เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย – ตอนที่ 426 เธอเป็นใคร? / ตอนที่ 427 เธอเหลิงได้อีกไม่นานหรอก

เธอเดินลงมาที่ชั้นล่าง ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้เธอรู้สึกบาดตามาก คุณแม่กับหลัวเฮ่านั่งใกล้สนิทแนบชิด คุยกันกะหนุงกะหนิง เธอเห็นท่าทางของคุณแม่แล้วรู้ทันทีว่าท่านกำลังตกหลุมรักอย่างถอนตัวไม่ขึ้น  

 

 

           ทั้งสองอยู่ในห้วงแห่งความรักจนไม่รู้สึกตัวเลยสักนิดว่าเธอเดินออกมาจากห้องแล้ว  

 

 

           เธอได้แต่ถอนใจเงียบๆ ตัดสินใจเดินออกจากบ้านโดยไม่รบกวนพวกเขาดีกว่า  

 

 

           กระทั่งเธอปิดประตูลงเบาๆ พวกเขาก็ยังไม่รู้สึกตัวเลยสักนิดว่าเธอออกจากบ้านไปแล้ว  

 

 

           เธอพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ได้แต่อวยพรให้คุณแม่มีความสุขอยู่ในใจเงียบๆ  

 

 

           เมื่อก่อนคุณแม่ลำบากมามากแล้ว ตอนนี้ท่านมีความสุข เธอควรจะดีใจถึงจะถูก  

 

 

           จิ้นหยวนมาถึงอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นาน เธอก็เห็นรถของเขาอยู่ข้างหน้า  

 

 

           เธอทั้งดีใจทั้งกังวล ถ้าเขาเห็นแผลเธอเข้าจะทำอย่างไรดี? หรือจะบอกความจริงกับเขา?  

 

 

           เธอครุ่นคิดไปมาจนไม่ทันสังเกตเห็นว่าตนถูกเพ่งเล็งจากใครบางคนเข้าให้แล้ว  

 

 

           ชายสวมหมวกปิดบังใบหน้าค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เธอ เมื่อเห็นว่าเธอยังไม่รู้สึกตัวจึงกระชากกระเป๋าในมือเธออย่างแรงแล้วหมุนตัววิ่งหนีอย่างรวดเร็ว  

 

 

           เฉียวซือมู่ที่ถูกกระชากกระเป๋าออกจากมืออย่างแรงหันไปมอง เห็นชายท่าทางน่ากลัวถือกระเป๋าเธอเอาไว้ และกำลังวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว เธอชักเท้าวิ่งไล่ตามเขาไปทันที  

 

 

           ในกระเป๋ามีทั้งโทรศัพท์มือถือ และบัตรสำคัญต่างๆ ถ้าทำหายล่ะยุ่งเลย  

 

 

           โชคดีที่ก่อนหน้านี้เธอต้องออกกำลังกายบ่อยๆ เวลาวิ่งจึงไม่ถึงขั้นหอบแฮ่ก แต่อีกฝ่ายเป็น “มืออาชีพ” ที่วิ่งเร็วจนแทบไม่เห็นฝุ่น  

 

 

           “บ้าเอ๊ย หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เธอโมโหจนตะโกนด่าไล่หลังเสียงดัง พยายามวิ่งไล่ตามสุดกำลัง แต่ฝ่ายนั้นทิ้งระยะห่างไปไกลแล้ว ส่วนเธอ วิ่งจนปอดจะแตกอยู่แล้ว  

 

 

           เธอวิ่งไม่ไหวอีกต่อไป วิ่งไปหอบไปจนเกือบหกล้ม ทันใดนั้น เงาร่างของใครบางคนพุ่งมาจากทางด้านหลัง คว้าจับเธอหมับก่อนที่เธอจะร่วงลงกับพื้น “คุณรออยู่ตรงนี้”  

 

 

           จิ้นหยวน? เขาเห็นตั้งแต่เมื่อไหร่?  

