ตอนที่ 416 ไปกับผม
ตอนนี้เธอคงต้องทิ้งความคิดที่จะหาโอกาสคุยเรื่องนี้กับเขาแล้ว หากเขาไม่ยอมให้เธอทำงานต่อแล้วเธอจะทำอย่างไร?
เธอครุ่นคิดไปมา รู้สึกว่าไม่ช้าก็เร็วเขาต้องรู้เรื่องนี้แน่
เฮ้อ ทำไมถึงยุ่งยากอย่างนี้นะ ถึงเวลาค่อยว่ากันใหม่ก็แล้วกัน
ช่วงบ่ายเธอจึงเธอออกจากบ้านตามปกติ
เธอไม่อยากเสียงานนี้ไป และไม่มีเวลามาคิดมากด้วย จึงรีบนั่งรถแท็กซี่เพื่อไปยังที่หมาย
เธอไปถึงหน้าบริษัทประมาณบ่ายโมงครึ่ง แม้ตอนนี้จะเป็นฤดูใบไม้ร่วง แต่พระอาทิตย์ยามบ่ายกลับร้อนแผดเผา เธอเดินเพียงระยะทางสั้นๆ ก็รู้สึกร้อนจนเหงื่อแตก
หลังประตูกระจก มีคนยืนเป็นระเบียบเรียบร้อย เมื่อเห็นเธอกำลังจะเดินเข้าไปด้านใน จึงรีบเดินไปเปิดประตูให้เธออย่างสุภาพนอบน้อม
เธอชะงักเล็กน้อย ท่าทางคนพวกนี้จะนอบน้อมมากเกินไปแล้วมั้ง
ชั่ววินาทีที่เธอชะงักนิ่งอึ้งนั้น อีริคเดินออกมาจากประตูลิฟท์พอดี รูปร่างสูงโปร่งในชุดสูทพอดีตัว ทำให้เขามีเสน่ห์อย่างบุรุษเพศ
ผู้ชายคนนี้เป็นคนที่หล่อมากเหมือนจิ้นหยวน แต่หล่อคนละสไตล์กับจิ้นหยวน
จู่ๆ หัวใจเธอก็เต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่ ใบหน้าร้อนผ่าวจนต้องรีบเบือนหน้าหนีไปทางอื่นแทน
อีริคเห็นปฏิกิริยาของเธอแล้วยกยิ้มมุมปากน้อยๆ ความกระหยิ่มยิ้มย่องฉายวาบขึ้นในดวงตาแวบหนึ่ง
เขาเดินไปหยุดยืนตรงหน้าเธอแล้วยื่นมือให้เธอ “เชิญครับ ไปกับผมนะ”
เธอมองดูมือใหญ่เรียวยาวที่ยื่นมาตรงหน้าตนแล้วก้าวเท้าถอยหลังหนึ่งก้าวอย่างอัตโนมัติ จากนั้นมองไปทางด้านหลังเขา “แค่เราสองคนเหรอคะ?”
เขาส่ายศีรษะ “ยังมีลีน่าอีกคน” เอ่ยพลางขยับเบี่ยงกายเล็กน้อย ทำให้เธอเห็นลีน่าที่กำลังเดินตรงมายังพวกเธอพอดี
เธอค่อยรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง แต่ยังคงรู้สึกว่าเขาดูแปลกๆ อยู่ดี เมื่อเห็นว่ามีคนอื่นไปด้วย จึงรู้สึกสบายใจขึ้นมาก
เธอขยับกายเล็กน้อยแล้วเอ่ยกับเขา “เชิญคุณก่อนเลยค่ะ”
ดวงตาเขาไหววูบ พยักหน้าเล็กน้อย ลดมือลงราวไม่มีอะไรเกิดขึ้น จากนั้นเดินก้าวเท้ายาวๆ ออกไป
เธอชะงักกายเล็กน้อย เห็นลีน่าเดินเลยหน้าเธอไปโดยไม่หันมามองเธอเลย จึงเดินตามหลังเธอไป
เมื่อเดินไปถึงรถที่จอดรออยู่ เธอเห็นอีริคนั่งอยู่บนเบาะที่นั่งตอนหลัง และลีน่ากำลังจะเปิดประตูรถฝั่งที่นั่งข้างคนขับพอดี
หัวใจเธอกระตุกอย่างแรง นี่จะให้เธอนั่งคู่กับเขาอย่างนั้นหรือ?
