ตอนที่ 482 ไม่อยากอาหาร
จิ้นหยวนเลิกคิ้วขึ้นมองหน้าแม่ตน “พูดเป็นเล่นไปได้ ในโลกนี้จะไปมีความรักที่ทำให้อิ่มท้องได้ยังไง สงสัยคุณแม่คงจะดูละครน้ำเน่ามากเกินไปแล้วล่ะครับ”
ฉินเพ่ยหรงถูกลูกชายฉีกหน้าอย่างจัง เธอถลึงตาใส่เขาอย่างไม่พอใจ
จิ้นหยวนยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจแล้วนั่งลงข้างเฉียวซือมู่ สีหน้าเขาอ่อนโยนขึ้นเป็นกอง “มีแต่อาหารที่คุณชอบทั้งนั้นเลย เดี๋ยวผมตักให้นะ” เอ่ยพลางใช้ตะเกียบคีบอาหารที่เธอชอบใส่จานให้เธอ ซึ่งมีแต่อาหารรสอ่อนทั้งสิ้น
เธอคลี่ยิ้มบางๆ เอ่ยขอบคุณเบาๆ แล้วคีบอาหารให้เขาบ้าง
สองหนุ่มสาวคุยกันกะหนุงกะหนิงอย่างมีความสุขราวกับฉินเพ่ยหรงไม่ได้นั่งอยู่ตรงนั้นด้วย
ไม่มีแม่คนไหนที่เห็นลูกที่ตัวเองเลี้ยงดูมากับมือด้วยความยากลำบากไปดูแลผู้หญิงอื่นต่อหน้าต่อตาตนแล้วมีความสุขสักคน เพียงแต่บางคนไม่แสดงออกก็เท่านั้น
แต่ฉินเพ่ยหรงไม่ใช่ประเภทชอบเก็บความรู้สึก เธอจึงพูดกึ่งล้อเล่นกึ่งประชด “เฮ้อ แม่คงแก่แล้วสินะ ถึงกลายเป็นที่รังเกียจแบบนี้ ขนาดกินข้าวยังไม่มีใครคิดจะสนใจเลยสักนิด”
หัวใจจิ้นหยวนกระตุกอย่างแรงด้วยความเหนื่อยหน่ายใจ หากแต่ไม่ได้แสดงออก เขาเพียงแค่เงยหน้าขึ้นยิ้มบางๆ ให้แม่ตน “คุณแม่ชอบกินอันไหนครับ? ให้ผมตักให้ไหมครับ”
เขาเลือกใช้คำอย่างสุภาพ แสดงชัดว่าเขาเริ่มไม่พอใจแล้ว ฉินเพ่ยหรงเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของลูกชายเป็นอย่างดี จึงส่ายศีรษะเบาๆ “ไม่ต้อง เดี๋ยวแม่กินเอง”
น้ำเสียงเธอแข็งกระด้าง หน้าตาบึ้งตึง ใครเห็นก็รู้ว่าเธอกำลังไม่พอใจมาก
เฉียวซือมู่เห็นดังนั้นก็หมดอารมณ์กินข้าวทันที ตั้งแต่เธอท้องเธอก็กินได้น้อยมากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แม่ครัวต้องคิดสารพัดเมนูอร่อยเพื่อเพิ่มความอยากอาหารให้เธอ เธอจึงฝืนกินได้บ้าง แต่พอมาเห็นแม่สามีที่มีสีหน้าอมทุกข์และชักหัวคิ้วชนกันแน่นราวกับถูกเธอทารุณอย่างไรอย่างนั้นแล้ว ทำให้เธอหมดความอยากอาหารในบัดดล
เธอไม่เข้าใจจริงๆ ทำไมฉินเพ่ยหรงถึงไม่อยู่ที่บ้านของตัวเอง ต้องแจ้นมาก่อกวนถึงที่นี่จนทำให้เธอกับจิ้นหยวนต้องเสียอารมณ์ไปด้วย
เมื่อครู่เธอสังเกตเห็นแววตาจิ้นหยวนเต็มไปด้วยความเหนื่อยหน่ายระคนไม่พอใจ
ไม่เห็นจำเป็นต้องทำแบบนี้เลยนี่ ต่างคนต่างอยู่เหมือนเดิมก็ดีอยู่แล้วมิใช่หรือ?
เธอขมวดคิ้วอย่างคิดไม่ตก หรือเป็นเพราะลูกในท้องของเธอ? ถึงไม่มีฉินเพ่ยหรง เธอก็คลอดลูกเองได้ ฉินเพ่ยหรงทำแบบนี้ ถึงเวลาก็เข้าห้องคลอดแทนเธอไม่ได้อยู่ดี
เธอไม่อยากอาหารเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว บวกกับความคิดสรตะมากมายและความน้อยใจ ทำให้เธอยิ่งกินข้าวไม่ลง จิ้นหยวนสังเกตเห็นความผิดปกติทันที เขาก้มหน้าเอ่ยถาม “เป็นอะไรไป? ไม่หิวเหรอ?”
เธอชายตามองเขาพลางยิ้มฝืดฝืน “เปล่าค่ะ แค่รู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย”
พูดไปแล้วก็รู้สึกละอายใจนิดๆ วันนี้เธอหมกตัวอยู่แต่ในห้องทั้งวัน ออกจากห้องเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น แล้วจะเหนื่อยได้อย่างไร?
เธอรู้สึกลำบากใจนิดๆ ก้มหน้าก้มตาคีบอาหารเข้าปากอย่างไม่รู้รสชาติ ค่อยๆ เคี้ยวอาหารแล้วกลืนลงคอ
มันเป็นการรับประทานอาหารที่ทรมานมาก อย่าว่าแต่เธอที่ไม่มีความอยากอาหารเลย แม้แต่ จิ้นหยวนยังทนดูต่อไปไม่ไหว เขาเลิกคิ้วสูง ตัดสินใจดึงตะเกียบในมือเธอออก จากนั้นกระแทกมันลงบนโต๊ะเสียงดัง “ปัง” ใหญ่ “กินไม่ลงก็ไม่ต้องกินแล้ว”
ท่าทางเธอทำให้เขารู้สึกโมโหมาก อาการเธอหนักจนถึงขั้นกินข้าวไม่ลงตั้งแต่เมื่อไหร่?
เขานึกถึงตัวต้นเหตุทันที
ตอนที่ 483 ทำไมไม่พูดตรงๆ
เฉียวซือมู่ชายตามองเขานิ่งชั่วครู่ จากนั้นส่ายศีรษะเบาๆ “ไม่ได้หรอกค่ะ ถ้าฉันไม่กินลูกก็จะไม่ได้รับสารอาหารนะสิคะ”
พูดแล้วหยิบตะเกียบขึ้นใหม่ ค่อยๆ คีบอาหารเข้าปากอย่างฝืดฝืน
จิ้นหยวนมองดูทุกอย่างที่เกิดขึ้นตรงหน้าหน้านิ่วคิ้วขมวด รู้สึกสงสารเธอจับใจ
เธอฝืนกินข้าวจนหมดไปครึ่งถ้วย จากนั้นวางตะเกียบลงอย่างโล่งอก หันไปส่งยิ้มบางๆ ให้เขา “ฉันอิ่มแล้วค่ะ”
รอยยิ้มของเธอทำให้เขารู้สึกโมโหมาก เขาช้อนตัวเธอขึ้นอุ้ม หมุนตัวหันไปมองฉินเพ่ยหรงที่นั่งหน้าบึ้งไม่พูดไม่จา “เธอเหนื่อยแล้ว ผมพาเธอกลับขึ้นห้องก่อนนะครับ”
เฉียวซือมู่คิดไม่ถึงว่าเขาจะกล้าทำตัวแบบนี้ต่อหน้าแม่สามีตนเช่นนี้ เธอพยายามดิ้นรนด้วยความตกใจ “คุณรีบปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ ทำแบบนี้มันน่าเกลียดนะ”
ประท้วงพลางเหลือบมองหน้าฉินเพ่ยหรงพลาง และสีหน้าฉินเพ่ยหรงดูแย่หนักกว่าเดิม
เธอร้อนใจจนดิ้นหนักขึ้น จิ้นหยวนมองเธอดุๆ อย่างหมดความอดทน “หยุดดิ้นได้แล้ว!”
เสียงทุ้มต่ำแฝงรอยกรุ่นโกรธจนเธอตกใจสะดุ้งเฮือก ไม่กล้าดิ้นรนอีก ได้แต่ปล่อยให้เขาอุ้มเธอกลับขึ้นห้องแต่โดยดี
“คุณเป็นอะไรไปน่ะ?” เธอรีบถามทันทีหลังจากเขายอมปล่อยตัวเธอลง
เขาไม่ตอบ ได้แต่มองหน้าเธอนิ่ง
เธอขยับกายด้วยความกระวนกระวายใจ “ทำไมถึงมองฉันแบบนั้นล่ะคะ?”