 

 

           เธอได้ยินเสียงแสนคุ้นเคยนั้นแล้วเบิกตาโพลง  

 

 

           จิ้นหยวนวิ่งไล่ตามไปราวสายลมแรง เขาแรงเยอะกว่าเธอมาก เพียงครู่เดียวก็วิ่งไล่ตามหัวขโมยคนนั้นจนไม่เห็นเงา  

 

 

           เธอรู้สึกเซ็งมาก อยากจะวิ่งตามแต่กลับไร้เรี่ยวแรง ได้แต่นั่งแหมะลงกับพื้นริมทาง คอยสอดส่ายสายตามองหาว่าสามารถขอยืมโทรศัพท์มือถือจากใครได้บ้าง  

 

 

           แต่พอกวาดสายตามองดูรอบกายแล้วกลับพบว่ามีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติ เธอวิ่งเข้ามาในตรอกที่ไม่รู้จักตั้งแต่เมื่อไหร่?  

 

 

           รอบกายเงียบสนิทไม่มีแม้แต่เงาคน อย่าว่าแต่ขอยืมโทรศัพท์มือถือเลย ตอนนี้ไม่แต่คนเดินถนนสักคนเดียว  

 

 

           เมื่อกี้เธอวิ่งมาจากไหน? ทำไมเธอจำไม่ได้เลยล่ะ?  

 

 

           เธอกวาดสายตามองตรอกที่เงียบสงัดไปทั่ว พลันรู้สึกขนลุกซู่จนต้องก้าวเท้าถอยหลัง ทันใดนั้น เธอรู้สึกว่าชนเข้ากับอะไรบางอย่าง  

 

 

           เธอตกใจสะดุ้งโหยง รีบถอยหลังสองก้าวแล้วหมุนตัวกลับ คราวนี้เธอตกใจสุดขีดจนกรีดเสียงร้องออกมาก “ผีหลอก…”  

 

 

           คนที่ยืนอยู่ด้านหลัง ดูจากรูปร่างแล้วน่าจะเป็นผู้หญิง ใบหน้าสีขาวเฉยชาไร้ตา จมูก ปากดูน่ากลัวมาก แค่ยืนนิ่งๆ อยู่อย่างนั้นก็สามารถทำให้คนตกใจจนหัวใจวายตายได้แล้ว   

 

 

           เฉียวซือมู่เหงื่อแตกพลั่ก ก้าวเท้าถอยหลังด้วยความหวาดผวา “เธอ… เธอเป็นใคร?”  

 

 

           ตอนแรกเธอถูกรูปร่างหน้าตาของอีกฝ่ายทำให้ตกใจสุดขีด แต่ภายหลังเธอคิดว่าอีกฝ่ายเป็นคนตัวเป็นๆ ที่สวมหน้ากากเอาไว้เท่านั้น  

 

 

           ไม่รู้ทำไมเธอถึงรู้สึกเช่นนั้น แต่เธอคิดเช่นนั้นจริงๆ และเธอยังรู้สึกคุ้นเคยกับคนตรงหน้าอย่างบอกไม่ถูก  

 

 

 

 

 

ตอนที่ 427 เธอเหลิงได้อีกไม่นานหรอก  

 

 

           คนคนนั้นยืนนิ่งไม่พูดไม่จา แต่เฉียวซือมู่รู้สึกได้ว่าสายตาคู่นั้นกำลังจับจ้องมาที่ตน  

 

 

           ดวงตาที่ทั้งอึมครึม ทั้งน่าสะพรึงกลัว ระคนเจตนาชั่วร้าย จับจ้องไปที่เฉียวซือมู่ราวกับกำลังมองคนตายอย่างไรอย่างนั้น  

 

 

           เฉียวซือมู่ตัวสั่นเทา ค่อยๆ ก้าวเท้าถอยหลังช้าๆ “เธอเป็นคนนี่ เธอคิดจะทำอะไรกันแน่?”  