ขณะที่เธอกำลังจะเดินไปบอกกับลีน่าว่าเธอจะนั่งข้างคนขับนั้น อีริคกลับเปิดประตูรถออกแล้วเอ่ยกับเธอ “รีบขึ้นรถเถอะ พวกเขากำลังรอเราอยู่นะ”
“อ้อ ค่ะ” เธอยังไม่ทันได้พูดอะไรเลย กลับถูกเขาพูดดักทางเสียก่อน จึงได้แต่ขึ้นไปนั่งข้างเขาอย่างเสียไม่ได้
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แม้ว่าเขาจะปฏิบัติกับเธอดีมาก เสนอเงินเดือนสูงลิบให้เธอ และรูปร่างหน้าตาเขายังดีมากอีกต่างหาก แต่เธอยังคงรู้สึกระแวงในตัวเขาตลอดเวลา
เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะเหตุใด เหมือนเช่นยามนี้ แม้เขาจะนั่งห่างจากเธอมาก ระยะห่างระหว่างเธอกับเขายังสามารถนั่งได้อีกคนอย่างสบายๆ แต่เธอกลับรู้สึกไม่สบายตัวไม่สบายใจจนต้องขยับตัวนั่งให้ห่างจากเขาให้มากที่สุด จนต้องนั่งขดตัวชิดประตูถึงจะพอใจ
สภาพการนั่งในรถของเธอและเขาก่อให้เกิดเป็นภาพที่น่าขันที่สุด แม้ที่นั่งตอนหลังของรถหรูคันนี้สามารถนั่งได้ถึงสี่คนก็ตาม แต่เธอยังคงเลือกที่จะนั่งขดตัวลีบชิดประตูรถ ราวกับบนตัวอีริคมีเชื้อโรคน่ารังเกียจอย่างไรอย่างนั้น
เธอรู้ดีว่าไม่สมควร แต่เธอก็ควบคุมตัวเองไม่ได้เหมือนกัน ได้แต่กู่ร้องในใจ เธอแสดงออกชัดเจนขนาดนี้ เขาต้องถามเธอแน่…
ตอนที่ 417 คุณกลัวผมมากเลยเหรอ?
และเป็นไปตามคาด หลังจากรถออกตัวไปได้ประมาณสิบนาที อีริคหันมามองเธอแวบหนึ่งแล้วเอ่ยถาม “คุณกลัวผมมากเลยเหรอ?”
เธอตัวสั่นเล็กน้อย “ปละ… เปล่านี่คะ”
เขาหัวเราะเบาๆ “ร่างกายผมแข็งแรงมาก ไม่มีโรคติดต่อหรอก เพราะฉะนั้นคุณไม่ต้องกลัวขนาดนั้นก็ได้ คนอื่นเห็นเข้า เดี๋ยวเขาก็เข้าใจผิดคิดว่าผมรังแกคุณหรอก”
เธอพยายามขยับตัวออกมาอีกนิด เพื่อทำลายบรรยากาศน่าอึดอัด จึงหัวเราะเบาๆ พลางพูดเล่น “ตอนนี้คงไม่มีใครว่าคุณแล้วล่ะค่ะ”
ตอนนี้ระยะห่างระหว่างทั้งสองเป็นปกติแล้ว เธอจึงพูดเล่นเช่นนั้น
ใครจะไปคิดว่าหลังจากเขามองดูแล้วจู่ๆ จะพูดขึ้นว่า “คุณนั่งเข้ามาอีกนิดก็ได้ ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก”
เธอยิ้มฝืดฝืน ยังคงนั่งนิ่งไม่ขยับ
เขามองเธอนิ่ง หากแต่ไม่ได้พูดอะไรอีก
ลีน่าที่นั่งอยู่ข้างคนขับคอยจับตามองดูปฏิกิริยาของเฉียวซือมู่ตลอด เธอครางเสียงฮึในใจ “ใครๆ ก็อยากจะอยู่ใกล้คุณอีริคทั้งนั้น แต่เธอกลับไม่รับไมตรีจากเขาอย่างนั้นหรือ?”
หากเป็นเมื่อก่อน ถ้าเธอได้ยินเรื่องแบบนี้เธอต้องไม่เชื่อแน่ เมื่อมาเห็นเองกับตา เธอจึงไม่เข้าใจว่าผู้หญิงคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
ดวงตาอีริคฉายแววพ่ายแพ้วูบหนึ่ง สาวๆ ชอบผู้ชายอ่อนโยนไม่ใช่เหรอ? แล้วเหตุใดเธอจึงไม่หวั่นไหวเลยล่ะ?
