ตอนที่ 414 เพราะชอบ
อีริคนั่งลงพลางพยักหน้าเล็กน้อย “ครับ”
เฉียวซือมู่ค่อยๆ เดินไปยังประตูห้อง จู่ๆ เธอก็หันหน้าไปถาม “คุณอีริค ฉันถามอะไรสักอย่างได้ไหมคะ?”
เขาเงยหน้าขึ้นมองเธอเงียบๆ “เชิญถามครับ”
“ทำไมถึงเป็นฉันคะ?”
เธอสงสัยเรื่องนี้มากที่สุด ตามหลักแล้ว ต่อให้ใบสมัครงานของเธอเขียนได้ดีมากแค่ไหนก็ตาม แต่เธอคงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุดแน่ ยังไม่ต้องพูดถึงคนอื่น แค่คุณสมบัติของคุณหวังที่เป็นหัวหน้าตนก็มีคุณสมบัติเหมาะสมกว่าเป็นไหนๆ แต่เหตุใดเขาจึงไม่เลือกเธอ กลับมาเลือกตนแทน เรื่องนี้จึงเป็นสิ่งที่สร้างความฉงนสนเท่ห์ให้ตนเป็นอย่างมาก
“เพราะผมชอบ” เขากลับตอบเธอเช่นนี้แทน
หัวใจเธอกระตุกอย่างแรง หมุนตัวกลับไปมองเขาให้เต็มตา กลับเห็นเพียงสายตาสงบนิ่งของเขาแทน ราวกับเขากำลังบอกว่า “วันนี้อากาศดีมาก” อย่างไรอย่างนั้น ไม่ใช่เรื่องพิเศษอะไรเลยสักนิด
เธอแอบสงสัยว่าเป็นเพราะเขาอาศัยอยู่ที่ต่างประเทศนานเกินไปหรือไม่ จึงลืมไปแล้วว่าคำว่าชอบในภาษาจีนนั้นหมายความว่าอย่างไร แต่เธอไม่กล้าถามเขาเช่นกัน จึงได้แต่เปิดประตูห้องแล้วเดินออกไปทั้งๆ ที่ยังตัวแข็งทื่อ
คำตอบของเขาทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจมากเสียจนเธอไม่ได้ตอบอะไรเขา ซึ่งถือเป็นการเสียมารยาทมาก
แต่สีหน้าของอีริคบ่งบอกชัดเจนว่าเขาไม่ได้รู้สึกไม่พอใจใดๆ เลย
เฉียวซือมู่เดินออกไปนอกอาคารแล้วถึงได้สติกลับมา เธอหันไปมองอาคารสูงด้านหลังตน รู้สึกว่าบริษัทนี้มีแต่สิ่งที่น่าสงสัยเต็มไปหมด หากจะบอกว่าที่นี่เป็นบริษัทผิดกฎหมาย แต่บริษัทก็มีเอกสารรับรองถูกต้องครบทุกอย่าง และยังจ่ายเงินเดือนครบตามปกติทุกเดือน หากจะบอกว่าเป็นแค่บริษัทธรรมดาทั่วไป แต่มีบริษัทที่ไหนที่ไม่ทำตามกฎระเบียบเช่นนี้ เดาว่าหากพรุ่งนี้เพื่อนร่วมงานรู้เรื่องเธอเข้า จะต้องกลายเป็นเรื่องซิบซิบที่พูดกันไปทั่วแน่
เรื่องพวกนี้เอาไว้ค่อยคิดพรุ่งนี้ดีกว่า เธอดูเวลาแล้วพบว่าวันนี้เลิกงานช้ากว่าปกติครึ่งชั่วโมงกว่าแล้ว กลับถึงบ้านคงเกือบไม่ทันเวลาอาหารเย็น
เธอเหลียวซ้ายแลขวา รีบโบกรกแท็กซี่แล้วนั่งรถกลับบ้าน
โชคดีที่ทั้งพ่อบ้านและสาวใช้ต่างเชื่อสนิทว่าเธอไปเยี่ยมคุณแม่ เธอจึงกลับถึงบ้านและกลับห้องได้อย่างราบรื่น เพิ่งจะได้หย่อนตัวลงนั่งพักแป๊บเดียว พลันได้ยินเสียงโทรศัพท์ที่จิ้นหยวนโทรเข้ามา “มู่มู่ คืนนี้ผมจะกลับดึก คุณทานข้าวเย็นก่อนเลยนะ คนดี”
“ที่บริษัทยุ่งมากเลยเหรอคะ?” เธอเอ่ยถาม
เขาชะงักเล็กน้อย “ไม่มากหรอก พอดีคืนนี้มีนัดพบลูกค้าน่ะ ก็เลยต้องกลับดึกนิดหน่อย คุณทานข้าวคนเดียวดีๆ ล่ะ?”
เธอผิดหวังเล็กน้อย แต่ยังคงเอ่ยตอบอย่างว่าง่าย “ค่ะ ฉันรอคุณกลับบ้านนะคะ”
“ครับ” เขาได้ยินเสียงดังตู๊ดๆ ดังมาจากปลายสายจึงวางโทรศัพท์มือถือลง
เจียงจื่อเสียนยืนอยู่ตรงหน้าเขา เห็นเขามองมาที่เธอจึงส่งยิ้มหวานหยดย้อยให้เขา ชุดสูทเข้ารูปอย่างสาวมาดมั่นเผยให้เห็นทรวดทรงองค์เอวที่มีส่วนเว้าส่วนโค้งอย่างชัดเจน เต็มไปด้วยเสน่ห์เย้ายวน
ทว่าสายตาของจิ้นหยวนราวกับมองไม่เห็นสิ่งล่อตาล่อใจนั้น เขาเพียงแค่มองเธอแวบหนึ่งแล้วพยักหน้าเล็กน้อย “ไปกันเถอะ”
ยามแรกเจียงจื่อเสียนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เพราะดูเหมือนจิ้นหยวนจะไม่สังเกตเห็นการแต่งตัวที่เต็มไปด้วยเสน่ห์เย้ายวนของเธอ แต่เพียงครู่เดียวเธอก็ดีใจขึ้นมาอีก รีบเดินตามเขาแล้วยื่นแขนออกไปคล้องแขนเขา “ค่ะ”
จิ้นหยวนขยับแขนเล็กน้อยจนเธอคว้าอากาศแทน สีหน้าเธอแย่มาก
เขาไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่มองเธอแวบหนึ่งเท่านั้น จากนั้นหมุนตัวเดินนำออกไปก่อน
ตรงประตู ลูกน้องหลายคนของเขาแต่งกายภูมิฐานเต็มยศยืนรอท่าอยู่ก่อนแล้ว ต่างทักเขาอย่างพร้อมเพรียง “พี่ใหญ่”
เขาพยักหน้าเล็กน้อย เดินเคียงเจียงจื่อเสียนอยู่ด้านหน้า
งานเลี้ยงที่พวกเขากำลังยจะไปร่วมงานในคืนนี้เป็นงานเลี้ยงที่สำคัญมาก จะให้เกิดเรื่องผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด
เฉียวซือมู่รอแล้วรอเล่า รอจนกระทั่งฟ้ามืดสนิทแล้วจึงจำยอมทานข้าวมื้อเย็นคนเดียว จากนั้นขึ้นไปเปิดคอมพิวเตอร์ของตนในห้องหนังสือ
ตอนที่ 415 ดึกป่านนี้แล้วทำไมยังไม่นอนอีก
เธอมักจะอ่านข่าวสารเพื่อรวบรวมข้อมูลต่างๆ เป็นประจำทุกคืน ซึ่งเป็นนิสัยติดตัวตั้งแต่ทำงานข่าว แต่คืนนี้เธอกลับอ่านอะไรไม่เข้าหัวเลยสักอย่าง เพราะจิ้นหยวนไม่อยู่ข้างกายเธอนั่นเอง
เธอกระวนกระวายนั่งไม่ติดที่อยู่อย่างนั้นสักพัก จู่ๆ เธอเพิ่งรู้สึกตัวว่าตอนนี้เธอแปลกมาก ก่อนที่เธอจะเจอกับจิ้นหยวน เธอก็อยู่คนเดียวมาโดยตลอด ตอนนั้นเธอไม่เคยรู้สึกเหงาเลยสักนิด แล้วดูตอนนี้สิ นี่เธอเป็นอะไรไป?
มิน่าเล่า เขาถึงพูดกันว่าเข้าง่ายออกยาก เป็นเพราะเธอชินกับการที่มีเขาอยู่ข้างกายจนเธอขาดเขาไม่ได้แล้วอย่างนั้นหรือ?
เป็นเช่นนี้ต่อไปจะทำอย่างไร?
เธอรีบตั้งสติ ตั้งใจแน่วแน่ที่จะสลัดเขาออกจากความคิด จากนั้นเริ่มลงมือเตรียมงานสำหรับวันพรุ่งนี้ หลังจากเตรียมทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว จู่ๆ เธอก็เห็นแอปพลิเคชั่นสนทนาแจ้งเตือนเพิ่มเพื่อนใหม่เข้ามา
เธอชะงักเล็กน้อย ตอนแรกเธอกะจะปฏเสธเพิ่มเพื่อนใหม่ แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มือเจ้ากรรมจึงไปกดตอบรับการเป็นเพื่อนแทน
ช่างเถอะ ยอมรับได้ก็ลบออกได้เหมือนกัน
เธอไม่ได้ใส่ใจมันอีก ใครจะไปคิดว่าเพื่อนใหม่คนนั้นจะส่งข้อความหาเธอจริงๆ “ทำไมยังไม่นอนอีก?”
ทำไมคำพูดที่ใช้ถึงดูสนิทสนมกับเธอมากอย่างนี้แหละ เธอนึกแปลกใจเล็กน้อยจึงตอบกลับไป “คุณเป็นใคร?”
“ผมอีริคไง” เขาเผยตัวตนออกมาอย่างไม่ปิดบัง
เธอรู้สึกตกใจเล็กน้อย รีบตอบกลับทันที “สวัสดีค่ะ”
คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะรู้หมายเลขวีแชทของเธอด้วย และยังเป็นคนขอเพิ่มเป็นเพื่อนกับเธอก่อนด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจมาก
โชคดีที่เขาเองก็คงคิดถึงเรื่องนี้เหมือนกัน หลังจากนั้นเขาจึงไม่ได้เขียนอะไรมาอีก
เธอเปิดซีรีส์เกาหลีแล้วเริ่มตั้งหน้าตาดูจนลืมเรื่องของเขาไปจนสิ้น
จู่ๆ เขาก็ส่งข้อความมาอีก “คุณอย่านอนดึกสิ มันไม่ดีต่อผิวพรรณของผู้หญิงนะ”
จากนั้นตามด้วยอิโมจิหน้ายิ้ม
เธอจ้องอิโมจิหน้ายิ้มนั้นอึ้งๆ รู้สึกว่าเธอเข้าใจคนอย่างเขาผิดไป เขาเพิ่งกลับประเทศแท้ๆ แต่กลับเรียนรู้วิธีการสนทนาออนไลน์ที่นิยมกันในประเทศจนหมดแล้วนี่
แต่การที่เขาส่งข้อความมาเป็นระยะๆ แบบนี้ทำให้เธอรู้สึกรำคาญนิดๆ เธอจึงแสร้งทำเป็นนอนแล้วเสียให้รู้แล้วรู้รอด โดยการไม่ตอบข้อความเขาอีก
ทุกอย่างกลับคืนอยู่ความเงียบสงบอีกครั้ง
กระทั่งจิ้นหยวนกลับถึงบ้านกลางดึกพร้อมกลิ่นแอลกอฮอล์ฉุนไปทั้งตัว
ตอนนั้นเธอเหนื่อยจนหาวหวอด เธอได้ยินเสียงเขากลับมาแล้วจึงเดินไปเปิดประตูให้เขา พอเปิดประตูออกพลันได้กลิ่นฉุนแสบจมูกจนเธอต้องยกมือขึ้นปิดจมูกเอาไว้ “ทำไมคุณถึง…”
ยังไม่ทันพูดจบก็เห็นร่างเขาเซจนล้มลงบนตัวเธอ
เธอรีบประคองเขาเอาไว้ แต่ตัวเขาหนักมากจนเธอเกือบพยุงตัวเขาไม่ไหว
โชคดีที่จิ้นหยวนยังพอมีสติอยู่บ้าง จึงพยายามทรงตัวเอาไว้ เธอจึงไม่ถูกเขาล้มทับกับพื้น
เธอใช้แรงทั้งหมดที่มีประคองเขาเอาไว้พลางบ่นพลาง “ทำไมถึงดื่มหนักขนาดนี้?”
จิ้นหยวนคลึงหว่างคิ้วตนพลางส่ายศีรษะ พยายามเค้นคำพูดออกมา “ไม่ทันระวังก็เลยดื่มเยอะไปหน่อย ผมจะไปอาบน้ำ”
เขาเอ่ยพลางขยับเงยตัวขึ้น แต่กลับยืนโงนเงนทรงตัวไม่อยู่จนเธอตกใจและต้องรีบเข้าไปประคองเขาเอาไว้ “เฮ้อ ฉันพยุงคุณเข้าไปดีกว่าค่ะ ฉันล่ะยอมแพ้คุณจริงๆ เหล้าไม่เห็นดีตรงไหนเลย ทั้งขมทั้งทำให้เมา ฉันล่ะไม่เข้าใจผู้ชายอย่างพวกคุณจริงๆ”
จิ้นหยวนที่กำลังสะลึมสะลือได้ยินเสียงบ่นกระปอดกระแปดของเธอแล้วรู้สึกอบอุ่นหัวใจมาก เขาหัวเราะออกมา “เมียจ๋า ครั้งนี้ผมไม่ทันระวังตัวให้ดี คราวหน้าผมจะไม่ทำอย่างนี้อีกแล้ว”
“ยังจะมีคราวหน้าอีก” เธอบ่นพลางเปิดน้ำใส่อ่างพลาง พอหมุนตัวกลับพลันเห็นเขาที่กำลังยืนพิงกำแพงเกือบร่วงลงกับพื้นอีก เธอจึงรีบเข้าไปพยุงตัวเขาให้ลุกขึ้น “คุณระวังหน่อยสิ…”
เขาพยักหน้าหงึกๆ รู้ว่าเธอไม่ชอบกลิ่นเหล้า จึงเอ่ยกับเธออย่างเข้าใจ “คุณออกไปเถอะ เดี๋ยวผมอาบน้ำเอง”
จากนั้นทั้งสองก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย
เช้าวันรุ่งขึ้น เธอลืมตาตื่นพร้อมข้างเตียงที่เย็นเฉียบ คนรักของเธอลุกออกจากเตียงแต่เช้าแล้ว
ไม่ต้องใช้หัวคิดก็รู้ว่าเขาออกไปทำงานแล้ว เธอถอนใจยาว จู่ๆ ก็รู้สึกเห็นใจเขาขึ้นมาตงิดๆ มีเงินเยอะแยะไม่เห็นจะมีประโยชน์ตรงไหนเลย ยังต้องออกไปทำงานแต่เช้าทุกวันไม่ใช่หรือ?
แต่เธอเคยได้ยินเขาเล่าว่า ตอนนี้เขาทำงานไม่ใช่เพื่อเงิน แต่เพื่อดื่มด่ำความรู้สึกแห่งความสำเร็จต่างหาก การมองดูทรัพย์สินของตนค่อยๆ งอกเงยมากขึ้นเรื่อยๆ สามารถสร้างความตื่นเต้นที่ยากจะอธิบาย
คนอื่นเขาติดเหล้าติดบุหรี่ แต่จิ้นหยวนกลับติดการทำเงินเสียนี่
เธอได้แต่ยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นลุกออกจากเตียง
ตอนแรกเธอคิดว่าวันนี้คงเป็นวันที่แสนน่าเบื่ออีกวัน แต่ปรากฎว่าเธอได้รับสายจากเจ้านายตนอย่างคาดไม่ถึง อีริคโทรศัพท์มากำชับเธอว่าวันนี้ให้เข้าออฟฟิศเร็วกว่าปกติ
เธอเอ่ยถาม “ทำไมคะ?”
อีริคพูดภาษาจีนคล่องปร๋อ “วันนี้มีงานพิเศษน่ะ ผมจะพาคุณไปด้วย เพราะฉะนั้น คุณช่วยไปถึงออฟฟิศก่อนบ่ายสองได้ไหมครับ”
เธอดูเวลาแล้วกระวนกระวายจนทำอะไรไม่ถูก “ฉันขอถามหน่อยได้ไหมคะว่างานอะไร?”
“อ้อ ผมจะไปพบอาจารย์ที่ทำงานด้านศิลปะท่านหนึ่งน่ะ” เขาเอ่ยชื่อชื่อหนึ่งออกมา จากนั้นสาธยายต่อ “ผมอยากให้คุณอยู่ด้วยตอนสัมภาษณ์ หวังว่าประสบการณ์มากมายของคุณจะไม่ทำให้ผมเสียเที่ยวนะ คุณคิดว่าไง?”
อาจารย์ที่เขาพูดถึงเป็นคนที่มีชื่อเสียงมากจริงๆ ทั้งมีชื่อเสียงทั้งถือตัว อย่าว่าแต่สัมภาษณ์เลย ปกติแค่หน้ายังไม่ค่อยได้เห็น แต่กลับมีเรื่องเล่าของเขามากมาย จนทำให้คนที่ชื่นชอบการอ่านข่าวและฟังเรื่องซุบซิบอย่างเธอชื่นชมอาจารย์ท่านนี้เป็นอย่างมาก
เมื่อรู้ว่าเป็นอาจารย์ท่านั้น เธอจึงยอมยกธงขาวยอมแพ้อย่างราบคาบ “ก็ได้ค่ะ ฉันจะพยายามไปให้ถึงออฟฟิศบ่ายโมงครึ่งนะคะ”
“ไม่ต้องหรอก คุณไปพบผมที่หน้าบริษัทก็แล้วกัน ผมจะรอคุณอยู่ตรงนั้น” เขาพูดจบแล้ววางสายทันที
สัญชาตญาณร้องบอกเธอว่ามีบางอย่างผิดปกติ เธอมุ่นหัวคิ้วครุ่นคิดไปมา แต่ดูเหมือนว่าจะคิดไม่ออกว่าผิดปกติตรงไหน จึงไม่ได้ใส่ใจอีก
ช่วงนี้จิ้นหยวนงานยุ่งมาก เขาคงไม่กลับบ้านเร็วนักหรอก
ความจริงที่เธอทำงานนี้ก็เพื่อแก้เบื่อเท่านั้น จึงไม่คิดจะปิดจิ้นหยวนนานนัก หากจิ้นหยวนจับได้เธอก็จะยอมรับตรงๆ แต่ไม่คิดเลยว่ายิ่งทำเธอก็ยิ่งติดใจ ถ้าตอนนี้จิ้นหยวนรู้เรื่องเข้าและสั่งให้เธอลาออก เธอคงทำใจยากมาก