ตอนที่ 420 ไปกับผม
เธอยิ้มฝืดเฝื่อน ยิ่งรู้สึกแปลกๆ มากยิ่งขึ้นไปอีก
เธอวางแก้วเครื่องดื่มในมือลง รีบผุดลุกขึ้นแล้วเอ่ยขอโทษขอโพยกับพวกเขา “ขอโทษค่ะ ฉันขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ”
เธอไม่รอให้พวกเขาอนุญาต รีบหมุนตัวเดินออกมาทันที
เธอดื่มเหล้าไม่เก่งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หลังจากผ่านเรื่องราวมากมายทำให้ร่างกายเธอบอบช้ำมาก แม้แต่ความสามารถในการดื่มเหล้าก็ลดน้อยถอยลงไปมากเช่นเดียวกัน สำหรับคนอื่นแล้วเหล้าค็อกเทลเพียงไม่กี่คำอาจจะดื่มแทนเครื่องดื่มธรรมดาทั่วไปได้ แต่สำหรับเธอแล้วมันไม่เหมือนกัน
และเป็นจริงดังที่เธอกังวลไม่มีผิด เธอก้าวเดินได้เพียงไม่กี่ก้าว พลันรู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างเบื้องหน้าเริ่มพร่าเลือน โชคดีที่เธอยังคงยืนได้อย่างมั่นคง เธอพยายามประคองตัวฝืนเดินไปตามทางที่สาวใช้บอกจนสามารถไปถึงห้องน้ำอย่างปลอดภัย เธอรีบถลาเข้าไปในห้องน้ำ ปิดประตูลงกลอนแล้วเริ่มหายใจหอบ
พระเจ้า ไหนบอกว่าแค่เหล้าค็อกเทลไง? แอลกอฮอล์ต่ำมากไม่ใช่เหรอ? แต่ทำไมเธอรู้สึกทรมานเหมือนดื่มเหล้าขาวไปตั้งหลายแก้วเลยล่ะ?
เธอมองเงาสะท้อนของตนเองในกระจกด้วยความไม่เข้าใจ เงาสะท้อนในกระจกมองกลับมาด้วยสีหน้าไม่เข้าใจเช่นเดียวกัน ใบหน้าเธอแดงก่ำ เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดเต็มหน้าผาก ใครมาเห็นสภาพเธอในตอนนี้ต้องรู้ทันทีว่าเธอดื่มเหล้าจนเมา
แย่แล้ว ขืนกลับบ้านสภาพนี้ต้องถูกจิ้นหยวนจับได้แน่
เธอใช้ฝ่ามือรองน้ำแล้วพรมน้ำลงบนหน้าเบาๆ พยายามลดอุณหภูมิบนใบหน้าให้เย็นลง แต่ใบหน้าเธอกลับร้อนผ่าวเหมือนเดิมอย่างรวดเร็ว
และสิ่งที่แย่ยิ่งกว่าก็คือ เธอเริ่มรู้สึกเวียนศีรษะแล้วสิ
ตอนนี้เธอควรทำอย่างไรดี?
เธอถอนหายใจยาว รู้สึกว่าการมาที่นี่ในวันนี้เป็นการตัดสินใจที่ผิดมหันต์
ดูท่าหลังเสร็จงานจากที่นี่เธอคงต้องลากลับก่อนเวลาเสียแล้ว แต่สภาพเธอในตอนนี้คงกลับบ้านไม่ได้แน่ ถ้าเช่นนั้น เธอไปรออยู่ที่บ้านคุณแม่ดีกว่า รอจนกลิ่นเหล้าจาง ค่ำๆ ค่อยกลับดีกว่า
เป็นความคิดที่ดีมาก!
เธอตัดสินใจทำตามนั้นทันที ตบมือด้วยความดีใจแล้วรีบหมุนตัวจะเดินออกจากห้องน้ำ
ความทุกข์ย่อมมาพร้อมความสุขเสมอ ทันทีที่เธอหมุนตัว จู่ๆ เธอก็เวียนศีรษะจนต้องแอบร้องแย่แล้วในใจ เธอรีบยื่นมือออกไปจับเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าเอาไว้ พยายามรักษาสมดุลของร่างกายเอาไว้ แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆ เธอก็ล้มกระแทกกำแพงอย่างแรงจนเกิดเสียงดังโครมใหญ่
เธอเจ็บจนร้องซี๊ด พยายามพยุงตัวลุกขึ้น แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ทำอะไร พลันได้ยินเสียงคนเคาะประตูอยู่ด้านนอก เสียงเป็นห่วงเป็นใยถามขึ้น “คุณเฉียว คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”
เธอตัวเกร็งไปทั้งร่าง เขามาได้อย่างไร?
เธอรีบส่องกระจก จัดการตัวเองใด้ดูเรียบร้อยเหมือนเดิมแล้วเดินไปเปิดประตูออก เห็นอีริคยืนอยู่ตรงหน้าพอดี
เขาเห็นเธอเดินออกมาแล้วจึงเอ่ยถามด้วยความร้อนรน “เมื่อกี้ผมได้ยินเสียงดังมาจากข้างใน คุณไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?”
เขากำลังสัมภาษณ์อยู่ไม่ใช่หรือ? แล้วมาอยู่นอกห้องน้ำได้อย่างไร? เธอที่กำลังลำบากใจแอบบ่นในใจ แต่ใบหน้ายังคงปั้นยิ้มอย่างสุภาพ จนเธอรู้สึกเจ็บศีรษะแปล๊บๆ ขึ้นมาอีก
เธอเอ่ยตอบ “ฉันไม่เป็นไรค่ะ เมื่อกี้ยืนไม่ค่อยมั่นคง หัวก็เลยชนเข้ากับกำแพงเพราะไม่ทันระวัง ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วล่ะค่ะ” ทีนี้คุณก็ไม่ต้องตกใจแล้ว รีบกลับไปทำงานของคุณได้แล้ว
“หัวชนกำแพง? ไหนผมดูซิ” ใครจะไปคิดว่าเขาได้ยินแล้วจะตกใจมากกว่าเดิมอีก เขาไม่เพียงไม่มีปฏิกิริยาดั่งที่เธอคาดคิด ทว่ายังยื่นมือมาเสยผมเธอขึ้นจนเห็นแผลบนหน้าผากเธออย่างรวดเร็ว
เธอหน้าผากโนเป็นก้อนแดงๆ ทำให้ดูน่าสงสารมาก
สีหน้าเขาขรึมลงทัน เขาจับมือเธอที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว “ไป ผมจะพาคุณไปหาหมอ”
เขาเดินจูงมือเธอ แต่เธอกลับยืนนิ่งไม่ขยับ เขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกต่อต้านเล็กๆ จากเธอ เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติจึงหันกลับไปดู พลันเห็นใบหน้าเธอแดงก่ำเป็นลูกตำลึง
ตอนที่ 421 ปล่อยมือ
“เป็นอะไรไปเหรอครับ?”
เธอส่ายศีรษะเบาๆ พยายามชักมือกลับ “ฉัน… ฉันยังมีธุระที่ต้องทำอีก และรู้สึกไม่ค่อยสบายด้วย ฉันขอกลับได้ไหมคะ?”
เขาขมวดคิ้ว ราวกับมองไม่เห็นสีหน้าร้อนรนใจของเธอแม้แต่นิดเดียว เขาก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ก้มหน้าลงมองสำรวจสีหน้าเธอ “คุณกลัวผมอีกแล้วเหรอ? ทำไมล่ะ?”
เฉียวซือมู่ขยับตัวจนชิดกำแพงเงียบๆ “เปล่านี่คะ ฉันไม่ได้กลัวคุณ ฉันแค่เจ็บหัวนิดหน่อย ก็เลยอยากกลับบ้านเร็วๆ น่ะค่ะ”
“ผมบอกแล้วไงว่าจะพาคุณไปหาหมอ” เขาเอ่ยพลางจะจับมือเธออีก แต่เธอไหวตัวหลบทัน
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันยังไหว แค่อยากกลับไปพักผ่อนที่บ้านเร็วๆ เท่านั้น ไม่ต้องหาหมอหรอกค่ะ” เธอยิ้มฝืดฝืน
ในที่สุดเธอก็รู้เสียทีว่าเขาทำตัวแปลกๆ ตรงไหน
สายตาเขา การกระทำของเขาแฝงความคุกคามที่ยากจะอธิบาย เขาทำตัวราวกับว่าเธอเป็นผู้หญิงของเขาจริงๆ ทุกการกระทำเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยที่เขาไม่เคยเห็นการปฏิเสธของเธออยู่ในสายตาเลย
