ตอนที่ 412 อยากให้เปลี่ยนตำแหน่งงานใหม่
ใครจะไปคิดว่าเฉียวซือมู่เดินออกมาจากห้องทำงานของคุณหวังแล้วจะเลี้ยวไปทางประตูลิฟท์แทน
นั่นเป็นลิฟท์เฉพาะสำหรับขึ้นไปยังห้องทำงานของท่านประธานที่อยู่ชั้นสูงสุดเท่านั้นนะ เธอเดินผิดทางหรือเปล่า?
ทุกคนต่างคิดไปในทิศทางเดียวกัน
กระทั่งเธอเดินเข้าไปในลิฟท์ กดปุ่มชั้นที่จะไป เสี้ยววินาทีก่อนที่ประตูลิฟท์จะปิดสนิท เธอชายตาขึ้นมองจึงเห็นสายตาแปลกประหลาดที่มองมาจากทุกคน
สายตาที่ทั้งเห็นใจ ทั้งฉงนสนเท่ห์ เธอชะงักเล็กน้อย เพิ่งเข้าใจว่าการกระทำของเธอในสายตาพวกเขาหมายความว่าอย่างไร
อย่าบอกนะพวกเขาคิดว่าเธอเดินผิดทางน่ะ?
เธอขยับริมฝีปากเล็กน้อยจะอธิบาย ทันใดนั้น ทุกอย่างตรงหน้ามืดลง
ประตูลิฟท์ปิดสนิทแล้ว
เธอรู้สึกได้ถึงแรงกระตุกเล็กน้อย จากนั้นลิฟท์ขับเคลื่อนไปยังชั้นบนอย่างมั่นคง
คิดมากไปก็เปล่าประโยชน์ เธอดึงสติกลับ ประตูลิฟท์เปิดออกพอดี เธอเห็นประตูบานใหญ่อยู่ตรงหน้าตนพอดิบพอดี ตามด้วยสายตาประหลาดใจของหญิงสาวที่ท่าทางเหมือนเลขานุการ
เธอสูดหายใจลึก ค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ คลี่ยิ้มทักทาย “ขอโทษนะคะ ท่านประธานเป็นคนเรียกพบฉัน…”
ยังไม่ทันจะพูดจบ เสียงอ่อนโยนก็ดังลอดออกมาจากเครื่องอินเตอร์โฟนบนโต๊ะทำงานของเลขาสาว “ลีน่า ให้เธอเข้ามาได้”
“ค่ะ” ลีน่าพยักหน้าพลางยิ้มบางๆ ให้เฉียวซือมู่ “คุณอีริคเชิญคุณเข้าพบค่ะ”
ดูเหมือนอีริคจะเป็นชื่อจริงของเขา เธอหวนนึกถึงเสี้ยววินาทีที่ได้พบเขา โครงหน้าคมลึก ผิวขาวซีดที่ไม่เหมือนใคร ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นลูกครึ่ง
แต่คนคนนี้กลับทำตัวกับเธอแตกต่างจากคนอื่น แล้วเขาทำเพื่ออะไร?
เธอเดินไปหยุดยืนอยู่หน้าประตูห้อง สูดหายใจลึก จากนั้นค่อยๆ เปิดประตูออก
ทันใดนั้น ดวงตาเธอเป็นประกายวาบ
ภายในห้องทำงานโอ่โถง แสงทองอร่ามที่สาดส่องผ่านหน้าต่างกระจกบานใหญ่ตกกระทบลงบนเรือนกายของชายหนุ่มที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ ขับใบหน้าสวยหวานของเขาให้ดูมีเสน่ห์เยี่ยงบุรุษเพศ
เขาเห็นเธอยืนนิ่งงันอยู่ตรงประตู ริมฝีปากแดงเรื่อยกยิ้มน้อยๆ “เชิญครับ”
เธอเดินเข้าไปในห้อง ปิดประตูห้องโดยไม่ได้ล็อกเป็นการป้องกันไว้ก่อน
เขามองเธอสีหน้าเรียบเฉย ชี้ไปยังเก้าอี้ตรงหน้าตน “เชิญนั่งครับ”
เธอขยับตัวเล็กน้อยอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก “ไม่ดีกว่า ฉันยืนแบบนี้ดีกว่าค่ะ”
คนคนนี้ทำให้เธอรู้สึกแปลกพิลึก เธอไม่อยากเกี่ยวข้องกับเขาสักเท่าไหร่
ริมฝีปากเขาขยับอีกครั้ง ยกยิ้มมุมปากน้อยๆ
เขาก้มหน้าลงพลางเปิดเอกสารบางอย่าง จากนั้นเคาะนิ้วลงบนแป้นพิมพ์ เธอสังเกตเห็นว่ามือเขาสวยมาก ทั้งเรียวยาวทั้งขาวผุดผาด เล็บถูกตัดอย่างเป็นระเบียบและประณีต สาวน้อยทั้งหลายเห็นเข้าคงใจละลายกันเป็นแถวแน่
ผ่านไปครู่ใหญ่เขายังคงไม่พูดอะไรสักคำจนเธอชักทนไม่ไหว เธอขยับตัวด้วยความกระวนกระวายใจ เอ่ยถามอย่างหมดความอดทน “ไม่ทราบว่าท่านประธานเรียกพบฉันเรื่องอะไรคะ?”
เขาเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง “ที่ผมมาที่นี่ก็เพราะอยากจะถามคุณว่า คุณสนใจจะเปลี่ยนตำแหน่งงานหรือเปล่า?”
คำพูดของเขาเกินความคาดหมายของเธออย่างสิ้นเชิง เธอเบิกตาโต “คุณ… คุณพูดว่าไงนะคะ?”
เขาหันหน้ากลับมา ดวงตาคู่สวยจับจ้องเธอนิ่ง “ผมบอกว่า คุณสนใจเปลี่ยนตำแหน่งงานหรือเปล่า?”
เธอฝืนยิ้มเล็กน้อย แต่ในใจรู้สึกเซอร์ไพรส์มาก ไม่รู้ว่าเขาหมายความว่าอย่างไรกันแน่
อยู่ที่นี่ เธอเป็นเพียงพนักงานพาร์ทไทม์ธรรมดาคนหนึ่งที่ทำงานวันละสามชั่วโมงเท่านั้น ถือเป็นพนักงานระดับล่างสุดในองค์กรก็ว่าได้ ให้เธอเปลี่ยนตำแหน่งงาน… อย่าบอกนะว่าจะให้เธอไปทำงานทำความสะอาด?
ตอนที่ 413 คุณยินดีไหม
เธอเอ่ยถามอย่างยากเย็น “ฉันขอถามหน่อยได้ไหมคะว่าเปลี่ยนเป็นงานอะไร?”
ดวงตาเขาไหววูบแวบหนึ่ง จากนั้นจับจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์นิ่ง “อ้อ เพราะเรื่องงานทำให้ผมต้องอยู่ที่นี่ต่ออีกสักพัก ก็เลยจำเป็นต้องมีคนในพื้นที่ที่รู้งานคอยอยู่ข้างกายผม ผมดูใบสมัครงานของคุณแล้ว เห็นว่าคุณเหมาะสมกับงานนี้มาก ก็เลยลองถามคุณดู ว่าคุณสนใจทำงานข้างๆ ผมหรือเปล่า?”
อยู่ดีๆ บุญก็หล่นทับใส่หัวจนเธอมึนงงไปหมด ไม่ใช่มั้ง เธอเป็นแค่พนักงานพาร์ทไทม์ตัวเล็กๆ เท่านั้น แต่ตอนนี้ท่านประธานกลับถามเธอว่าจะไปทำงานเป็นเลขาให้เขาหรือไม่?
ก้าวกระโดดมากเกินไปแล้วมั้ง
ไม่สิ ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ เธอรีบส่ายศีรษะปฏิเสธทันที “ไม่ดีกว่าค่ะ ท่านประธาน…”
“อีริค… ผมชื่ออีริค…” จู่ๆ เขาก็เอ่ยแทรกขึ้น
“ค่ะ คุณอีริคอาจจะอ่านใบสมัครงานของฉันไม่ละเอียด ความจริงฉันเป็นแค่พนักงานพาร์ทไทม์เท่านั้น เพราะเหตุผลบางอย่าง ทำให้ฉันทำงานที่บริษัทได้แค่วันละสามชั่วโมงเท่านั้น เพราะฉะนั้น งานที่คุณเสนอให้ ฉันคงทำไม่ได้หรอกค่ะ” เธอพูดรวดเดียวจนจบ ในใจแอบคิดว่าเงื่อนไขแบบนี้เขาคงไม่พิจารณาเธอหรอกมั้ง?
“อีริคมุ่นหัวคิ้วเล็กน้อย “ผมอ่านประวัติทั้งหมดของคุณแล้ว คุณทำงานเต็มเวลาไม่ได้เหรอ?”
“ไม่ได้ค่ะ!” เธอตอบเสียงหนักแน่น
“ก็ได้ หัวหน้าคุณบอกว่าความรู้เฉพาะทางของคุณแน่นมาก เพราะฉะนั้น ผมตัดสินใจยืดหยุ่นให้คุณก็ได้ คุณยังคงสามารถทำงานวันละสามชั่วโมงเหมือนเดิม แต่ต้องทำงานที่ผมสั่งด้วย ตกลงไหม?”
“คุณ… คุณหมายความว่าไงคะ?” เธอตะลึงงันกับความยืดหยุ่นของเขา “ฉันเชื่อว่าในบริษัทมีคนอีกเป็นโขยงที่เหมาะกับความต้องการของคุณ เพราะฉะนั้น…”
“นี่แหละที่ผมกำลังเป็นห่วง” เขาเอ่ยขัดเธออย่างไม่ลังเล “ผมสัญญาว่าจะเพิ่มเงินเดือนให้คุณ และยังมีสิทธิพิเศษในการเข้าถึงข่าวสารและเส้นสายต่างๆ คุณลองคิดดูดีๆ อีกทีได้ไหมครับ?”
เธอครุ่นคิดไปมา รู้สึกหวั่นไหวไม่น้อย เธอไม่ได้สนใจเรื่องเงินเดือนสักนิด เงินที่จิ้นหยวนให้เธอ มากพอให้เธอใช้ชีวิตอย่างสบายทั้งชาติแล้ว แต่การเข้าถึงข่าวสารและเส้นสายต่างๆ โดยเฉพาะอย่างหลัง เป็นสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหวไม่น้อย เธอเป็นผู้หญิงที่รักการทำงานเป็นชีวิตจิตใจ มิเช่นนั้น เธอคงพอใจกับชีวิตในตอนนี้แล้ว และคงไม่แอบหนีออกมาทำงานข้างนอกเพื่อพิสูจน์ตัวเองแบบนี้หรอก
เธอเข้าใจดีว่าเส้นสายนั้นมีความหมายมากแค่ไหน
เธอจึงรู้สึกหวั่นไหวไม่น้อยที่อีริคเห็นความสำคัญของเธอทันทีแบบนี้
ดวงตาเขาไหววูบ เพิ่มเหยื่อล่อลงไปอีก “คุณเองก็คงไม่อยากทำแต่งานง่ายๆ หรอกใช่ไหมล่ะ? เรามาร่วมมือกันทำอะไรที่มันพิเศษดีกว่า คุณยินดีไหม?”
“พิเศษยังไงคะ?” เธอเข้าใจดีว่าสถานการณ์ปัจจุบัน การทำข่าวสังคมหรือข่าวบันเทิงเป็นอะไรที่ปลอดภัยที่สุด แต่เธอทำข่าวพวกนี้นานจนรู้สึกเบื่อแล้ว เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนั้น ดวงตาเธอจึงเป็นประกายวาบ
“เรื่องนี้ผมยังบอกคุณไม่ได้ ผมบอกได้แค่ว่า ถ้าคุณตกลง คุณจะไม่มีทางเสียใจอย่างแน่นอน” อีริคทำท่าทางลึกลับ
คราวนี้เธอลังเลเพียงแป๊บเดียวเท่านั้นแล้วรับปากเลย
เขายิ้มอย่างมีความสุข “ดีมาก หวังว่าเราจะร่วมงานกันอย่างมีความสุขนะครับ”
เขาลุกขึ้นยืน ยื่นมือให้เธอ
เธอลังเลชั่วครู่ จากนั้นยื่นมือออกไปจับมือเขา
เธอรู้สึกว่ามือเขาอุ่นมาก ราวกับเธอกำลังจับถุงให้ความร้อนอย่างไรอย่างนั้น
หัวใจเธอกระตุกอย่างแรง เธอชักมือออกทันทีที่สัมผัสมือเขา พยายามฝืนยิ้มให้เขาพลางเอ่ย “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวก่อนนะคะ”