ตอนที่ 432 ปล่อยเธอ
ตั้งแต่ต้นจนจบใช้เวลาประมาณหนึ่งนาทีเท่านั้น ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนแทบไม่มีใครทันสังเกตเห็น
อีริคพยายามห้ามใจที่กำลังเต้นกระหน่ำ ก้าวเท้ายาวๆ เดินออกจากลิฟท์แล้วเดินตรงไปยังรถของตนทันที เขาไม่ต้องการให้ใครหน้าไหนมาทำลายค่ำคืนแสนพิเศษของเขา เขาจึงวางแผนทุกอย่างเอาไว้อย่างละเอียดรอบคอบ ปกติเขาใช้คนขับรถทุกวัน แต่วันนี้เขากลับเลือกที่จะขับรถเอง
เขาค่อยๆ วางเฉียวซือมู่ลงบนเบาะด้วยความระมัดระวัง เขาเงยตัวขึ้นเล็กน้อย จับจ้องใบหน้างดงามของเธอด้วยความหลงไหลชั่วครู่จึงปิดประตูรถ
เสี้ยววินาทีที่ประตูรถถูกปิดลง จู่ๆ ก็มีลมวูบใหญ่พุ่งมาจากทางด้านหลัง
หัวใจเขากระตุกวูบ ยังไม่ทันได้ตั้งสติก็ถูกหมัดของใครบางคนกระแทกเข้าอย่างจังจนล้มไปด้านหน้า หากไม่มีรถบังเอาไว้ เขาคงล้มหน้าคะมำไปแล้ว
เขาหันกลับไปด้วยความโกรธจัด “แกเป็น…”
ยังไม่ทันพูดจบก็เห็นสีหน้าถมึงทึง ดวงตาแดงก่ำของอีกฝ่ายกำลังจ้องเขาตาเขม็ง “ปล่อยเธอเดี๋ยวนี้!”
เขายิ้มเยาะ “ที่แท้ก็คุณนั่นเอง คุณรู้ได้ยังไงว่าผมพาตัวเธอไป?” เอ่ยจบแล้วเหลือบมองเฉียวซือมู่ที่อยู่ในรถแวบหนึ่ง จู่ๆ เขาก็คิดออก “ที่แท้คุณก็สะกดรอยตามเธอตลอดใช่ไหม?”
สีหน้าจิ้นหยวนเย็นยะเยือกราวก้อนน้ำแข็ง จ้องชายตรงหน้าอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ “ฉันขอพูดอีกครั้ง ปล่อยเธอเดี๋ยวนี้!”
“แล้วถ้าผมไม่ปล่อยล่ะ?” อีริคมองหน้าจิ้นหยวนพลางยิ้มเยาะอย่างไม่ยี่หระ “ผู้ชายที่ทำได้แค่สะกดรอยตามผู้หญิงของตัวเอง ไม่ได้เรื่อง!”
จิ้นหยวนได้ยินแล้วไม่ตอบด้วยปากแต่ตอบด้วยหมัดแทน อีริครีบเบี่ยงตัวหลบทันที
สองคนต่อยกันนัวอยู่นอกรถ
ดูเหมือนอีริคจะรู้จักคนอย่างจิ้นหยวนดีมากเป็นพิเศษ เขาปล่อยหมัดพลางเยาะเย้ยถากถางพลาง “คุณคิดว่าหัวใจของเธออยู่ที่คุณเหรอ? ไม่เห็นหรือไงว่าเธอแอบหนีมาออกเดทกับผมน่ะ?” เขาปรับกลยุทธ์เล่นสงครามประสาททันที และสังเกตเห็นสีหน้าผิดปกติของจิ้นหยวนในฉับพลัน เขาเดาว่าจิ้นหยวนต้องไม่รู้แน่ว่าทำไมเฉียวซือมู่ถึงมาที่นี่ จึงพูดหยั่งเชิงไปเรื่อย
เป็นไปตามคาด คำพูดเพียงประโยคเดียวของเขาทำให้จิ้นหยวนคำรามด้วยความโกรธจัด “หุบปาก!” พลางปล่อยหมัดแรงขึ้น
อีริคยังคงไม่สะทกสะท้าน พลิกตัวหลบหมัดอย่างว่องไวพลางสำทับ “ผมก็คิดว่าคุณเชื่อใจเธอจริงๆ เสียอีก ที่แท้ก็ได้แค่นี้เอง ถึงขั้นต้องสะกดรอยเธอ ฮ่าๆ ถ้าเธอรู้เข้า คุณคิดว่าเธอจะคิดยังไง?”
“เธอรักคุณจริงหรือเปล่า? คุณแน่ใจนะว่าไม่ใช่เพราะเงินของคุณ?”
คำพูดทิ่มแทงใจมากมายทำให้สีหน้าจิ้นหยวนย่ำแย่ถึงขีดสุด แต่เขายังคงไม่ตอบโต้แม้แต่คำเดียว ตั้งหน้าตั้งตาทั้งเตะทั้งต่อยอีริค
ทั้งสองชกต่อยกันชุลมุน เมื่อเห็นว่ากลยุทธ์ของตนชักไม่ได้ผลเสียแล้ว อีริคจึงเริ่มหวั่นใจขึ้นมาบ้าง
เพื่อให้แผนการสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี เขาจึงกันทุกคนออกจากตัวเพื่อไม่ให้มีคนรบกวนค่ำคืนแสนหอมหวานของเขา แต่คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ จิ้นหยวนจะโผล่มากลางอากาศแบบนี้
แม้สถานการณ์ตอนนี้เขาจะไม่ได้เป็นรองจิ้นหยวน แต่เขาจะพาเฉียวซือมู่ออกไปจากที่นี่ได้อย่างไร?
หรือเขาจำต้องยอมแพ้?
คิดๆ แล้วรู้สึกเสียใจไม่น้อย รู้อย่างนี้เขาคงไม่ทำอะไรประมาทแบบนี้หรอก แต่ใครจะไปรู้ว่าหมูเขาจะหาม แต่ดันมีคานเข้าไปสอดเสียนี่
หรือว่าข้างกายเขาจะมีเกลือเป็นหนอนและทำแผนการของเขารั่วไหล?
จิตใจเขาว่อกแว่กจนทำให้การเคลื่อนไหวช้าลง จิ้นหยวนฉวยโอกาสปล่อยหมัดกระแทกคางเขาเต็มกำลัง
เขารู้สึกปวดร้าวไปทั้งหน้า หมุนตัวถอยหลังไปหลายก้าว รีบพูดเบี่ยงเบนความสนใจทันที “คุณอยากให้เธอตายนักใช่ไหม?”
“อะไรนะ?” จิ้นหยวนตกใจจนชะงักฝีเท้าในบัดดล หยุดการเคลื่อนไหวทั้งหมดในฉับพลัน
ตอนที่ 433 ทิ้งยาถอนพิษเอาไว้แล้วไปซะ
ดวงตาจิ้นหยวนฉายประกายเย็นยะเยือกน่ากลัว “พูดให้มันรู้เรื่องเดี๋ยวนี้นะ”
อีริคยกมือขึ้นเช็ดเลือดตรงมุมปาก หอบพลางหัวเราะ “คุณคิดว่าผมให้เธอกินยาอะไรล่ะ? ผมจะบอกให้นะ ถ้าไม่มียาถอนพิษของผม ถึงคุณพาเธอกลับไปก็เปล่าประโยชน์”
จิ้นหยวนจ้องเขาตาเขม็ง สายตาพิฆาตของเขาทำให้อีริคขนลุกซู่ “ขอให้จริงอย่างที่พูดเถอะ ไม่อย่างนั้นฉันจะทำให้แกเสียใจที่เกิดมาบนโลกใบนี้”
เขาคำรามเสียงต่ำ
อีริคพยุงตัวลุกขึ้นพลางปั้นหน้าเฉยชา ค่อยๆ เดินผ่านจิ้นหยวน “ถ้าอยากช่วยเธอก็อย่าขยับ”
“แกจะทำอะไร?” จิ้นหยวนดวงตาไหววูบ
อีริคไม่ตอบ เขาเหลือบมองเฉียวซือมู่ที่ยังหลับไม่ได้สติอยู่ในรถแวบหนึ่ง ดวงตาเป็นประกายวูบ หมุนตัวหันกลับไปมองหน้าจิ้นหยวน “คุณคิดจะทำยังไงกับผม?”
จิ้นหยวนหรี่ตาแคบ “ทิ้งยาถอนพิษเอาไว้แล้วไปซะ ไม่อย่างนั้น วันนี้ก็อย่าหวังว่าจะได้ออกไปจากที่นี่”
“เหรอ? ผมกลัวจะแย่อยู่แล้ว” อีริคยืนหลังพิงรถพลางเอ่ยเสียงเนิบนาบอย่างไม่อินังขังขอบ เอ่ยพลางใช้มือล้วงเข้าไปในอกเสื้อ ทำท่าราวกับจะหยิบอะไรบางอย่างออกมา
จิ้นหยวนก้าวเท้าไปข้างหน้าสองก้าว จู่ๆ อีริคก็เงื้อมือขึ้น แสงเงาวับพุ่งเข้าใส่จิ้นหยวนรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ
จิ้นหยวนหน้าถอดสี รีบถอยเท้าหลบมีดสั้นเล่มนั้นได้เพียงเส้นยาแดงผ่าแปด
เขาโกรธจัด คิดไม่ถึงเลยว่าคนคนนั้นจะชั่วช้าขนาดนี้ ยังไม่ทันเงยหน้าขึ้นพลันได้ยินเสียงสตาร์ทเครื่องยนต์ดังขึ้น
ดวงตาเขาไหววูบ รีบสาวเท้าวิ่งตามไป แต่กลับสายไปเสียแล้ว
อีริคฉวยโอกาสที่จิ้นหยวนมัวแต่ถอยหนีวิ่งขึ้นรถ เขาสตาร์ทรถเตรียมพาเฉียวซือมู่ออกไปจากที่นี่อย่างผู้กำชัย
เขาจับพวงมาลัยรถแน่นด้วยความตื่นเต้น สายตาเต็มไปด้วยความลำพองใจ
แสงสว่างตรงหน้าสว่างขึ้นเรื่อยๆ อีกนิดเดียวเขาก็จะออกจากที่นี่สำเร็จ คิดๆ แล้วก็ใจเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น ในที่สุดผู้หญิงที่เขาแอบรักมานานก็ตกอยู่ในมือเขาจนได้ สุดยอดไปเลย…
ขณะที่รถของเขากำลังจะเคลื่อนตัวออกจากตรงนั้น จู่ๆ รถคันหนึ่งขับสวนเข้ามาปิดทางเข้าออกเอาไว้พอดิบพอดี สีหน้าเขาขรึมลงทันที สัญชาตญาณร้องเตือนในใจว่าท่าไม่ดีเสียแล้ว
ลางสังหรณ์ของเขาถูกเผง ชายฉกรรจ์หน้าตาเคร่งขรึมจริงจัง รูปร่างบึกบึนกลุ่มหนึ่งก้าวลงจากรถ
อีริคเปิดประตูพุ่งลงจากรถ แต่ทุกอย่างก็สายเกินไปแล้ว
จิ้นหยวนวิ่งตามหลังมาสีหน้าถมึงทึง มองเขาด้วยสายตาเย็นเยียบ “มีอะไรจะสั่งเสียอีกไหม?”
อีริคถูกลูกน้องของจิ้นหยวนจับกดกับรถ หลังคารถเย็นเฉียบบาดผิวหน้าเขาจนเจ็บจี๊ด แต่เขายังคงปิดปากเงียบ
จิ้นหยวนจ้องเขานิ่งแวบหนึ่ง “เอาตัวไป”
เขาสั่งงานเสร็จแล้วไม่มองหน้าอีริคอีก ก้มกายลงอุ้มเฉียวซือมู่ออกจากรถ ตัวเธออ่อนปวกเปียกราวไม่มีกระดูก
เขาไม่แน่ใจว่าเธอแค่ดื่มจนเมาหรือถูกวางยาจริง จึงปรายตามองไปยังอีริค
อีริคยกยิ้มมุมปากอย่างเยาะเย้ย
ดวงตาจิ้นหยวนหมองลง หมุนตัวเดินอุ้มเฉียวซือมู่ไปขึ้นรถ
เขาอุ้มเฉียวซือมู่กลับห้อง หมอประจำตระกูลมารออยู่ก่อนแล้ว
เขาวางเธอลงบนเตียงอย่างระมัดระวัง พยักหน้าให้หมอเล็กน้อย “ตรวจดูซิว่าเธอเป็นอะไร”
เขานั่งมองดูหมอตรวจร่างกายเธออยู่เงียบๆ แม้ใบหน้าจะเรียบเฉยไร้ความรู้สึก แต่ในใจกลับกำลังโกรธเป็นไฟ
หากวันนี้เขาไม่เห็นเธอที่ล็อบบี้โรงแรมพอดี ป่านนี้เธอคง…
ตอนนั้น แม้อีริคจะทำตัวเหมือนเป็นแฟนเธอโดยการใช้เสื้อนอกคลุมตัวเธอเอาไว้จนไม่เห็นแม้แต่ผมเส้นเดียว แต่จิ้นหยวนเห็นเพียงแค่แวบเดียวก็รู้แล้วว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล