ตอนที่ 474 แบบนี้ลูกจะแข็งแรงได้อย่างไร
“ประหลาดใจ? ประหลาดใจที่ฉันพูดง่ายอย่างนั้นเหรอ?” ฉินเพ่ยหรงมองเธอแวบหนึ่ง
“ค่ะ…” เธอพยักหน้าอย่างยอมรับ
“อย่าเพิ่งดีใจไป ฉันรักหลานของฉัน ไม่ได้ชอบเธอ” ไม่ว่าอย่างไรฉินเพ่ยหรงก็ทำใจชอบเธอไม่ได้ จึงได้แต่เอ่ยอย่างเย็นชา
เฉียวซือมู่ตะลึงนิ่งอึ้ง รู้สึกน้อยใจนิดๆ แต่ก็เพียงนิดเดียวเท่านั้น
เธอรู้ความคิดของอีกฝ่ายตั้งนานแล้ว จึงไม่ได้รู้สึกผิดหวังอะไร
เธอไม่ใช่ธนบัตรเสียหน่อย เป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะชอบเธอ
เทียบกับความสัมพันธ์ที่ไม่สงบสุขก่อนหน้านั้น ตอนนี้เธอและฉินเพ่ยหรงสามารถนั่งรับประทานอาหารและพูดคุยกันอย่างสันติ ถือเป็นเรื่องเกินคาดหวังที่เธอไม่เคยนึกฝันมาก่อน
เมื่อคิดได้แล้วเธอจึงปล่อยวางทุกอย่าง เธอยิ้มบางๆ ให้ฉินเพ่ยหรงแล้วตั้งหน้าตั้งตารับประทานอาหารต่อ
ฉินเพ่ยหรงเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ เห็นท่าทางเธอรับประทานอาหารอย่างมีความสุขแล้วรู้สึกดีใจไม่น้อย
ไม่ว่าอย่างไร เธอสามารถรับประทานอาหารได้ย่อมหมายความว่าหลานตนที่อยู่ในท้องของเธอจะได้เติบโตอย่างแข็งแรงไปด้วย
แต่พอเห็นเธอทานข้าวได้เพียงถ้วยเดียวแล้วหยุดทานเลย จึงมองเธอแล้วเอ่ยถาม “กินแค่นี้เองเหรอ?”
“ค่ะ หนูกินได้ไม่เยอะค่ะ”
“ได้ยังไงกัน? กินแค่นี้แล้วลูกในท้องจะได้รับสารอาหารเพียงพอได้ยังไง? ไม่ได้ เธอต้องกินให้มากกว่านี้”
ฉินเพ่ยหรงพูดจบแล้วตักข้าวให้เธอเพิ่มอีกครึ่งถ้วยแล้ววางลงตรงหน้าเธอ เอ่ยด้วยน้ำเสียงแกมบังคับ “เธอกินน้อยขนาดนั้น ลูกในท้องก็ขาดสารอาหารนะสิ ทำแบบนี้ไม่ได้นะ”
เธอสูดหายใจลึก ส่ายศีรษะปฏิเสธ “หนูกินไม่ไหวแล้วจริงๆ”
ฉินเพ่ยหรงเห็นสีหน้าเธอแล้วรู้สึกได้ว่าเธอพูดความจริง จึงเอ่ยด้วยความสงสัย “เธอกินน้อยอย่างกับแมวดมแบบนี้ แล้วลูกจะโตได้ยังไง”
“แต่หนูกินไม่ไหวแล้วนี่คะ” เธอลูบหน้าท้องตนพลางยิ้มขื่น
ตั้งแต่ท้อง เธอก็กินได้เพียงเท่านั้น ให้กินมากกว่านั้นเธอก็กินไม่ลงจริงๆ
ฉินเพ่ยหรงขมวดคิ้วชนกันแน่นจนจะกลายเป็นโบว์อยู่แล้ว กินอาหารบำรุงไม่ไหวน่ะไม่เป็นไร แต่อาหารที่ต้องกินทุกวันกลับกินได้นิดเดียวแบบนี้ แล้วต่อไปจะเป็นอย่างไร?
เธอรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่มาก จะต้องแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้ได้
แต่ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีล่ะ?
เฉียวซือมู่เห็นท่าทางฉินเพ่ยหรงแล้วไม่กล้าออกปากเชิญเธอกลับ ได้แต่นั่งจิบชาไปเรื่อยๆ ในใจคิดหาวิธีว่าทำอย่างไรจึงจะอัญเชิญแม่เจ้าประคุณรุนช่องท่านนี้ออกจากบ้านอย่างไม่เสียน้ำใจ
แม้ตอนนี้ฉินเพ่ยหรงจะทำดีกับเธอ เทียบกับเมื่อก่อนแล้วถือว่าดีขึ้นเยอะมาก แต่เธอก็รู้ดีแก่ใจ ที่ฉินเพ่ยหรงทำดีกับเธอก็เพราะเห็นแก่ลูกในท้องของเธอเท่านั้น ไม่เห็นหรือว่าคำก็หลาน สองคำก็หลานน่ะ?
เธอรู้สึกอึดอัดมาก หากแต่น้ำท่วมปาก เพราะมองผิวเผินถือว่าฉินเพ่ยหรงทำดีกับเธอจริงๆ
เธอพูดอะไรไม่ได้ทั้งนั้น ต่อให้จิ้นหยวนกลับมา เธอก็บ่นไม่ได้ คิดๆ แล้วรู้สึกอึดอัดชะมัด เพราะฉะนั้น เธอจึงได้แต่ภาวนาในใจ ขอให้ฉินเพ่ยหรงรีบกลับไปเร็วๆ
แต่ฉินเพ่ยหรงกลับไม่ยอมกลับเสียที คอยถามไถ่เรื่องโน้นเรื่องนี้ไม่หยุด และยังบังคับให้เธอกินเยอะๆ อีกต่างหาก ถ้าไม่ไหวก็ให้เธอกินน้อยๆ แต่กินบ่อยๆ กินวันละสามมื้อไม่พอ ต้องกินวันละหกมื้อถึงจะเพียงพอ เพื่อที่เด็กในท้องจะได้รับสารอาหารครบถ้วนทุกอย่าง
เฉียวซือมู่ได้แต่ตอบอืมๆ อย่างขอไปทีโดยไม่ใส่ใจคำพูดของฉินเพ่ยหรงเลยสักนิด เพราะคุณหมอบอกแล้วว่า ช่วงแรกๆ ทารกในครรภ์ยังไม่ต้องการสารอาหารมากขนาดนั้น เธอแค่ต้องกินให้อิ่ม ไม่เลือกกิน และดื่มนมในปริมาณที่พอเหมาะทุกวัน เพียงเท่านี้ ทารกในครรภ์ก็ได้รับสารอาหารครบถ้วนเพียงพอแล้ว
ตอนที่ 475 ไม่ทราบว่าเห็นอะไร
เฉียวซือมู่จึงไม่คิดที่จะใส่ใจคำพูดของฉินเพ่ยหรง เพียงแค่รับปากอย่างขอไปทีเท่านั้น
ฉินเพ่ยหรงพูดไปๆ ก็จับสังเกตได้ ทำให้เริ่มไม่พอใจขึ้นมาอีก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ทำเพียงแค่เรียกพ่อบ้านมากำชับเรื่องที่ต้องระวังยาวเป็นหางว่าวก่อนจะยอมลากลับ
เฉียวซือมู่ถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งอก หลังที่นั่งตรงแหน็วมาทั้งเช้าห่อเ**่ยวลงทันที
เธอรู้สึกว่าการอยู่กับแม่สามีคนนี้เพียงแค่สองชั่วโมงเหนื่อยกว่าการที่เธอต้องนั่งทำงานทั้งวันเสียอีก
พ่อบ้านเฉินเห็นสภาพเธอแล้วรู้สึกเห็นอกเห็นใจเธอไม่น้อย
ฉินเพ่ยหรงเป็นคนแข็งและเจ้าระเบียบ ก่อนหน้านี้เป็นเพราะสุขภาพของเจิ้นเฮ่าไม่ดี เธอจึงต้องแก้นิสัยให้อ่อนลง มาตอนนี้ เธอไม่ชอบใจเฉียวซือมู่ ทำให้นิสัยเดิมกลับมาอีก ทั้งเรื่องมาก ทั้งจับผิด เฉียวซือมู่มีอิสระจนเคยตัว พอมาเจอคนอย่างนี้เข้า คงลำบากน่าดู
เขารู้สึกดีกับเฉียวซือมู่มาก ตอนนี้เธอยังกลายเป็นคุณนายของบ้านหลังนี้อย่างชอบธรรม เขาจึงยืนอยู่ข้างเธออย่างไม่ต้องสงสัย เขาเอ่ยปลอบเธอ “คุณนายใหญ่แค่มาเยี่ยมคุณเป็นครั้งคราวเท่านั้น ไม่น่าจะมาบ่อยๆ หรอกครับ”
“หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นนะ ไม่งั้นฉันต้องเหนื่อยตายแน่” เธอทอดถอนใจ
เธอไม่ได้หมายถึงเหนื่อยกาย หากแต่เหนื่อยใจต่างหาก การที่เธอเอาแต่บ่นนั่นบ่นนี่ไม่หยุด ห้ามเธอทำนู่นนั่นนี่ ต้องกินเยอะๆ ห้ามเคลื่อนไหวร่างกายไปเรื่อย ทั้งหมดทั้งมวลก็เพื่อให้เธอคลอดหลานชายให้ตระกูลจิ้นเท่านั้น จุดประสงค์ชัดเจนขนาดนี้ แม้ฉินเพ่ยหรงจะไม่ได้พูดเองกับปาก แต่ทุกอย่างก็เขียนเอาไว้บนหน้าเธอหมดแล้ว
แล้วจะให้เธอรู้สึกดีได้อย่างไร?
พ่อบ้านเฉินเข้าใจความรู้สึกเธอดี จึงได้แต่ถอนหายใจอย่างปลงๆ เขาคงได้แต่ใช้เหตุผลที่ว่าฉินเพ่ยหรงคงไม่มาที่นี่บ่อยๆ เป็นการปลอบใจเธอ “ไม่ต้องกังวลหรอกนะครับ คุณนายใหญ่ต้องคอยดูแลนายท่าน ไม่มีเวลามาเยี่ยมคุณบ่อยๆ หรอกครับ”
“หวังว่านะ” เธอถอนหายใจหนักๆ ไม่รู้ทำไมเธอถึงรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเลย
และลางสังหรณ์ของเธอก็กลายเป็นจริงอย่างรวดเร็ว
วันรุ่งขึ้น หลังจากจิ้นหยวนออกไปทำงานแล้ว ฉินเพ่ยหรงก็มาเยือนอีกครั้ง
คราวนี้เธอหอบข้าวของพะรุงพะรังทั้งถุงเล็กถุงใหญ่มาเต็มไม้เต็มมือ
พ่อบ้านหนังตากระตุก รีบเข้าไปรับหน้าด้วยความสงสัย “นี่คือ…”
ฉินเพ่ยหรงมองเขาแวบหนึ่ง “นี่เป็นอาหารบำรุงที่ฉันเตรียมมาให้นะสิ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันจะคอยกำกับดูแลเรื่องอาหารการกินของเธอทั้งสามมื้อเอง ค่ำๆ ค่อยกลับบ้าน”
“แล้วนายท่าน…” พ่อบ้านคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเธอจะทำเช่นนี้ จึงเอ่ยถามอย่างอัตโนมัต
“สุขภาพเขาดีขึ้นเยอะแล้ว ตอนนี้ไม่มีปัญหาอะไร อีกอย่าง เขาเป็นคนแนะนำให้ฉันมาที่นี่เอง” ฉินเพ่ยหรงเห็นว่าพ่อบ้านเฉินเป็นคนเก่าคนแก่ จึงยอมอธิบายให้เขาฟัง ก่อนจะเรียกให้คนมาหิ้วข้าวของพวกนั้นเข้าบ้าน
ของพวกนี้เป็นยาบำรุงที่ตระกูลจิ้นเก็บสะสมเอาไว้ แต่ละอย่างราคาแพงหูฉี่
พ่อบ้านเฉินไม่รอช้า คอยกำกับให้คนเอาของไปเก็บด้วยตนเอง หลังจัดการเก็บของทุกอย่างเรียบร้อยแล้วจึงเดินกลับไปยังห้องโถง แต่กลับไม่เห็นคนที่ควรจะอยู่ที่นี่เสียอย่างนั้น
หนังตาเขากระตุก รู้สึกได้ทันทีว่าแย่แน่แล้ว จึงรีบขึ้นไปดูที่ชั้นบน และเห็นฉินเพ่ยหรงกำลังยืนเหม่ออยู่ตรงระเบียงทางเดินพอดี
ไม่ เธอไม่ได้ยืนเหม่อ แต่กำลังทำสีหน้ารังเกียจราวกับเห็นอะไรที่มันสกปรกมากมากกว่า
เขาเดินเข้าไปถาม “คุณนายใหญ่ ไม่ทราบว่าเห็นอะไรเข้าหรือครับ?”
ฉินเพ่ยหรงอ้าปากพะงาบๆ “เธอนอนอีกแล้วเหรอ?”
พ่อบ้านเฉินก้มหน้าพลางเอ่ยตอบ “ครับ”
“แล้วภาพนี้ใครเป็นคนเอามาแขวนไว้ตรงนี้?” เธอเอ่ยถาม
พ่อบ้านเฉินรู้สึกแปลกๆ เอ่ยตอบแต่โดยดี “คุณนายน้อยเป็นคนซื้อมาครับ เธอบอกว่าสีสันสวยดี ก็เลยแขวนไว้ตรงนี้ครับ”