ตอนที่ 520 เหลวไหล
น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยการข่มขู่ ราวกับว่าถ้าวังชิงยังกล้าพูดออกมาอีกละก็จะต้องถูกเขาระเบิดใส่แน่ๆ
แต่ตอนนี้วังชิงเองก็เหมือนไม่มีอะไรจะเสียแล้วเหมือนกัน สีหน้าของเขาในตอนนี้ไม่ได้มีความกลัวเลยแม้แต่น้อย เขามองมาที่ตนแล้วค่อยๆพูดออกมา “ผมจำขึ้นมาได้ว่า เอกสารชุดนั้นยังมีใครอีกคนที่ได้เห็นมันครับ และคนนั้นก็คือภรรยาของท่านเอง”
“เหลวไหล!” สีหน้าของจิ้นหยวนดุโมโหสุดๆ โกรธจนโยนเอกสารใส่ตัวของเขา
วังชิงก็ไม่คิดที่จะหลบ ยินยอมที่จะปล่อยให้เอกสารพวกนั้นฟาดลงบนตัว “ที่จริงผมนึกขึ้นได้ตั้งนานแล้ว แต่เป็นเพราะกังวลเรื่องความคิดของท่านจึงเลือกที่จะไม่พูดออกมา”
“แล้วตอนนี้ถึงกล้าที่จะมาพูดล่ะ?” จิ้นหยวนถามอย่างเยือกเย็น
แน่นอนว่าตนไม่เชื่อว่าเฉียวซือมู่จะทำเรื่องแบบนั้น ต้องเป็นเพราะตัวเขานั่นแหละที่พูดเหลวไหล ตั้งใจที่จะพูดใส่ร้ายคนอื่น
แต่ว่าในใจลึกๆของเขาเองก็เข้าใจดี การที่วังชิงกล้าที่จะมาพูดอะไรแบบนี้ต่อหน้าตน ยังไงก็ต้องมีหลักฐานแน่ๆ
แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ วังชิงพูดกับเขาอย่างใจเย็น “นั่นก็เพราะผมคิดว่าถ้าผมไม่พูดออกมาละก็ หัวหน้าหลินจะต้องเบนความสงสัยมาที่ตัวผมแน่ๆ ดังนั้นในเมื่อท่านบอกว่าท่านเชื่อผม แต่เสียงของคนหลายๆคนก็สามารถเปลี่ยนเรื่องถูกให้กลายเป็นผิดได้ ถ้าหากว่าหัวหน้าหลินพลาดละก็ ชื่อของผมก็คงไม่เหลืออีก”
สิ่งที่เขาพูดก็มีเหตุผล กระแสสังคมของคนในตอนนี้ แค่มีจุดด่างพร้อยบนตัวคนๆหนึ่ง คนๆนั้นก็จะถูกพูดลับหลังไปตลอดชีวิต และมันก็จะส่งผลต่อชีวิตและการงานในอนาคตอย่างใหญ่หลวง
พอเขาคิดได้แบบนั้นก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอีก
จิ้นหยวนไม่สนใจ ยังคงมองไปที่เขาด้วยสายตาเย็นยะเยือก “ทางที่ดีเวลาคุณจะพูดอะไรจะต้องมีเหตุมีผล ไม่อย่างนั้นละก็ผมคงคิดว่าคุณมีเจตนา ถึงตอนนั้นไม่สนว่าคุณจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือเปล่า แต่ผมก็จะมีบทเรียนให้คุณแน่!”
วังชิงเงยหน้ามองเขา “ถ้าหลักฐานก็คงพูดอะไรไม่ได้ แต่ยังจำหลายวันก่อนหน้านี้ได้ไหมครับ วันที่นายหญิงมาที่บริษัทด้วย?”