หรือข่าวจะผิดพลาด?
เฉียวซือมู่นั่งตัวตรง กลัวเหลือเกินว่าเธอจะถูกเนื้อต้องตัวเขา แต่ไม่นึกเลยว่าต่อให้เธอระวังตัวแจมากแค่ไหน แต่อุบัติเหตุก็เกิดขึ้นจนได้
จู่ๆ ก็มีสุนัขตัวหนึ่งวิ่งตัดหน้ารถอย่างรวดเร็ว คนขับรถเห็นว่าหลบไม่ทันแล้วจึงเหยียบเบรคจนมิด ทำให้ทุกอย่างในรถล้มระเนระนาด
เฉียวซือมู่เกือบล้มกลิ้ง มือใหญ่ยื่นมาประคองตัวเธอไว้ได้ทันเส้นยาแดงผ่าแปดพอดี
เธอรีบตั้งสติ เอ่ยเสียงเบา “ขอบคุณค่ะ” เธอชายตาขึ้นมอง พลันสบเข้ากับดวงตาดำขลับที่เต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายเข้าพอดี
เธอชะงักนิ่งอึ้ง รู้สึกได้ทันทีว่าสายตาเขาดูแปลกพิกล เพราะมันไม่ใช่สายตาที่เจ้านายมองลูกน้อง แต่เหมือน…
เธอคิดว่าตนคงมองเห็นผิดไป จึงหันกลับมามองอีกครั้ง คราวนี้เขารีบเก็บความรู้สึกทั้งหมดจนมิดชิด ราวกับสายตาของเขาเมื่อครู่นี้เป็นเพียงภาพลวงตาที่เธอคิดไปเอง
อีริคประคองเธอให้นั่งกับที่อย่างอ่อนโยน จากนั้นหดมือกลับแล้วเอ่ยกับเธออย่างสุภาพ “ระวังหน่อยนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ” เธอรีบนั่งตัวตรง ในใจรู้สึกแปลกๆ มากยิ่งขึ้น
“คุณเมารถหรือเปล่า?” จู่ๆ เขาก็เอ่ยถามขึ้น
“หา? ไม่ค่ะ ฉันไม่เมารถค่ะ” เธอตอบ
“แต่ผมรู้สึกว่าสีหน้าคุณไม่ดีเลย คุณไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
“เปล่าค่ะ คงเพราะเมื่อกี้ตกใจมากไปหน่อย” เธอเอ่ยตอบ
เขายกมุมปากขึ้นเล็กน้อย เผยยิ้มบางๆ พลางยื่นมือออกไปหาอะไรขยุกขยิกข้างตัว สักพักจึงยื่นมือให้เธออีกครั้ง เขาแบมือออก ในมือมีลูกกวาดที่ถูกห่ออย่างประณีตสวยงามหลายเม็ดราวปรากฎขึ้นราวกับเล่นกล
“ผมให้คุณ” เขาดึงมือเธอมาใกล้ จากนั้นวางลูกกวาดพวกนั้นลงบนฝ่ามือเธอ
เธอชะงักเล็กน้อย รีบปฏิเสธทันที “ไม่เอาค่ะ ฉันจะกล้ารับได้ยังไงกันคะ?”
อีริคยิ้มพลางเอ่ย “หลานชายผมเป็นคนทิ้งเอาไว้ในรถน่ะครับ ผมไม่ชอบกินของหวานๆ ทิ้งไว้ในนี้ก็เสียของเปล่าๆ เพราะฉะนั้น คุณกินหน่อยนะ ผมดูท่าทางคุณแล้ว เหมือนน้ำตาลในเลือดคุณจะต่ำไปหน่อย กินของหวานๆ เดี๋ยวก็ดีขึ้น”
น้ำตาลในเลือดเธอต่ำจริงๆ นั่นแหละ นึกไม่ถึงเลยว่าเขาเห็นแวบเดียวก็ดูออกทันที จึงรู้สึกซึ้งใจนิดๆ เธอค่อยๆ แกะห่อกระดาษออกแล้วหยิบลูกกวาดเข้าปาก ความหวานค่อยๆ กำจายและแทรกซึมเข้าไปในใจ จนมุมปากเธอยกขึ้นน้อยๆ โดยไม่รู้ตัว