ตอนที่ 436 เขาไม่ได้บอกหรือ
ร่างกายช่วงล่างยังระบมอยู่เลย
เธอยิ้มขื่น มิน่าเล่า เวลาเดินถึงได้รู้สึกปวดแสบ แค่เห็นท่าทางเธอก็รู้แล้วว่าเขาลงมือหนักแค่ไหน
เธออาบน้ำอย่างเชื่องช้าที่สุด หายาแก้อักเสบมาทา จากนั้นเลือกสวมเสื้อคอสูงเพื่อปกปิดรอยช้ำบนร่างกายจึงกล้าออกจากห้อง
เธอไม่มีความอยากอาหารเลยสักนิด แต่ก็รู้ว่าขืนไม่กินอะไรเลยจะไม่ดีต่อสุขภาพร่างกาย หลังจากลังเลชั่วครู่ เธอจึงค่อยๆ ละเลียดกินอาหารที่พ่อบ้านส่งขึ้นมาให้จนหมด
ไม่รู้ว่าพ่อบ้านรู้เรื่องอะไรหรือเปล่า อาหารที่เขาเตรียมให้เธอจึงมีแต่อาหารรสอ่อนที่เต็มไปด้วยคุณค่าทางอาหาร เธอจึงกินได้ไม่ลำบากนัก
เธอวางตะเกียบลง ร่างกายที่เคยหนาวสั่นค่อยๆ อบอุ่นขึ้นมาก เธอมองออกไปยังนอกหน้าต่าง เห็นตะวันทอแสงสว่างเป็นประกาย เธอค่อยๆ เดินไปยังหน้าต่าง พบว่าท้องฟ้าเป็นสีแดงทองสวยงาม โดยเฉพาะผืนฟ้าทางทิศตะวันตก
“เย็นแล้วเหรอ…” เธอพูดงึมงำเสียงเบา จำได้ว่าก่อนที่เธอจะผลอยหลับไป ดูเหมือนเธอจะเห็นว่าฟ้าเริ่มสางแล้ว ที่แท้เธอก็หลับไปทั้งวัน
เธอสูดหายใจลึกแล้วค่อยๆ ถอนหายใจออก เริ่มคิดถึงเรื่องเมื่อคืน คิดถึงจิ้นหยวนที่พูดจาโหดร้าย และท่าทางโกรธจัดของเขาแล้วรู้สึกเจ็บปวดใจมาก
ทำไมถึงเป็นแบบนี้? เธอแค่ออกไปทำงานนอกบ้านเท่านั้น เพราะเรื่องแค่นี้ทำให้เธอต้องถูกเขาตำหนิด้วยหรือ?
เธอส่ายศีรษะเบาๆ รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม
ไม่สนใจเขาแล้ว!
เธอคิดๆ แล้วก็โมโห แต่เพียงแป๊บเดียว ความดีต่างๆ ของเขาก็ทำให้เธอลังเลใจขึ้นมาอีก
ถ้าเขากลับมาแล้วท่าทีดีขึ้น เธอควรพูดคุยกับเขาดีๆ ใช่ไหม?
เธอคิดๆ แล้วตัดสินใจแน่วแน่ ถ้าเขากลับมาแล้วจะพูดคุยกับเขาดีๆ เพราะช่วงเวลาระหว่างเขาและเธอยังคงเป็นสิ่งที่สวยงามมากไม่ใช่หรือ?
แต่เธอก็ต้องผิดหวัง เพราะเธอรออยู่ในห้องนอนทั้งวัน รอจนกระทั่งดึกแล้วแต่เขาก็ยังไม่กลับมาเสียที
เธอรู้สึกผิดปกติ จึงไปสอบถามพ่อบ้าน เขาเองก็ได้แต่ส่ายศีรษะและตอบว่าไม่ทราบเหมือนกัน
เธอกัดริมฝีปากอย่างครุ่นคิด ตัดสินใจโทรศัพท์หาหลินจื้อเฉิง
น้ำเสียงเขาฟังดูประหลาดใจมาก “พี่สะใภ้ไม่รู้เหรอครับว่าพี่ใหญ่ไปดูงาน”
“ไปดูงาน?” เธอกำโทรศัพท์มือถือในมือแน่น “เขาไม่ได้บอกอะไรเลย”
หลินจื้อเฉิงเอ่ยขึ้นใหม่ “ครับ เพิ่งไปเมื่อเช้านี้เอง พี่ใหญ่เดินทางไปต่างประเทศ ผมก็คิดว่าเขาบอกพี่สะใภ้แล้วเสียอีก”
“เขาคงลืมน่ะ” เธอเอ่ยเสียงราบเรียบ ไม่อยากให้คนนอกรู้ว่าเธอกับเขาทะเลาะกัน “ขอโทษนะที่โทรมารบกวน”
“ไม่เป็นไร พี่สะใภ้ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ” หลินจื้อเฉิงยังคงปฏิบัติต่อเธอเหมือนเดิมแม้สถานะของเธอจะเปลี่ยนไปแล้วก็ตาม แต่สิ่งที่เพิ่มเติมคือความเกรงใจที่มีมากขึ้นกว่าเดิม
เธอหัวเราะเบาๆ แล้วกดวางสาย
ไปดูงานอย่างนั้นหรือ?
จิ้นหยวน คุณแน่มาก
หลินจื้อเฉิงเหม่อมองโทรศัพท์มือถือในมือ จ้านซีเฉินภรรยาสุดที่รักของเขาขยับเข้าไปใกล้ “คุณกำลังคิดอะไรอยู่คะ? เมื่อกี้พี่มู่มู่โทรมาเหรอ?”
เขาพยักหน้าเล็กน้อย “ใช่”
เขาไม่ใช่คนโง่ จึงไม่เชื่อคำพูดของเฉียวซือมู่ง่ายๆ ลืมอะไรกัน ดูจากการที่พี่ใหญ่ให้ความสำคัญกับเธอมากขนาดนั้น ไม่มีทางเกิดเรื่องอย่างนั้นอย่างแน่นอน
แล้วเพราะอะไรล่ะ? หรือจะเกี่ยวกับเรื่องที่พี่ใหญ่เพิ่งให้เขาไปสืบ?
โถๆๆ พี่ใหญ่นี่ขี้หึงจริงๆ …
ตอนที่ 437 ยุ่งมากเกินไปแล้ว
หลินจื้อเฉิงส่ายศีรษะเบาๆ คิดๆ แล้วตัดสินใจโทรศัพท์หาจิ้นหยวน
เสียงทุ้มต่ำของจิ้นหยวนดังขึ้น “มีอะไร?”
หลินจื้อเฉิงหรี่ตาแคบ ดูเหมือนอารมณ์พี่ใหญ่ไม่ดีสักเท่าไหร่
“คือว่าอย่างนี้ครับ…” เขาเล่าเรื่องที่เฉียวซือมู่โทรศัพท์หาตนให้เขาฟังตามตรง จากนั้นถามหยั่งเชิง “น้ำเสียงเธอเหมือนไม่พอใจมาก พี่ใหญ่ควรจะโทรหาเธอหรือเปล่าครับ?”
จิ้นหยวนหลุบตาลง “นายยุ่งมากเกินไปแล้ว”
“อ่อ ครับ” หลินจื้อเฉิงถอนหายใจอย่างปลงๆ พี่ใหญ่ใช้น้ำเสียงแบบนี้ แสดงว่ากำลังอารมณ์เสียมาก เขาจึงไม่กล้าพูดมากอีก
หลังจากจิ้นหยวนวางสายไปแล้ว เขาเหม่อมองโทรศัพท์มือถือในมือ นิ้วมือหยุดอยู่ตรงรายชื่อ “ที่รัก” ครู่ใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้กดโทรออก หญิงสาวที่ยืนอยู่ไม่ไกลเดินเข้าไปหาเขา “พี่จิ้นหยวน ได้เวลาแล้วค่ะ”
เจียงจื่อเสียนสวมชุดราตรีสีแดงเพลิง เต็มไปด้วยเสน่ห์เย้ายวนแห่งอิสตรี
จิ้นหยวนเก็บโทรศัพท์มือถือพลางเอ่ยตอบ “อืม” เสียงเบา หมุนตัวเดินไปหาเธอ
เจียงจื่อเสียงแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินเขาคุยโทรศัพท์ คลี่ยิ้มสวยพลางคล้องแขนเขา
เขาเหลือบมองเธอแวบหนึ่งโดยไม่ได้ปฏิเสธการกระทำของเธอ
เธอยิ้มหวานยิ่งกว่าเดิม
ทั้งสองเดินไปขึ้นรถเพื่อไปร่วมงานเลี้ยงงานหนึ่ง
นี่เป็นจุดประสงค์หลักที่พวกเขามาดูงานในครั้งนี้ ซึ่งจะทำให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด และที่เขาพาเธอมาด้วย เพราะเธอเคยอาศัยอยู่ที่นี่นานหลายปี และรู้จักเป้าหมายของเขาเป็นอย่างดี จึงสามารถช่วยให้เขาเข้าถึงคนคนนั้นได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว
แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่าภายหลังจะเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้น
ณ คฤหาสน์ของจิ้นหยวน หลังจากเฉียวซือมู่วางสายจากหลินจื้อเฉิงแล้วเธอก็หงุดหงิดมาก เดินงุ่นง่านไปมาอยู่ในห้องหลายรอบ สุดท้ายได้แต่เหม่อมองออกไปยังนอกหน้าต่าง
แต่เธอยังคงกลัดกลุ้มไม่หาย จึงหนีไปหมกตัวดูซีรีส์เกาหลีในห้องหนังสือจนเผลอฟุบหลับคาโต๊ะทั้งคืน
เธอตื่นขึ้นในวันถัดมาพร้อมความรู้สึกสมน้ำหน้าตัวเอง จากร่างกายที่ไม่ค่อยแข็งแรงอยู่แล้ว บวกกับนั่งฟุบหลับคาโต๊ะทั้งคืน ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายไปทั้งร่าง ปวดศีรษะจนทรมาน
แย่แล้ว เธอจับหน้าผากที่ร้อนเป็นไฟของตน
เธอคงเป็นหวัดแน่แล้ว เธอยิ้มขื่น เดินกลับไปนอนที่ห้องนอนตัวเอง ถ้าเป็นหวัด นอนพักผ่อนสักพักก็คงหาย…
แต่ทุกอย่างกลับไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด เธอนอนหลับทั้งวันแต่อาการยังไม่ดีขึ้น ตรงกันข้าม ดูเหมือนอาการจะหนักกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ
หากไม่ใช่เพราะพ่อบ้านเห็นเธอไม่ออกจากห้องทั้งวันแล้วสั่งให้สาวใช้ขึ้นไปดู ป่านนี้เธอคงตัวร้อนจนเป็นลมหมดสติไปแล้ว
พ่อบ้านรู้เรื่องเข้าตกใจจนต้องรีบโทรศัพท์ตามตัวหมอประจำตระกูลให้มาดูอาการเธอโดยด่วน
เธอตัวร้อนจนเริ่มไม่ได้สติ ใบหน้าแดงก่ำ ละเมองึมงำฟังไม่ได้ศัพท์
หมอประจำตระกูลตัดสินใจให้น้ำเกลือเธอทันที
สาวใช้ต้องผลัดเวรเฝ้าไข้เธอทั้งวันทั้งคืน
กระทั้งเช้าวันรุ่งขึ้น เธอจึงค่อยๆ ได้สติ
ผ่านไปหลายวัน อาการเธอค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ แต่พ่อบ้านเกรงว่าจะมีอาการแทรกซ้อนภายหลัง จึงกำชับแล้วกำชับอีก ให้หมอสั่งไม่ให้เธอลงจากเตียง จะได้พักผ่อนให้มากที่สุด
เธอจึงได้แต่นอนเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่บนเตียง เธอเพิ่งพบว่าหลายวันที่ผ่านมา จิ้นหยวนไม่ได้ติดต่อเธอเลย