จิ้นหยวนหน้าเครียด “พูดต่อไป”
วังชิงสูดหายใจเข้า “ที่จริงเรื่องนั้นก็เหมือนเป็นแค่เรื่องเล็กๆ ครั้งนั้นที่หัวหน้าหลินจะเข้ามาในห้องของท่าน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เข้า ได้แต่ยืนอยู่ที่หน้าประตูแล้วพูดอะไรไม่นานก็ออกมา พวกเราที่เป็นเลขาต่างก็จำเรื่องนั้นได้อย่างชัดเจน”
เรื่องนั้นจิ้นหยวนเองก็จำได้ ตอนนั้นตัวเองอยากแกล้งเฉียวซือมู่ จึงตั้งใจล็อคประตูห้องเอาไว้ แต่หลังจากนั้นก็ถูกเธอจับได้และปลดล็อคประตูออก หลินจื้อเฉิงไม่ทันระวังก็เปิดประตูเข้ามา แล้วดันได้เห็นฉากสวีทของพวกเขาพอดี เพราะงั้นเฉียวซือมู่ถึงได้โมโหอยู่พักหนึ่ง
“หลักจากนั่นสักพัก นายหญิงก็ออกมากจากห้อง แล้วพูดอะไรกับพวกเรานิดหน่อย จากนั้นก็เดินออกไป แต่ว่าตอนที่นายหญิงกำลังจะเดินไป เอกสารที่เตรียมจะนำเข้ามาให้ท่านก็ถูกนายหญิงชนเข้าจนตกลงพื้น นายหญิงเก็บมันขึ้นมาแล้วกวาดตาดูเล็กน้อย จากนั้นก็คืนให้ผมครับ” วังชิงตอบกลับ
จิ้นหยวนรี่ตาลง แววตาเต็มไปด้วยสัญญาณอันตราย “พูดจบหรือยัง?”
จิ้นหยวนยิ้มเย็น “แค่เรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้ก็จะเอามาใส่ความแล้วอย่างนั้นหรือ? แค่เวลาไม่กี่วินาทีเธอจะจำตัวเลขที่มากขนาดนั้นได้ยังไงกัน? คุณคิดว่าเธอเป็นเด็กอัจฉริยะที่แค่กวาดตามองก็จำได้หมดงั้นเหรอ? อีกอย่าง เธอเป็นภรรยาของฉัน ฉันเชื่อว่าเธอไม่มีทางทำอะไรแบบนั้นแน่ๆ”
วังชิงรนขึ้นมา พออ้าปากกำลังจะพูดอะไร กลับถูกจิ้นหยวนขว้างปากกาใส่ มันตกลงบนหัวของเขาพอดิบพอดี จิ้นหยวนเองก็ใส่แรงขว้างด้วยความโกรธ หน้าผากของเขามันบวมขึ้นมา เจ็บจนต้องรีบหุบปากลง
ตอนที่ 521 ผมเชื่อใจเธอ
“คุณยังอยากจะพูดอะไรอีกไหม? หรือว่าจะพูดต่อว่าเธอน่าสงสัย? ผมขอบอกคุณเอาไว้เลยนะ ต่อให้ผมจะต้องสงสัยคนทั้งบริษัทแต่ผมก็ไม่มีทางที่จะสงสัยเธอแน่นอน! ถือว่าคุณอยากจะหลุดพ้นจากข้อสงสัยจนต้องพูดเรื่องเหลวไหล ผมจะไม่เอาเรื่องคุณ ไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้!” จิ้นหยวนระเบิดคำรามใส่วังชิงอย่างโมโห
เฉียวซือมู่เป็นผู้หญิงของเขา เป็นแม่ของลูกเขา เขาไม่มีทางเชื่อว่าเธอจะทำเรื่องแบบนี้ได้ ไม่มีทาง!
สีหน้าวังชิงดูแย่ขึ้นมาทันที เขาแตะมือลงบนรอยบวมบนหน้าผากก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องไป ไปถึงหน้าประตูแล้วปากมันก็ยังอดไม่ได้ที่จะพูด เขาหยุดเดิน “ท่านประธาน…”
“ออกไป!”
