ตอนที่ 410 อยู่ไม่เป็นสุขแน่
สำหรับคุณหวังแล้ว เธอพอจะรู้จักนิสัยใจคอของท่านประธานที่เพิ่งจะได้พบกันอยู่บ้าง รู้ว่าเขาเกลียดคนที่ผลักความรับผิดชอบมากที่สุด เมื่อเขาพบว่าตนบริหารจัดการได้ไม่ดี การยอมรับผิดจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด
และเป็นไปตามคาด หลังจากฟังคำพูดรับผิดชอบของเธอแล้ว สีหน้าของท่านประธานดูผ่อนคลายลงไม่น้อย เขาพยักหน้าเบาๆ พลางเอ่ย “ดี เรื่องนี้ไม่โทษคุณ แต่สองคนนี้…” เอ่ยพลางกวาดสายตามองไปยังเฉียวซือมู่ จากนั้นหยุดสายตาที่เฉิงจือเวย
สายตาแฝงรอยไม่ชอบใจเล็กน้อย “จัดการด้วย” เอ่ยจบแล้วหมุนตัวเดินจากไปทันที
เฉียวซือมู่หัวใจเย็นวาบ รู้สึกได้ว่าเธอคงต้องเสียงานนี้เป็นแน่แล้ว
หลังจากท่านประธานเดินจากไปแล้ว คุณหวังมองไปยังสองสาวด้วยสายตาเย็นเยียบ “คุณสองคนตามฉันมา”
เอ่ยจบแล้วหมุนตัวเดินกลับเข้าห้องทำงานของตน
เวลานี้ แม้แต่เฉิงจือเวยที่หัวช้ายังรู้ตัวว่าแย่แน่แล้ว เธอจ้องเฉียวซือมู่ตาเขม็ง สายตาอาฆาตพยาบาท
ถึงขั้นนี้แล้ว ยังมิวายคิดจะโกรธเกลียดเธออยู่อีกหรือ?
เฉียวซือมู่หมดคำพูด ได้แต่เดินก้าวยาวๆ ตามหลังคุณหวังไป จะช้าจะเร็วก็ต้องตาย ถ้าเช่นนั้นก็ตายให้มันสมศักดิ์ศรีดีกว่า
เฉิงจือเวยรีบก้าวไปเดินเคียงเธอ จู่ๆ เธอก็เอ่ยเสียงต่ำ “อย่าเพิ่งได้ใจไป ถ้าฉันเป็นอะไร ฉันไม่ยอมปล่อยให้เธออยู่อย่างสงบสุขแน่”
เฉียวซือมู่พูดไม่ออก ได้แต่มองเธอตาปริบๆ อยากถามเหลือเกินว่าตนไปล่วงเกินเธอตรงไหน เหตุใดเธอจึงเกลียดตนมากขนาดนี้?
แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยถาม ทั้งสองก็เดินไปถึงหน้าห้องทำงานของคุณหวังพอดี
เธอผลักประตูเปิดออก คุณหวังที่นั่งอยู่บนโซฟามองไปยังพวกเธอด้วยสีหน้าถมึงทึง
เฉียวซือมู่และเฉิงจือเวยยืนเป็นระเบียบเรียบร้อยต่อหน้าคุณหวัง คุณหวังเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “พวกคุณเป็นอะไรไป?”
สองสาวต่างมองกันไปมาแวบหนึ่ง เฉียวซือมู่กำลังจะอ้าปากพูด เฉิงจือเวยเห็นท่าไม่ดี รีบเอ่ยดักคอทันที “เรื่องมันเป็นอย่างนี้ค่ะ ฉันกำลังพูดเรื่องที่ท่านประธานอาจจะเข้ามาที่บริษัท แล้วเธอก็พูดจากระแนะกระแหน ฉันโมโหมากก็เลยด่าเธอนิดๆ หน่อยๆ จากนั้นเธอก็พูดจาน่าเกลียดมาก ฉันก็เลย… ก็เลยลงมือค่ะ…”
เฉียวซือมู่โมโหจนหัวเราะออกมา เธอเพิ่งเคยเห็นคนพูดจากลับขาวเป็นดำโต้งๆ ต่อหน้าต่อตาแบบนี้เป็นครั้งแรก นี่เธอคิดว่าในออฟฟิศไม่มีคนอื่นอีกหรือ? ต่อให้คนพวกนั้นไม่ยอมเป็นพยานให้เธอ แต่ก็มีกล้องวงจรปิดนี่
เธอเอ่ยกับคุณหวังที่กำลังจับจ้องเธอตาเขม็ง “ความจริงไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย…”
ยังไม่ทันเอ่ยจบ เฉิงจือเวยรีบเอ่ยแทรกทันที “ไม่ใช่อย่างนั้นแล้วอย่างไหน? หรือเธอไม่ได้พูดจากระแนะกระแหนฉัน? ถ้าเธอไม่พูดจาแบบนั้น ฉันจะลงไม้ลงมือกับเธอได้ยังไง เป็นเพราะเธอคนเดียว ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ ท่านประธานก็คงไม่เห็นฉัน…” จู่ๆ เธอก็เข้าใจขึ้นมาทันที “ที่แท้เธอก็ตั้งใจนี่เอง เธอต้องรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าท่านประธายจะมา ถึงได้ตั้งใจพูดแบบนั้นเพื่อทำให้ฉันโกรธ ดี เธอมันเจ้าแผนการ ฉันถึงได้ตกหลุมพรางเธอ… เธอ… เธอมันสารเลวที่สุด…”
ยิ่งพูดเธอยิ่งจินตนาการไปไกล เธอโกรธจนเกือบจะโถมตัวเข้าใส่เฉียวซือมู่อีก แต่ถูกเสียงเฉียบขาดของคุณหวังห้ามไว้เสียก่อน “เฉิงจือเวย ถ้าคุณยังคิดจะใช้กำลังอีกก็ออกไปซะ!”
เฉิงจือเวยยืนนิ่งอยู่กับที่ ใบหน้าแดงก่ำ “แต่เธอทำเกินไป… ถึงขั้น…”
เฉียวซือมู่เอ่ยขัดอย่างเหลืออด “กรุณาเข้าใจใหม่ด้วยนะ ตอนนั้นฉันหันหลังให้ประตู แล้วจะไปเห็นท่านประธานก่อนเธอได้ยังไงไม่ทราบ? ฉันไม่มีตาที่หลังซะหน่อย!”
เฉิงจือเวยจนคำพูดในบัดดล แต่ยังคงเถียงข้างๆ คูๆ “ใครจะไปรู้ว่าเธอใช้วิธีอะไร ไม่แน่นะ บางทีเธอเธออาจจะรู้ตั้งแต่แรกแล้วก็ได้”
ตอนที่ 411 นั่นมันห้องทำงานของท่านประธานนะ!
“เถียงข้างๆ คูๆ” เฉียวซือมู่จนคำพูดกับความไร้เหตุผลของเฉิงจือเวย
คุณหวังได้แต่ถอนใจพลางมองเธอโดยไม่สนใจเฉิงจือเวยแม้แต่นิดเดียว “ความจริงฉันชื่นชมคุณมากนะ ฝีมือคุณดีมาก แถมยังทำงานเร็วอีกต่างหาก ถึงคุณจะลางานบ่อย แต่ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้…”
ความจริงเธอไม่พอใจมากเหมือนกัน ปกติไม่เคยเห็นเฉียวซือมู่มีเรื่องกับเพื่อนร่วมงานคนไหนมาก่อน ทำไมต้องมีเรื่องในวันที่ท่านประธานเข้ามาตรวจงานด้วย?
แล้วยังทำให้เธอติดร่างแหจนถูกท่านประธานตำหนิไปด้วย วันนี้เป็นวันซวยของเธอจริงๆ
เธอใช้เวลาครุ่นคิดเพียงชั่วครู่ จากนั้นตัดสินใจเด็ดขาด “คุณสองคนฟังให้ดีนะ เฉิงจือเวย เดือนนี้ตัดสวัสดิการและพักงานหนึ่งอาทิตย์เพื่อสำนึกผิด ส่วนเฉียวซือมู่…”
ขณะที่เธอกำลังจะประกาศบทลงโทษของเฉียวซือมู่นั้น จู่ๆ เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะก็ดังขัดจังหวะขึ้น เธอปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วกดรับสาย แต่หลังจากได้ยินเสียงอีกฝ่ายแล้วเธอถึงกับหน้าถอดสีทันที เธอกวาดสายตามองเฉียวซือมู่ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า รับปากฝ่ายนั้นเรียบร้อยแล้ววางสายลง
เธอกวาดสายตามองเฉียวซือมู่อีกครั้งด้วยสายตาสลับซับซ้อน ทั้งสงสัย ทั้งอยากรู้ ผสมปนเปกันไปหมด เธอจ้องแล้วจ้องอีก จนเฉียวซือมู่รู้สึกขนลุกซู่ ขยับตัวด้วยความกระสับกระส่าย
ขณะที่เฉียวซือมู่กำลังจะอ้าปากถามนั้น คุณหวังเลิกมองเธอด้วยสายตาแปลกๆ อีก เธอนั่งลงบนเก้าอี้แล้วเอ่ยขึ้นใหม่ด้วยน้ำเสียงแปลกพิกล “เมื่อกี้คุณอีริคโทรมา บอกให้เธอไปพบที่ห้องทำงานของเขา”
เธอมองเฉียวซือมู่ขณะพูดประโยคนั้น หลังพูดจบ เฉียวซือมู่จึงชี้นิ้วไปที่ตัวเองด้วยความมึนงง เอ่ยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ “คุณหมายถึง… ฉันเหรอคะ?”
คุณหวังพยักหน้าน้อยๆ ด้วยสีหน้าแปลกๆ มองเธอด้วยใบหน้ายิ้มแต่ไม่ยิ้ม “ที่แท้คุณเฉียวก็ปกปิดได้แนบเนียนมาก ทั้งๆ ที่รู้จักคุณอีริคแท้ๆ แต่ก็แกล้งทำเป็นไม่รู้”
เฉียวซือมู่รีบส่ายศีรษะปฏิเสธเป็นพัลวันด้วยความร้อนใจ “ไม่ใช่นะคะ คุณเข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่รู้จักเขาเลย เมื่อกี้ฉันเพิ่งจะเคยเห็นหน้าเขาเป็นครั้งแรก ฉันสาบานได้”
“เหรอคะ?” คุณหวังไม่เชื่ออย่างเห็นได้ชัด เธอจับสังเกตสีหน้าเฉียวซือมู่ชั่วครู่ ดูเหมือนเฉียวซือมู่จะไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำ นั่นยิ่งทำให้เธอไม่เข้าใจมากขึ้นไปอีก
ถ้าไม่รู้จักแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าความสวยของเธอจะทำให้เขาตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกพบ?
เธอกวาดสายตามองเฉียวซือมู่อีกครั้งแล้วได้แต่ส่ายศีรษะ ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เธอได้แต่โบกมือไปมาอย่างจนปัญญา “ไปเถอะ”
เฉียวซือมู่พยักหน้าด้วยความกระวายกระวายใจ เธอเหลือบมองคนข้างกายก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้อง พลันเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาของเฉิงจือเวยตามคาด
เธอได้แต่ยิ้มขื่นในใจ คราวนี้ต่อให้เธอยืนกรานว่าไม่รู้จักท่านประธานก็คงไม่มีใครยอมเชื่อเธอแน่…
แต่เธอไม่เคยรู้จักคนที่ชื่อคุณอีริคคนนั้นจริงๆ นี่นา แล้วทำไมเขาถึงให้ความสนใจเธอเป็นพิเศษล่ะ?
เธอหวนนึกถึงสายตาของเขา ทันใดนั้น เธอรู้สึกเย็นวาบในใจ ดูเหมือนสายตาของเขาจะแฝงแววพิเศษบางอย่างเอาไว้จริงๆ ด้วย
หรือเธอเคยเจอเขามาก่อน แต่เธอลืมเขาไปแล้วอย่างนั้นหรือ?
เธอครุ่นคิดไปมาจนเดินออกจากห้องทำงานของคุณหวัง ทุกคนต่างพากันมองมาที่เธอเป็นตาเดียวด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็นว่าเธอจะถูกลงโทษอย่างไรบ้าง
แต่ตอนนี้เธอมีแต่เรื่องคิดไม่ตกเต็มสมองจนมองไม่เห็นสายตาของพวกเขา เพื่อนร่วมงานหลายคนที่เธอค่อนข้างสนิทด้วยต่างพากันไปรอเธออยู่ที่โต๊ะทำงานพร้อมคำถามมากมายอยู่ก่อนแล้ว รอเพียงแค่ให้เธอกลับไปนั่งลงที่โต๊ะทำงานเท่านั้น