ตอนที่ 476 หรือขโมยขึ้นบ้าน?
ภาพวาดชิ้นนี้จิ้นหยวนประมูลมาจากงานประมูลงานหนึ่ง เฉียวซือมู่ชอบมันมาก แต่ติที่ภาพเล็กไปหน่อย จึงสั่งให้แขวนมันไว้ตรงระเบียงทางเดิน
เขาชำเลืองมองภาพนั้นแวบหนึ่ง มันเป็นภาพที่มีสีสันสดใสและสวยงามมาก แม้คนที่ไม่เข้าใจภาพวาดศิลปะยังรู้สึกได้ถึงความสุขยามมองภาพภาพนี้ แต่เหตุใดคุณนายใหญ่จึงไม่พอใจมากเช่นนี้?
ฉินเพ่ยหรงชี้ไปยังภาพภาพนั้น “ให้คนมาเอาออกเดี๋ยวนี้ แล้วเอาไปเก็บที่ห้องเก็บของซะ”
พ่อบ้านตกใจเล็กน้อย “ทำไมล่ะครับ? หรือว่าภาพนี้มีปัญหาอะไรอย่างนั้นเหรอครับ?”
เธอมองเขาแวบหนึ่ง “ก็ใช่นะสิ เธอไม่เคยได้ยินหรือไงว่าห้ามวางของอัปมงคลพวกนี้ในห้องคนท้องน่ะ?”
“ของอัปมงคล?” พ่อบ้านงงเป็นไก่ตาแตก หมายความว่าอย่างไร?
ฉินเพ่ยหรงไม่พอใจหนักขึ้นไปอีก ชี้ไปยังจุดเล็กๆ ในภาพ “จะว่าไปเธอเองก็อายุมากแล้วนะ แค่นี้ยังไม่รู้อีกหรือไง เธอไม่เห็นเหรอว่ามีเด็กผิวดำอยู่ในภาพน่ะ? ถ้าเธอดูภาพนี้ทุกวัน เกิดลูกคลอดออกมาตัวดำจะทำยังไง? น่าเกลียดจะตายไม่ใช่หรือไง?”
พ่อบ้านชะงักอึ้ง มันเป็นแค่รูปเด็กผิวดำเล็กกะจ้อยร่อยที่อยู่ตรงมุมภาพเท่านั้น ไม่สิ เด็กในภาพเล็กมากเกินไป จนเขาไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเด็กในภาพเป็นเด็กผิวดำจริงหรือไม่ บางทีอาจจะเป็นภาพเด็กสวมเสื้อผ้าสีดำจนดูเหมือนเป็นเด็กผิวดำก็ได้
แต่ดูเหมือนคุณนายใหญ่จะตัดสินไปแล้วว่าเป็นอย่างแรกมากกว่า เขาจึงต้องปฏิบัติตามคำสั่งแต่โดยดี โดยการสั่งให้คนมาปลดภาพนั้นออก
ส่วนจะบอกคุณนายน้อยอย่างไรนั้น คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคุณนายใหญ่แล้ว
วันนี้ถือว่าเฉียวซือมู่ตื่นนอนเร็วเมื่อเทียบกับเมื่อวาน เพราะเมื่อคืนเธอกับจิ้นหยวนไม่ได้ทำเรื่องน่าอายด้วยกัน
เธอก้าวเท้าออกจากประตูห้องพลันรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ แต่นึกไม่ออกว่าแปลกตรงไหน เธอก้าวเดินไปหลายก้าวจึงสังเกตเห็นว่าตรงกำแพงระเบียงทางเดินว่างเปล่า ถึงได้รู้ว่ามีอะไรบางอย่างขาดหายไป
เธอขมวดคิ้วพลางคว้าจับสาวใช้ที่เดินผ่านมาพอดี “ภาพที่แขวนอยู่ตรงหนี้หายไปไหนแล้ว?”
สาวใช้ส่ายศีรษะ “ขออภัยค่ะคุณนาย ฉันเพิ่งขึ้นมาเลยไม่ทราบค่ะ”
เธอพยักหน้าเล็กน้อยแล้วปล่อยสาวใช้คนนั้นไป “โอเค ฉันรู้แล้ว”
สาวใช้รีบเดินจากไปด้วยความตกใจ ส่วนเธอยังคงยืนงงอยู่กับที่
แปลกจัง หรือว่าจะมีขโมยขึ้นบ้าน?
ถึงภาพนั้นจะสวยมากก็เถอะ แต่มันก็ไม่ใช่ภาพวาดของศิลปินชื่อดัง ไม่ได้มีราคาค่างวดอะไร แล้วจะขโมยไปเพื่ออะไร?
เธอครุ่นคิดไปมาแต่ก็คิดไม่ตกเสียที เธอดูเวลาเห็นว่าสายแล้ว จึงเดินไปยังห้องหนังสือ กะจะเล่นคอมพิวเตอร์สักหน่อย แต่เธอต้องตกตะลึงนิ่งอึ้งทันทีที่เปิดประตูห้องออก
ห้องหนังสือที่นี่มีพื้นที่กว้างขวาง นอกจากโต๊ะทำงานตัวใหญ่กับคอมพิวเตอร์อีกสองเครื่องแล้ว ยังมีเก้าอี้หลายตัวและโซฟาอีกหนึ่งชุดวางอยู่ด้านหนึ่ง ในห้องยังมีห้องน้ำในตัว เวลาที่พวกเธอทำงานในห้องนี้จะได้จัดการธุระส่วนตัวได้สะดวก
การตกแต่งภายในห้องเช่นนี้จึงทำให้ผนังห้องอีกฝั่งยังว่างอยู่ เธอรู้สึกว่ามันโล่งเกินไปจนไม่ค่อยสวยงามสักเท่าไหร่ วันหนึ่ง เธอออกไปเดินช้อปปิ้ง เห็นร้านขายปลาสวยงามจึงซื้อตู้ปลาขนาดใหญ่และปลาทองอีกหลายตัวกลับมาตั้งไว้ตรงผนังห้องฝั่งที่ยังว่างอยู่ เธอชอบมองพวกปลาแหวกว่ายไปมาอย่างเอื่อยเฉื่อย มันช่วยทำให้เธออารมณ์ดีขึ้น แม้แต่จิ้นหยวนที่ในช่วงแรกยังไม่ค่อยเข้าใจการกระทำของเธอนัก ภายหลังยังชอบให้อาหารปลาเองบ่อยๆ
ตอนนี้ใครพอจะบอกเธอได้บ้างว่าตู้ปลาทองของเธอหายไปไหน?
ตอนที่ 477 ฉันเป็นคนสั่งให้ทำเอง
ชั่วขณะนั้น เธอคิดว่าตนตาฝาดไปเสียอีก เธอขยี้ตาแล้วเบิ่งตาดูอีกรอบ กลับพบว่าข้างกำแพงห้องยังคงโล่งโจ้งไม่มีอะไรเลยเหมือนเดิม ราวกับว่าที่ตรงนั้นไม่เคยมีตู้ปลามาก่อน
เป็นไปไม่ได้!
คำคำนี้ผุดขึ้นในความคิดเธอทันทีหลังจากแน่ใจแล้วว่าตู้ปลาหายไปแล้วจริงๆ ภาพวาดถูกขโมยยังพอเข้าใจได้ เพราะภาพวาดที่โด่งดังระดับโลกนั้นราคาแพงมาก บางทีหัวขโมยคนนั้นอาจจะตาดีได้ของดีไปก็ได้ แต่ตู้ปลานี่มันอะไรกัน?
หรือว่าเจ้าหัวขโมยคิดว่าจะขายได้ราคา? แล้วเขาขนมันออกไปได้อย่างไร? ตู้ปลานั่นยาวตั้งสองเมตรเชียวนะ แล้วยังมีอุปกรณ์ต่างๆ อีกล่ะ ทั้งหมดรวมกันแล้วน่าจะหนักไม่เบา หัวขโมยแค่คนหรือสองคนไม่มีทางขนออกไปไหวแน่
ถ้าเช่นนั้น มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เธอยืนอึ้งอยู่ตรงประตูครึ่งค่อนวัน ได้แต่ส่ายศีรษะให้กับคำถามมากมาย จากนั้นตัดสินใจไปถามพ่อบ้านให้รู้เรื่อง เธอหมุนตัวพลันเห็นเขาเดินมาพอดี
เธอที่กำลังงงเป็นไก่ตาแตกไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าแปลกๆ ของเขา จึงเอ่ยปากเรียกเขาเอาไว้ “เกิดอะไรขึ้น ทำไมของในห้องหนังสือถึงหายไปได้ล่ะ”
แม้พ่อบ้านเฉินจะเป็นคนพูดน้อยไปหน่อย แต่เขากลับรับผิดชอบงานในหน้าที่ได้ดีเยี่ยม เพราะฉะนั้น เวลาเธอมีปัญหาอะไรจึงมักจะสอบถามเขาเป็นคนแรกเสมอ
พ่อบ้านเฉินเข้าใจทันทีว่าเธอกำลังถามถึงเรื่องอะไร เขาได้แต่ยิ้มแหยในใจ เอ่ยตอบอย่างนอบน้อม “ครับ พวกเราเป็นคนขนตู้ปลาในห้องหนังสือออกไปเองครับ”
“ทำไมล่ะ?” เธอขมวดคิ้วมองหน้าเขา
“เพราะ…” พ่อบ้านยังไม่ทันพูดจบ เสียงเสียงหนึ่งก็ดังแทรกขึ้นมาจากทางด้านหลัง
“เพราะฉันเป็นคนสั่งให้ทำเอง”
พ่อบ้านหุบปากทันควัน สีหน้าเริ่มเหยเก
เฉียวซือมู่จำเสียงฉินเพ่ยหรงได้ทันที เธอได้แต่ลอบถอนหายใจในอก จากนั้นหมุนตัวหันกลับไปเผชิญหน้า “คุณแม่มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?”
“สักพักแล้ว ตอนนั้นพวกเขาบอกว่าเธอยังนอนหลับอยู่ ก็เลยไม่ได้ให้พวกเขาเข้าไปรบกวนเธอ” ฉินเพ่ยหรงเดินเข้าไปใกล้แล้วกวาดสายตามองเฉียวซือมู่ จากนั้นขมวดคิ้วมุ่น “สีหน้าเธอยังไม่ดีขึ้นเลยนี่”
“เหรอคะ?” เฉียวซือมู่ลูบหน้าตนเบาๆ เธอไม่เห็นจะรู้สึกสักนิด ตอนนี้เธอใช้ชีวิตอย่างปกติสุขดี นอกจากทานอาหารได้น้อยลงแล้ว เธอก็ไม่ได้เจ็บไข้ได้ป่วยอะไรอีก และยังนอนเยอะกว่าเดิมอีกด้วย
ฉินเพ่ยหรงเห็นท่าทางไม่อินังขังขอบของเธอแล้วชักไม่พอใจนิดๆ แต่ผ่านมานานขนาดนี้ เธอเองก็เริ่มจะชินเสียแล้ว ตั้งแต่เฉียวซือมู่ตั้งครรภ์ ความอดทนอดกลั้นที่มีต่อเฉียวซือมู่ก็มีมากขึ้น อะไรที่เธอไม่ชอบใจก็ทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่เสีย
ฉินเพ่ยหรงเอ่ยขึ้น “ฉันเป็นคนสั่งให้ขนของพวกนั้นออกไปเอง”
“ทำไมล่ะคะ?” เฉียวซือมู่ไม่เข้าใจ
เธอไม่เคยได้ยินว่าของพวกนั้นมีปัญหาอะไรนี่
ฉินเพ่ยหรงส่ายศีรษะ สีหน้าร้อนใจ “ฉันว่าแล้วเชียวว่าปล่อยให้คนหนุ่มสาวอย่างพวกเธออยู่กันเองไม่ได้หรอก ถ้าเป็นเวลาปกติก็ไม่เป็นไร แต่กำลังท้องกำลังไส้ จะไม่ให้มีคนที่มีประสบการณ์อยู่ด้วยได้ยังไง? ทั้งตู้ปลา ทั้งภาพวาด แล้วยังจะแจกันดอกไม้ที่อยู่ชั้นล่างอีก ตำแหน่งที่วางโซฟาก็ไม่ดี วางโซฟาตรงนั้นมันไม่ดีกับเธอ โดยเฉพาะกับลูกในท้องของเธอ”
“คุณแม่ ของพวกนั้น…” ในที่สุดเธอก็เข้าใจความหมายของแม่สามี ได้แต่อ้าปากพะงาบๆ
เสียแรงที่เธอคิดมากไปเอง คิดว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นเสียอีก ที่แท้ก็เป็นเพราะเรื่องฮวงจุ้ยนี่เอง
เธอเคยได้ยินศาสตร์ลี้ลับนี้มาบ้าง ได้ยินว่าเป็นศาสตร์ที่ถ่ายทอดมาแต่โบราณกาล แต่เธอเป็นคนรุ่นใหม่ จึงไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ จิ้นหยวนเองก็ไม่เชื่อเหมือนกัน แต่คิดไม่ถึงเลยว่าแม่สามีตนจะงมงายมากขนาดนี้