ครั้งนี้จิ้นหยวนนไม่อยากจะฟังเขาพูดอะไรอีก
วังชิงถอนหายใจ แล้วปิดประตูลง
ห้องกว้างขวางเหลือคนแค่คนเดียว สีหน้าบึ้งตึงราวกับจะระเบิดออกมาอีกเมื่อไหร่ก็ได้
เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทางที่จะเป็นเธอ
แต่ดูเหมือนว่าความเป็นจริงนั้นกำลังตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขา หลินจื้อเฉิงโทรมาบอกเขาว่า “ท่านประธาน ผมเจออะไรบางอย่าง”
“เจออะไร?” เขายังคงรู้สึกโมโห ความโมโหมันแล่นไปทั่วอกของเขา แต่ทว่าหลินจื้อเฉิงที่กำลังอารมณ์ดีอยู่นั้นไม่ทันได้สัมผัสได้
“ท่านประธาน พวกผมเจอรอยนิ้วมือหลายคนบนเอกสาร” หลินจื้อเฉิงรู้สึกภาคภูมิในความฉลาดของตัวเองเป็นอย่างมาก หลังจากที่ไปไล่ถามทุกคนที่เกี่ยวข้อง และค่อยๆมาไล่เรียงลำดับความน่าสงสัยแล้ว เอกสารที่มีบันทึกตัวเลขเอาไว้มากมายก็เผยช่องโหว่ออกมาเสียที
เขาตั้งใจหาผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้มาโดยเฉพาะ นำเอกสารไปชันสูตร ค่อยๆแกะลายนิ้วมือที่มีอยู่มากมายออกมา หลังจากนำมารวบรวมแล้ว ก็พบว่ามีรอยนิ้วมือของคนแปลกหน้าเต็มไปหมด เขาดีใจเนื้อเต้นจนต้องรีบโทรมาบอกเรื่องนี้กับจิ้นหยวน
แต่ทว่าจิ้นหยวนกลับสาดน้ำเย็นจนเขาตื่นจากฝัน “นั่นคงจะเป็นลายนิ้วมือของมู่มู่ วังชิงมาบอกฉันแล้ว เอกสารนั่นมันตกพื้น เธอเห็นก็เลยช่วยเขาเก็บ”
หลินจื้อเฉิงรู้สึกผิดหวังขึ้นมาทันที จากนั้นก็ไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรอีก
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง ดีใจเก้อสินะเนี่ย…”
เขาเองก็รู้จักกับเฉียวซือมู่ในระดับหนึ่ง แน่นอนว่าเขาเองก็ไม่ได้สงสัยอะไรในตัวเธอ ก็แค่บ่นกับตัวเองเท่านั้น
ฝั่งเพื่อนที่กำลังช่วยตรวจสอบลายนิ้วมืออยู่ก็สังเกตเห็นท่าทีที่ดูแปลกไป จึงช้อนตาถามเขา “เป็นไร? ต้องตรวจต่อไหมเนี่ย?”
หลินจื้อเฉิงคิด แล้วกัดฟันพูดออกไป “ตรวจต่อ”
ถ้าหากว่ามีร่องรอยอะไรอีกล่ะ? ถ้าหากว่ารอยนิ้วมือนั่นมันเป็นของคนอื่น?
ผู้เชี่ยวชาญเก็บลายนิ้วมือเข้าคอมพิวเตอร์ จากนั้นก็เริ่มทำการเทียบรอยนิ้วมือ หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมงก็ได้ผลออกมา แล้วมันก็เป็นอย่างที่จิ้นหยวนบอก รอยนิ้วมือนั่นเป็นของเฉียวซือมู่จริงๆ
เขาพูดออกมาอย่างหมดหวัง ถอนหายใจแล้วส่ายหน้า “ทั้งที่มีความหวังแล้วกลับต้องผิดหวัง นี่มันช่างแสนเจ็บปวดจริงๆนะ…”
เพื่อนผู้เชี่ยวชาญที่นั่งอยู่ข้างๆก็เหมือนว่าจะยังไม่ยอมแพ้ ยังคงทำการพิสูจน์ไปเรื่อยๆ พลางถามเรื่องสายที่โทรคุยเมื่อครู่อีกด้วย เขาเองก็ไม่ปิดบัง พูดออกไปตรงๆ
ผู้เชี่ยวชาญฟังแล้วก็พยักหน้า ทำการตรวจสอบอย่างละเอียด แม้แต่ลายเส้นสักเส้นก็ไม่ปล่อยให้เล็ดลอดสายตาไป
ไม่นานนัก จู่ๆเขาก็ขมวดคิ้วแล้วเรียกหลินจื้อเฉิงขึ้นมา “เหมือนว่าจะมีอะไรแปลกๆนะ…”
หลินจื้อเฉิงยืดตัวตรงขึ้นมาทันที
ตอนนี้เฉียวซือมู่กำลังทำอะไรอยู่กันนะ?
กำลังคุยกับฉีหย่วนเหิงไงล่ะ
หลังจากคืนนั้นที่ได้ติดต่อกัน ความสัมพันธ์แบบเพื่อนระหว่างเธอกับฉีหย่วนเหิงก็ค่อยๆสร้างตัวขึ้นมาอีก แน่นอนว่าพูดแบบนั้นอาจจะไม่ถูกต้องเท่าไร ที่จริงระหว่างพวกเขาไม่เคยแตกหักกันเสียหน่อย ก็แค่การหนทางการติดต่อของฉีหย่วนเหิงมันขาดไปช่วงหนึ่งเท่านั้นเอง
ตอนนี้ในทุกๆวันเธอก็ไม่ค่อยมีอะไรทำอยู่แล้ว งานอดิเรกที่ชอบทำอยู่อย่างเดียวก็คือการเขียนบทความและวิจารณ์งานเท่านั้น เจอคนที่มีความสนใจเหมือนกันและได้พูดคุยกันบ้าง ผลัดๆกันชมบ้าง