เช่นตอนนี้ เขาได้ยินคำปฏิเสธของเธอ แต่เขากลับไม่สนใจมันเลย เขาเดินเข้าไปใกล้เธอ “ตอนนี้อาการคุณไม่ดี ต้องไปหาหมอก่อน”
เอ่ยพลางประคองตัวเธอเอาไว้ ราวกับกำลังมองดูเด็กดื้อคนหนึ่งไม่มีผิด ไม่เพียงเท่านั้น เขายังยกมือขึ้นลูบศีรษะเธอเบาๆ “คนดี เชื่อผมนะ” คำพูดเต็มไปด้วยความรักใคร่ราวกับเธอเป็นเพียงสัตว์เลี้ยงแสนรักเท่านั้น จนเธอต้องรีบขยับกายหนีสัมผัสจากเขา
ดวงตาเขาหมองลง เขาชะงักมือเพียงชั่วครู่ จากนั้นเลื่อนมือลงไปจับมือเธอเอาไว้ แม้สีหน้ายังคงเต็มไปด้วยความห่วงใยเช่นเดิม แต่กลับแฝงรอยร้อนรนมากขึ้น “ผมรู้จักหมอคนหนึ่ง เดี๋ยวผมพาคุณไปหาหมอนะ”
เอ่ยพลางจะจูงมือเธอออกไปให้ได้ เธอพยายามใช้แรงดึงมือกลับแต่ไร้ผล จึงเอ่ยเสียงเบา “คุณปล่อยมือฉันนะ”
เขาแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน กระชับมือแน่นขึ้น
เธอเริ่มร้อนรนใจ เริ่มพูดเสียงดังขึ้น “ปล่อยนะ ฉันเดินเองได้”
เขาดึงสติกลับ สายตาเริ่มหมดความอดทน “เชื่อผม คุณเมาแล้วนะ”
“ฉันไม่เมา!” เธอพูดเสียงดัง “ฉันไม่ชอบให้คุณถูกเนื้อต้องตัวฉัน กรุณปล่อยมือฉันด้วย!”
เขาหรี่ตาแคบด้วยสายตาอันตราย ขณะที่เธอกำลังจะอ้าปากพูดนั้น จู่ๆ เสียงเสียงหนึ่งก็ดังลอยมาจากที่ไม่ไกลนัก “หนุ่มสาวทะเลาะกันเหรอ? อายุน้อยๆ อย่าอารมณ์ร้อนสิ”
เจ้าของเสียงนั้นคือเจ้าของบ้านที่พวกเขามาสัมภาษณ์นั่นเอง
อาจารย์คนนั้นค่อยๆ เดินเข้าไปหาทั้งสอง แม้ใบหน้ายังคงเปื้อนยิ้มเหมือนเดิม แต่สายตากลับเต็มไปด้วยความสงสัย ดวงตาสดใสคู่นั้นกวาดมองสองหนุ่มสาวไปมา เห็นได้ชัดว่าเขากำลังสงสัยในความสัมพันธ์ระหว่างสองหนุ่มสาวตรงหน้าอย่างชัดเจน
เธอสูดหายใจลึก รู้สึกว่ามือเขาที่กำลังจับมือเธอแน่นเปียกชื้นจนน่าสะอิดสะเอียน เธอวุ่นวายใจจนเกือบจะพูดความจริงออกมาก
เสี้ยววินาทีก่อนที่เธอจะได้พูดความจริงออกมา เขาเหลือบมองเธอแวบหนึ่งอย่างรู้ตัว จู่ๆ เขาก็ปล่อยมือเธอ จากนั้นหันไปเอ่ยกับอาจารย์ท่านนั้น “ขอโทษครับ แฟนผมไม่ค่อยสบาย เราคงต้องกลับก่อน”
อาจารย์ท่านนั้นพยักหน้าเล็กน้อย “ก็ได้ พวกคุณกลับเถอะ ว่างๆ ค่อยแวะมาใหม่ก็ได้”
เอ่ยพลางเหลือบมองเฉียวซือมู่แวบหนึ่ง จากนั้นหมุนตัวเดินจากไป
เขาเดินจากไปแล้ว อีริคจึงหันสายตามาที่เธอแทน
เธอรวบรวมความกล้า มองเขาด้วยสายตาที่แตกต่างจากเดิมราวฟ้ากับดิน “คุณอีริค ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย ขอตัวกลับก่อนนะคะ”
เธอไม่อยากเห็นหน้าเขาอีก จึงเดินออกไปอย่างไม่แยแสเขาอีก
“เดี๋ยวก่อน!” อีริคเรียกเธอไว้ด้วยความรู้สึกผิด “ผมไปส่งคุณนะ”