห็นต้องอาลัยอาวรณ์ขนาดนั้นเลยนี่”
เธอทำปากยื่น “ก็ฉันไม่อยากอยู่ห่างกับคุณนี่”
จิ้นหยวนยอมแพ้ “โอเคๆ ขืนคุณยังเป็นแบบนี้ ผมคงต้องพาคุณไปด้วยแล้ว”
ดวงตาเธอเป็นประกายวาบ “จริงเหรอคะ? ฉันไปกับคุณได้เหรอคะ?”
จิ้นหยวนสะอึก “ผมแค่พูดเล่น คุณอย่าจริงจังสิ”
สีหน้าเธอผิดหวัง “ไม่ได้จริงๆ เหรอคะ? ที่แท้คุณก็หลอกฉัน! คุณมันร้ายที่สุด ฉันไม่สนใจคุณแล้ว”
พูดจบแล้วหมุนตัวหันหลังให้เขา แสดงว่าตนกำลังโกรธเขาอยู่
จิ้นหยวนโอบกอดเธอเอาไว้ “คนดี งานครั้งนี้สำคัญมาก คุณอย่าโกรธเลยนะ รอผมกลับมาก่อน แล้วผมจะชดเชยให้คุณเต็มที่เลย”