ตอนที่ 480 มีเมียแล้วลืมแม่
จู่ๆ เขาก็รู้สึกปวดศีรษะขึ้นมาตงิดๆ
ฉินเพ่ยหรงหน้าเปลี่ยนสีทันที “เหลวไหล ครอบครัวอย่างพวกเราก็ต้องมีหลานชายสิ ไม่งั้นใครจะมาสืบทอดธุรกิจของครอบครัว หรือจะยกให้คนนอกฟรีๆ หรือไง? แกเสียสติไปแล้วหรือไง ฉันจะบอกให้นะ หลานชายแค่คนเดียวยังไม่พอ อย่างน้อยก็ต้องมีหลานชายสองหรือสามคน หลานชายคนโตจะได้ไม่ต้องเหนื่อยเกินไป เข้าใจหรือยัง?”
จิ้นหยวนคลึงหว่างคิ้วเบาๆ “คุณแม่ เรื่องในอนาคตเอาไว้ค่อยคุยกันทีหลังได้ไหมครับ ตอนนี้ผมเหนื่อยแล้ว”
ฉินเพ่ยหรงเพิ่งสังเกตเห็นสีหน้าเหน็ดเหนื่อยของลูกชาย รู้สึกสงสารเขาจับใจจนลืมเรื่องที่จะพูดจนหมด “แม่ไม่ดีเอง ลูกรีบนั่งลงก่อน ทางครัวเตรียมอาหารเย็นเอาไว้เรียบร้อยแล้ว อีกแป๊บเดียวก็กินข้าวได้แล้วล่ะ”
เอ่ยพลางกดเขาให้นั่งลงบนเก้าอี้ จากนั้นเหลียวซ้ายแลขวา “ไม่ใช่ว่าแม่อยากจะพูดมากนะ เสียแรงที่ลูกรักเฉียวซือมู่มากขนาดนั้น ดูซิ ลูกกลับมาเหนื่อยๆ ก็ไม่รู้จักมาดูแล เดี๋ยวถึงเวลากินข้าวลูกก็คงต้องไปตามเธอละสิ บอบบางอะไรขนาดนั้น แม่ล่ะไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมลูกถึงรักเธอหัวปักหัวปำขนาดนั้น มีสะใภ้บ้านไหนที่ขี้เกียจตัวเป็นขนแบบนี้บ้าง แม่อยู่ที่นี่ทั้งวัน ยังไม่เห็นเธอก้าวเท้าออกจากห้องสักก้าว จริงๆ เลย…”
เธอบ่นพลางส่ายศีรษะพลางอย่างดูถูกเฉียวซือมู่
จิ้นหยวนทอดถอนใจ เดาออกทันทีว่าเหตุใดเฉียวซือมู่จึงไม่ยอมออกจากห้อง คุณแม่คงทำทุกอย่างโดยไม่ยอมปรึกษาเธอก่อนเป็นแน่
เขาอ้าปากจะถาม แต่พอเห็นสีหน้าไม่พอใจของคุณแม่แล้วก็ต้องกลืนคำถามกลับลงคอ
เขาลุกขึ้นยืน “ตอนนี้เธอกำลังท้องอยู่ ก็คงจะเหนื่อยน่ะครับ ผมขอตัวไปดูเธอก่อน เดี๋ยวเราค่อยลงมาทานข้าวกับคุณแม่นะครับ”
ฉินเพ่ยหรงครางเสียงฮึแล้วเบือนหน้าหนีไปทางอื่น
“ไปเลยๆ ที่แม่เพิ่งพูดไป ลูกก็ทำเป็นหูทวนลมอยู่แล้วนี่ เฮ้อ มีเมียแล้วก็ลืมแม่…”
เขาแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน หมุนตัวแล้วเดินออกไปทันที
เทียบกับความไม่พอใจของคุณแม่แล้ว เขาอยากรู้ว่าตอนนี้ภรรยาสุดที่รักของเขากำลังทำอะไรอยู่มากกว่า
เมื่อเดินขึ้นไปชั้นบน เขากวาดสายตามองแวบเดียวก็เห็นความเปลี่ยนแปลงทันที ภาพวาดตรงผนังห้องหายไปแล้วตามคาดไม่มีผิด
เขาได้แต่ถอนหายใจแล้วเดินไปเคาะประตูห้องนอน แต่กลับไม่ได้ยินเสียงตอบรับใดๆ
เขาคิดๆ แล้วเคาะประตูอีกครั้ง
คราวนี้มีเสียงตอบรับกลับมาเสียที “เข้ามา”
เสียงขุ่นราวกับกำลังไม่พอใจมาก
เขาเปิดประตูเดินเข้าไปในห้อง เห็นเธอกำลังนั่งเอนกายอยู่บนเตียง มีไอแพดวางอยู่บนขาเรียวยาวของเธอ ฟังจากเสียงแล้วเหมือนเธอกำลังดูซีรีส์อยู่ แต่สายตาเธอกลับว่างเปล่า
การมาของจิ้นหยวนก็ไม่อาจทำให้เธอหวั่นไหวได้ เธอทำเพียงแค่มองเขาแวบหนึ่งแล้วก้มหน้าก้มตาต่อ
เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังอารมณ์เสียมาก
“เป็นอะไรไป?” เขาเดินเข้าไป หยิบไอแพดที่เธอไม่ได้ดูมันด้วยซ้ำออก
เธอชายตามองเขาแวบหนึ่งอย่างไม่พอใจ “ฉันไม่ชอบแม่คุณ”
เธอครุ่นคิดทั้งบ่าย ได้ยินเสียงฉินเพ่ยหรงสั่งให้เคลื่อนย้ายนู่นนั่นนี่อยู่นอกประตูห้อง เธอพบว่าฉินเพ่ยหรงย้ายเครื่องเรือนทั้งหมดตามอำเภอใจ และยังก้าวก่ายเรื่องการประดับตกแต่งที่เธอเป็นคนดีไซน์เองอีกต่างหาก หรือพูดง่ายๆ ก็คือ นอกจากห้องนอนของเธอกับจิ้นหยวนแล้ว ไม่มีมุมไหนในบ้านที่ฉินเพ่ยหรงไม่ได้เข้าไปก้าวก่าย
เธอเดาว่าหากฉินเพ่ยหรงไม่กลัวจิ้นหยวนโกรธล่ะก็ ป่านนี้ฉินเพ่ยหรงคงบุกเข้ามายุ่งวุ่นวายในห้องนอนของพวกเธอแล้ว
เธอมองหน้าจิ้นหยวนอย่างน่าสงสาร “คุณช่วยคุยกับท่านหน่อยได้ไหมว่าอย่าเข้ามายุ่งเรื่องในครอบครัวของเราอีก?”
เธออยู่กับจิ้นหยวนมานาน และรู้จักนิสัยเขาดีที่สุด รู้ว่าเขาไม่ค่อยถูกกับคุณพ่อ แต่ความสัมพันธ์กับคุณแม่นั้นดีมาก ดังนั้น เวลาที่เธอพูดเช่นนั้นกับเขา เธอจึงรู้สึกลำบากใจไม่น้อย
ตอนที่ 481 แค่นี้ไม่พอหรอกนะ
คิดไม่ถึงเลยว่าเขาเพียงแค่เลิกคิ้วน้อยๆ แล้วรับปากอย่างไม่ลังเลสักนิด “ได้”
“คุณว่าอะไรนะ?” เธอแทบไม่อยากจะเชื่อหูตนเอง มองเขาตาโต
เวลานี้นัยน์ตาเธอแดงนิดๆ ผมกระเซิงหน่อยๆ จนปอยผมตกลงมาปรกข้างหู ทำให้เธอดูน่ารักมาก
เขาใจอ่อนยวบ ยกมือขึ้นลูบศีรษะเธอเบาๆ “ผมบอกว่าได้ไง ผมก็ไม่ชอบให้มีส่วนเกินในครอบครัวเหมือนกัน ถึงคนคนนั้นจะเป็นคุณแม่ของผมก็เถอะ”
พูดจบปุ๊บก็เห็นดวงตาเธอเป็นประกายวาบ เธอโถมกายเข้าหาเขาด้วยความดีใจ หอมแก้มเขาฟอดใหญ่เสียงดังจ๊วบ “คุณดีที่สุดเลย!”
นั่นคุณแม่ของเขาเชียวนะ เขายอมทำเพื่อเธอมากขนาดนี้ เธอจึงรู้สึกดีใจมาก
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะดีใจมากขนาดนี้ แสดงว่าการมาของคุณแม่สร้างความกลัดกลุ้มใจให้เธอมาก เขายิ้มบางๆ พลางลูบแก้มตนเบาๆ เอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ “ขอบคุณแค่นี้ไม่พอหรอกนะ”
“อะไรนะ?” เธอเบิกตาโต เห็นริมฝีปากเขายื่นเข้ามาใกล้ เขาเอ่ยเสียงพร่า “มันต้องอย่างนี้”
เอ่ยพลางก้มหน้าลงจุมพิตริมฝีปากเธอย่างร้อนแรง เธอถูกเขาจูบจนหน้ามืดตาลาย จนแทบจะหายใจไม่ออก
เขาจูบเธอเนิ่นนานกว่าจะยอมถอนจุมพิตออกอย่างอ้อยอิ่ง หากเธอไม่ได้นั่งอยู่บนเตียง ป่านนี้เธอคงแข้งขาอ่อนปวกเปียกจนทรุดลงกองกับพื้นไปแล้ว
“คุณทำแบบนี้ได้ยังไง?” เธอบ่นอิบอิบราวกับไม่พอใจ แต่สีหน้ากลับฟ้องว่าเธอทั้งเขินทั้งดีใจ ใบหน้าแดงซ่านเย้ายวนใจ เขาแผลอไผลจนกือบจะโน้มตัวจูบเธออีก
เขาลอบสูดหายใจลึก พยายามสะกดกลั้นความต้องการนั้นเอาไว้
มันคงไม่ง่ายนัก เพราะตอนนี้เธอกำลังตั้งครรภ์อยู่ เขาอดอยากปากแห้งมานาน ท่าทางเย้ายวนใจของเธอปลุกสัญชาตญาณสัตว์ป่าของเขาให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง จนเขาแทบจะควบคุมสัญชาตญาณดิบของตนไม่ได้ อยากจะเขมือบหญิงสาวตรงหน้าลงท้องให้อิ่มหนำสำราญใจให้รู้แล้วรู้รอด
เฉียวซือมู่สมองทื่อจนดูไม่ออก รู้สึกว่าเขาดูแปลกๆ “ทำไมคุณหน้าแดงจังคะ? ในห้องร้อนเกินไปเหรอคะ?”
เอ่ยพลางยื่นมือไปหยิบรีโมทคอนโทรลเครื่องปรับอากาศ แต่กลับถูกเขาคว้าจับมือเธอเอาไว้เสียก่อน เขาเอ่ยเสียงแหบแห้ง “ผมไม่เป็นไร เราลงไปข้างล่างกันเถอะ”
คำพูดเขาปลุกเธอให้ตื่นจากฝันทันที เธอรู้สึกราวกับถูกน้ำเย็นจัดราดรดลงบนศีรษะให้ตื่นจากฝัน และกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง
จริงสิ ยังมีใครอีกคนกำลังรอพวกเธออยู่ที่ชั้นล่าง
คิดๆ แล้วก็เซื่องซึมขึ้นมาทันที เธอเอ่ยอย่างหงอยๆ “ค่ะ เราลงไปพร้อมกันนะคะ”
เขาหัวเราะเบาพลางลูบผมเธอเบาๆ “เด็กดี”
เธอรีบผุดลุกออกจากเตียง หวีผมให้เรียบร้อย เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ที่ดูดีกว่าเดิม จากนั้นส่องกระจกสำรวจความเรียบร้อยอีกครั้งอย่างพึงพอใจ แต่ริมฝีปากเธอแดงจัด และยังบวมเจ่อนิดๆ อีกต่างหาก หากสังเกตดีๆ จะต้องเห็นความผิดปกตินี้เป็นแน่
แต่เธอคิดว่าแม่สามีตนคงไม่ทำตัวน่าเบื่อจนถึงขั้นนั้นหรอก
สองหนุ่มสาวเดินลงบันได เห็นฉินเพ่ยหรงกำลังนั่งหน้าตาไม่รับแขกอยู่ที่โต๊ะอาหาร เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าจึงเชยตาขึ้นมอง “มากันแล้วเหรอ แม่ก็คิดว่าแค่พลอดรักกันก็คงอิ่มจนไม่ยอมลงมากินข้าวแล้วซะอีก”
คำพูดประชดประชันของฉินเพ่ยหรงทำให้เฉียวซือมู่รู้สึกอึดอัดมาก แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไร ค่อยๆ นั่งลงช้าๆ