 

 

           คนตรงหน้าเป็นคนตัวเป็นๆ และยังเป็นผู้หญิงด้วย เธอคิดในใจเงียบๆ  

 

 

           อีกฝ่ายมองเธอแวบหนึ่ง จู่ๆ ก็ยื่นแขนออกไป แขนสองข้างทั้งขาวทั้งเนียน ต้องเป็นแขนของผู้หญิงไม่ผิดแน่  

 

 

           แขนสองข้างของผู้หญิงคนนั้นยื่นตรงไปยังเฉียวซือมู่อย่างแรง เฉียวซือมู่หลบได้อย่างหวุดหวิด ดูเหมือนเฉียวซือมู่ที่หลบหลีกการจู่โจมของเธอได้จะทำให้เธอโกรธมาก เธอครางเสียงฮึ “เธอเหลิงมากใช่ไหม? แต่น่าเสียดายที่เธอคงเหลิงได้อีกไม่นานแล้วล่ะ”  

 

 

           พูดจบแล้วจับจ้องเฉียวซือมู่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยเจตนาชั่วร้ายแวบหนึ่ง จากนั้นหมุนตัวแล้วเดินจากไปเสียดื้อๆ   

 

 

           เฉียวซือมู่ยืนตะลึงนิ่งอึ้ง มองดูคนคนนั้นหมุนตัวเดินจากไปดื้อๆ ในใจรู้สึกสับสนปนเปไปหมด  

 

 

           คนคนนี้เป็นใคร? ทำไมจู่ๆ ถึงมาปรากฎตัวที่นี่? แล้วเธอคิดจะทำอะไรกันแน่?  

 

 

           เธอจับต้นชนปลายไม่ถูก คิดอยู่ตั้งนานแต่ก็คิดไม่ออกเสียทีว่าความรู้สึกคุ้นเคยอย่างแปลกประหลาดนั้นมาจากไหน ได้แต่เกลี้ยกล่อมตัวเองว่าเมื่อกี้ตนคงไม่ได้ฝันไปใช่ไหม?  

 

 

           ทำไมถึงมีผู้หญิงประหลาดโผล่มากลางวันแสกๆ แบบนี้?  

 

 

           เธอส่ายศีรษะน้อยๆ ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน สรุปในใจเงียบๆ  

 

 

           ใช่แล้ว เมื่อกี้เธอฝันไป…  

 

 

           “คุณกำลังคิดอะไรอยู่น่ะ?”   

 

 

           จู่ๆ เสียงเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง เฉียวซือมู่ที่กำลังหวาดผวาตกใจจนกระโดดโหยง   

 

 

           “อ๊า… ใครน่ะ?”  

 

 

           เธอหมุนตัวกลับไปด้วยความหวาดผวา เห็นจิ้นหยวนกำลังจับจ้องเธอด้วยสายตาสงสัย ไม่รู้ว่าเขากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ในมือถือกระเป๋าของเธอเอาไว้  

 

 

           เธอค่อยวางใจลง ตบอกตนเบาๆ เพราะความตกใจ “คุณกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ? ทำฉันตกใจเกือบตายแน่ะ”  

 

 

           “ตอนนี้มันกลางวันแสกๆ นะ คุณจะกลัวอะไร?” จิ้นหยวนมองเธอด้วยสายตาแปลกๆ รู้สึกว่าสีหน้าเธอดูแปลกพิกล  

 

 

           เธอลังเลเล็กน้อย ตัดสินใจเล่าเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ให้เขาฟัง  

 

 

           เขาสีหน้าขรึมลง “เรื่องจริงเหรอ? แล้วผู้หญิงคนนั้นยังพูดอะไรอีก?”  