แปลกจัง เธอทำตัวเป็นเด็กดีจะตาย ไม่ได้พูดอะไรที่ไม่ควรด้วย เหตุใดเขาจึงไม่พอใจเช่นนี้?
จิ้นหยวนเม้มริมฝีปาก “ทำไมเย็นนี้คุณถึงกินข้าวไม่ลง?”
“ฉันก็บอกแล้วนี่ว่ารู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย” แม้มันจะเป็นข้ออ้างที่จิ้นหยวนไม่เชื่อสักนิดก็เถอะ แต่เธอยังคงเลือกที่จะใช้มันอีกครั้ง
แต่พอเห็นสายตาเขาแล้วก็ต้องรีบแก้ตัวทันที “ฉันอารมณ์ไม่ค่อยดี ก็เลยไม่อยากกินข้าวน่ะ”
คราวนี้สายตาจิ้นหยวนอ่อนแสงลง เขาเอ่ยเสียงเบา “แล้วทำไมถึงไม่พูดตรงๆ ล่ะ?”
“ไม่พูดตรงๆ? คุณโกรธเรื่องนี้เหรอคะ?” เธอนิ่งอึ้งเล็กน้อย “นั่นคุณแม่ของคุณนะ ถ้าฉันพูดแบบนั้นจริงคุณก็คงไม่พอใจไม่ใช่หรือไง?”
เธอทั้งรู้สึกตื้นตันทั้งรู้สึกว่าเขาทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ “นั่นแม่คุณนะ ให้ตายฉันก็ไม่กล้าพูดแบบนั้นหรอกค่ะ”
เขาพ่นลมหายใจออกมา ลูบแก้มเธอเบาๆ “ผมเข้าใจความรู้สึกคุณ สบายใจเถอะ เดี๋ยวผมจะไปคุยกับคุณแม่เอง ให้ท่านเลิกยุ่งเรื่องของเราได้แล้ว”
“อืม” เธอพยักหน้าหงึกหงัก “ค่ะ ฉันรักคุณที่สุดเลย”
“ไม่ให้จูบเป็นรางวัลหน่อยเหรอ?” ความกรุ่นโกรธหายไปจากสายตา เหลือไว้เพียงรอยยิ้มในตาเท่านั้น
เธอชะงักเล็กน้อย ครุ่นคิดว่าควรให้รางวัลเขาหรือไม่ เขาลุกขึ้นยืน “โอเค ผมแค่ล้อคุณเล่นน่ะ ตอนนี้คุณแม่คงกำลังโกรธมาก ผมควรลงไปได้แล้ว”
พูดแล้วหมุนตัวเดินไปทางประตูห้อง เขาคิดๆ แล้วเอ่ยขึ้นใหม่ “คุณคงยังไม่อิ่ม เดี๋ยวผมให้คนส่งอาหารรสอ่อนๆ ขึ้นมาให้ คุณอยากกินอะไรไหม?”
เธอลูบหน้าท้องป้อยๆ เพิ่งค้นพบว่าเวลาที่ไม่ต้องเผชิญหน้ากับฉินเพ่ยหรง ทำให้เธออยากอาหารขึ้นมาจริงๆ ด้วย ได้ยินเขาถามเช่นนั้นแล้วจึงครุ่นคิดชั่วครู่ “ถ้างั้นฉันขอเป็นบะหมี่ก็แล้วกันค่ะ”
เขาพยักหน้าแล้วหมุนตัวเดินออกจากห้อง
ห้องนอนตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
เธอถอนหายใจยาวแล้วล้มตัวลงบนเตียง
หวังว่าจิ้นหยวนจะเกลี้ยกล่อมฉินเพ่ยหรงสำเร็จนะ ขืนปล่อยให้ฉินเพ่ยหรงมาที่นี่ทุกวัน ต่อไปเธอจะใช้ชีวิตอย่างไร?
ขณะที่กำลังคิดสรตะอยู่นั้น จู่ๆ เสียงโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น เธอหยิบมันขึ้นมาดู เห็นว่าคุณแม่ตนเป็นคนโทรมาจึงกดรับสายทันที