 

 

           คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนแอบสะกดรอยตามพวกเขา และเขายังไม่รู้ตัวเสียด้วย ถ้าเมื่อกี้คนคนนั้นทำร้ายเธอล่ะก็…  

 

 

           แค่คิดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นเขาก็รู้สึกกลัวจับใจ  

 

 

           ต่อไปคงต้องระวังให้มากกว่านี้แล้ว  

 

 

           ดวงตาเขาเข้มขึ้น เขาจับมือเธอแล้วเอ่ยขึ้นใหม่ “เราออกไปจากที่นี่ก่อนเถอะ”  

 

 

           เธอพยักหน้าอย่างว่าง่าย อาจเป็นเพราะคนคนนั้นทำให้เธอตกใจมากด้วย  

 

 

           สายลมเย็นพัดผ่าน ผมหน้าม้าของเธอถูกลมพัดจนเผยให้เห็นรอยช้ำบนหน้าผาก และจิ้นหยวนเห็นรอยช้ำนั้นเข้าพอดี  

 

 

           เธอรู้สึกว่าสีหน้าจิ้นหยวนดูแย่กว่าเมื่อกี้นี้อีก จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย “คุณเป็นอะไรไปคะ?  

 

 

           เขาจ้องรอยช้ำบนหน้าผากเธอตาเขม็ง “รอยช้ำนี้เป็นฝีมือของคนคนนั้นใช่ไหม?” เอ่ยพลางยื่นมือแตะหน้าผากเธอเบาๆ   

 

 

           เธอชะงักเล็กน้อย เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีรอยช้ำบนหน้าผากตน เธอรู้สึกลำบากใจนิดๆ แม้คนคนนั้นจะดูน่ากลัวมาก แต่ก็ไม่ได้แตะต้องเธอแม้แต่ปลายก้อย รอยช้ำนี้เกิดขึ้นตอนที่ออกไปทำงานกับคุณอีริคต่างหาก  

 

 

           แต่เธอก็พูดเหตุผลที่แท้จริงออกมาไม่ได้ ได้แต่พูดงึมงำว่า “อืม” เบาๆ โดยไม่ได้ยอมรับหรือปฏิเสธ  

 

 

           เพียงเท่านี้ก็เป็นคำตอบมากเพียงพอสำหรับจิ้นหยวนแล้ว สีหน้าเขาดูน่ากลัวมาก เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทรศัพท์สั่งงานทันที ซึ่งล้วนเป็นคำสั่งให้ควานหาตัวคนคนนั้นออกมาให้ได้  

 

 

           เธอได้แต่นิ่งฟังโดยไม่กล้าปริปากใดๆ จิ้นหยวนเห็นท่าทางเธอแล้วคิดว่าเธอยังตกใจกลัวอยู่ จึงกระชับมือเธอแน่นขึ้น “วางใจเถอะ ต่อไปผมจะสั่งให้คนคอยติดตามคุ้มครองคุณ เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้จะต้องไม่เกิดขึ้นอีก”  

เเสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย

เเสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย

เฉียวซือมู่ คุณหนูตระกูลเฉียวดันจับพลัดจับผลูไปเสียครั้งแรกให้กับ จิ้นหยวน หนุ่มนักธุรกิจเพลย์บอยแห่งเขตซีเฉิง ผู้มีสโลแกนประจำตัวว่า ‘รักสนุกแต่ไม่ผูกพัน’ เธอขอให้เขาลืมเรื่องคืนนั้นไป ทั้งยังเสนอเช็คให้เขาอย่างไม่เจียมตัว แต่เมื่อเธอกลับถึงบ้าน ทุกอย่างกลับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ บ้านของเธอล้มละลาย พ่อพาเมียน้อยหนีไปพร้อมกับทิ้งภาระหนี้สินทั้งหมดให้เธอและแม่ ยังเคราะห์ซ้ำกรรมซัดถูกแฟนหนุ่มทิ้งไปหาศัตรูหัวใจ ชีวิตของเธอตกต่ำอย่างถึงที่สุด แต่แล้วชายผู้เป็นครั้งแรกของเธอกลับมาเล่นสกปรกปล่อยข่าวฉาวเรื่องคืนนั้น เพียงเพราะเขาถอนเงินจากเช็คไม่ได้! “จะให้ผมปล่อยคุณไปก็ได้ แต่คุณต้องยอมรับข้อเสนอของผมข้อหนึ่ง” เฉียวซือมู่เงยหน้าถามว่า “ข้อเสนออะไร” “คบกับผม แล้วผมจะปล่อยคุณไป”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset