ตอนที่ 522 พูดให้ฉันฟัง
ก่อนหน้านี้ ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆฉีหย่วนเหิงถึงได้ไปเจอการเคลื่อนไหวของเธอเข้าบนอินเทอร์เน็ต แถมยังตั้งใจสมัครแอคเค้าท์เพื่อเข้าใกล้เธอมากขึ้น แล้วเขาก็ได้พูดคุยกับเธอผ่านอินเทอร์เน็ตมากพอสมควร
ตอนแรกเฉียวซือมู่ก็ไม่ได้ทันสังเกต แต่หลังจากนั้นก็เริ่มรู้สึกว่า เอ๊ะ ทำไมภาพแอคเค้าท์ของคนๆนี้มันช่างคุ้นตาจริง?
และฉีหย่วนเหิงเองก็ไม่ได้คิดที่จะปิดบังเธอ บอกความจริงออกไป เฉียวซือมู่ถึงได้รู้ว่าที่แท้ก็เป็นเพื่อนของเธอนี่เอง ดีใจจนคุยกับเขาต่ออย่างอารมณ์ดี
แต่ก่อนฉีหย่วนเหิงเองก็เคยทำนิตยสารมาก่อน แถมยังประสบความสำเร็จทางด้านนี้อีกด้วย ทำให้ตัวเขาเองก็ยังมีความชำนาญทางด้านภาษาวรรณกรรมอยู่ บทความของเฉียวซือมู่เขาเองก็สามารถที่จะวิจารณ์ชื่นชมและให้คำแนะนำในจุดที่ยังไม่ดีพอได้ ทำให้เธอรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก
พวกเขาก็ไม่ได้คุยเรื่องอื่นกันเลย คุยแค่เรื่องข่าวสารและสถานการณ์ทั่วไปเท่านั้น บางครั้งก็ช่วยกันวิจารณ์บทความ ทำให้เฉียวซือมู่คิดว่าวันเวลาที่ผ่านไปช่างมีความสุขจริงๆ
เป็นแบบนั้นอยู่หลายวัน จนอยู่มาคืนหนึ่ง จิ้นหยวนกลับบ้านมาด้วยสีหน้าที่ดูไม่สู้ดีนัก
เธอเห็นแบบนั้นจึงเอ่ยถามขึ้นอย่างเป็นห่วง “เป็นอะไรไปคะ? งานที่บริษัทไม่ค่อยราบรื่นหรือ?”
ช่วงนี้เธอเองก็ไม่ได้ไปที่บริษัท แต่ว่าก็พอได้ยินมาบ้างว่าตอนนี้กำลังเกิดปัญหาขึ้น ตอนแรกเธอก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่ตอนนี้พอเห็นแล้วดูท่าว่าจะหนักหนามากสินะ?
จิ้นหยวนพยักหน้า คลึงนิ้วลงบนคิ้วอย่างเหนื่อยล้า สีหน้าที่ไม่ค่อยได้เห็นเผยขึ้นบนใบหน้าของเขา
เธอเห็นแบบนั้นแล้วก็รู้สึกใจไม่ดี เดินไปหยุดข้างหน้าเขาแล้วยื่นผ้าร้อนให้เขาเช็ดหน้าเช็ดตา จากนั้นก็รินชาใส่แก้วให้เขาอย่างกระตือรือร้น และจบลงด้วยการนวดไหล่ให้เขาอย่างเอาใจ
จิ้นหยวนเห็นเธอเอาใจใส่แบบนี้แล้ว มุมปากก็ค่อยๆยกยิ้มขึ้นจางๆ และยกมือขึ้นตบๆลงบนหลังมือของเธอโดยไม่พูดอะไร
เธอคิดๆ ก่อนจะพูดออกไปเบาๆ “มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่คะ คุณลองบอกฉันหน่อยสิ บางทีฉันอาจจะช่วยอะไรคุณได้นะ?”
เขามองตาเธอ “เรื่องนี้มันค่อนข้างซับซ้อนน่ะ”
“ลองพูดก่อนสิคะ” เห็นท่าทางแบบนั้นของเขาแล้ว เฉียวซือมู่ก็เริ่มที่จะเกิดความสนใจขึ้นมา รู้จักเขามาตั้งนานแต่มีไม่กี่ครั้งเท่านั้นที่จะเห็นเขาขมวดคิ้วขนาดนี้
จิ้นหยวนถอนหายใจออกมา “ผมสงสัยว่าในบริษัทตัวเองมีสายลับอยู่ ข้อมูลเอกสารการประมูลฉบับหนึ่งของเราถูกใครบางคนปล่อยออกไป”
เธอตกตะลึงไปในทันที “สายลับ?”
คงไม่ใช่สายลับแบบที่เธอคิดใช่ไหมเนี่ย?
เขาเห็นแบบนั้นแล้วก็รู้ได้ทันทีว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ จึงเคาะลงบนศีรษะของเธออย่างไม่พอใจ “ผมหมายถึงสายลับทางธุรกิจ เป็นพวกที่ชำนาญในการขโมยข้อมูลทางธุรกิจต่างหากครับ”
เธอยิ้มแหย ยกมือขึ้นกุมหัวเอาไว้ “ก็ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนนี่คะ ไม่รู้จักเสียหน่อย”
จิ้นหยวนจ้องเธอครู่หนึ่ง “โง่จริงๆ ดูท่าถึงจะบอกอะไรคุณไปก็คงไม่มีประโยชน์ล่ะนะ”
“ก็ไม่แน่นะคะ บางทีฉันอาจจะรู้ก็ได้?” เธอไม่ยอมแพ้ ไม่ว่ายังไงก็จะให้เขาพูดให้ฟัง
อย่างน้อยเธอก็ยังมีประสบการณ์จากการเป็นนักข่าวในก่อนหน้านี้ เธอน่ะมีความอยากรู้เยอะมาก
จิ้นหยวนทำอะไรได้ จึงเล่าคร่าวๆให้เธอฟัง
เธอฟังแล้วก็ทำหน้าครุ่นคิด “คุณกำลังบอกว่าให้คนตรวจสอบมาหลายวันแล้วแต่ก็ยังหาคนที่น่าสงสัยออกมาไม่ได้อย่างนั้นหรือคะ?”
“ครับ” พอนึกขึ้นมาเขาก็รู้สึกโมโหขึ้นมา “เลี้ยงเอาไว้ตั้งหลายคนกลับไร้ประโยชน์กันหมด หาอะไรไม่ได้เลยสักคนเดียว”
“ดูท่าคนๆนั้นจะต้องฉลาดมากๆเลยนะคะเนี่ย จัดการลบร่องรอยออกทั้งหมดเลย” เธอบ่นออกมา
จิ้นหยวนลอบมองเธอครู่หนึ่ง พยักหน้าโดยไม่พูดอะไร พอลุกขึ้นก็เหลือบไปเห็นคอมพิวเตอร์ของเธอ สายตาที่มองไปมันผ่านไปแค่แวบเดียวเท่านั้น ไม่ได้หยุดจ้องมันตรงๆ เขาคว้ามือเธอขึ้นมา “ไปเถอะ พวกเราไปทานมื้อค่ำกันดีกว่าครับ”
เธอพยักหน้า แล้วเอื้อมมือไปพับหน้าจอคอมพ์ลง
ที่จริงเรื่องพวกนี้เธอฟังไปก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี ในบริษัทคนก็เยอะขนาดนั้นแต่ก็ยังหาอะไรไม่ได้ แค่เธอฟังก็เห็นจุดที่น่าสงสัยแล้ว แต่ดูท่าจิ้นหยวนคงไม่มีทางเชื่อหรอก เพราะงั้นเธอจึงปล่อยเรื่องนี้ไป ไม่ได้คิดว่ามันเป็นเรื่องของตัวเอง
ตอนที่ 523 เธอเองก็น่าสงสัย
จิ้นหยวนไม่ได้พูดอะไร นอกจากจะพูดน้อยและนิ่งเงียบกว่าปกติแล้ว อย่างอื่นก็ไม่ได้มีอะไรแปลกไป
เฉียวซือมู่ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าท่าทางของเขาได้เปลี่ยนไป ยังคงเอาแต่เล่าเรื่องสนุกต่างๆที่ตัวเองได้เจอบนอินเทอร์เน็ต จิ้นหยวนขมวดคิ้ว “ตอนนี้ร่างกายคูรไม่เหมือนเดิมแล้วนะ เล่นคอมพ์ให้น้อยๆลงหน่อยเถอะ”
เธอรีบเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ “ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ ฉันถามหมอแล้วเรียบร้อย”
จิ้นหยวนพยักหน้า และไม่ได้พูดอะไรอีก
และครั้งนี้มันก็ทำให้เธอสังเกตท่าทีที่เปลี่ยนไปของเขาได้ แต่ก็ยังคิดว่าคงเป็นเพราะเรื่องในบริษัทที่ทำให้เขาอารมณ์ไม่ดี จึงคิดหาวิธีคืนนี้จะทำอะไรให้เขารู้สึกดีขึ้นมาดีนะ
หลังจากทางมื้อค่ำเสร็จจิ้นหยวนก็ไปทงานต่อที่ห้องหนังสือตามปกติ โดยปกติแล้วเธอเองก็จะไปอยู่กับเขา ก่อนหน้านี้ต่างฝ่ายต่างก็เล่นคอมพิวเตอร์ของตัวเองไป และวันนี้เธอก็คิดว่าเป็นแบบนั้นเช่นกัน
แต่พอนั่งได้ไม่เท่าไหร่ จิ้นหยวนก็กวักมือเรียกเธอ “ช่วยมานี่เดี๋ยวสิครับ เอาคอมพิวเตอร์ของคุณมาให้ผมดูด้วย”
“ทำไปล่ะคะ?” เธอแปลกใจ “คอมพิวเตอร์ของคุณเสียเหรอ?”
พูดจบก็ชะโงกหน้าเข้าไปดู ก็พบว่าหน้าจอก็ยังดูปกติดี
“เอามาให้ผมก็พอครับ”
เธอบึนปากอย่างไม่พอใจ แต่ก็ยื่นให้เขาอยู่ดี
เธอกระพริบตาปริบๆมองเขา เห็นเขาเสียบสายยูเอสบีเชื่อมคอมพ์ทั้งสองเข้าด้วยกัน จากนั้นก็ลงโปรแกรมบางอย่างลงไป หน้าจอคอมพิวเตอร์ของเธอกระพริบอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกลับมาเป็นเหมือนเดิม
เขาดึงสายยูเอสบีออก แล้วส่งคืนให้เธอ “เสร็จแล้วครับ”
เธอกระพริบตา ไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าเขากำลังทำอะไร
เขาก้มหน้าลงไปเหมือนเดิม เหมือนกับว่าไม่ได้ต้องการที่จะอธิบายให้เธอฟัง
เห็นแบบนี้แล้ว ถึงแม้ว่าเธอจะอยากถามแค่ไหนเขาก็คงไม่คิดที่จะตอบออกมาแน่ๆ
ช่างเถอะ เห็นแก่ว่าคืนนี้เขาอารมณ์ไม่ดีก็แล้วกัน
เธอก้มหน้าล็อกอินเข้าเว็บไซต์ใหม่อีกครั้ง และทำเรื่องของตัวเองต่อไป
สายตาของจิ้นหยวนประกายขึ้น มือที่จับเม้าส์อยู่เลื่อนไปมาเล็กน้อย จากนั้นบนหน้าจอก็ปรากฏตารางบางอย่างที่เต็มไปด้วยตัวหนังสือและช่วงเวลาขึ้นมา ดูแล้วเหมือนกัยบันทึกการคุยของคนสองคน
สีหน้าของเขานิ่งขรึมขึ้นมาทันที นั่งจ้องไปยังหน้าจอโดยไม่ส่งเสียงอะไรแม้แต่น้อย
เธอเองก็ไม่ได้รู้สึกอะไรสักนิด ยังคงก้มหน้าก้มตาจัดการเรื่องของตัวเองไป พอเห็นว่าดึกแล้ว จึงเอ่ยถามขึ้น “คุณทำงานเสร็จหรือยังคะ ฉันง่วงแล้ว”
จิ้นหยวนชะงักไป แล้วค่อยๆตอบกลับ “คุณไปนอนก่อนเลย ผมยังมีสิ่งที่ต้องทำอีกนิดหน่อย”
ตั้งแต่ที่เธอตั้งครรภ์ก็ขี้เซาขึ้นเยอะ พอได้ยินเขาพูดแบบนั้นแล้วก็ไม่คิดอะไรมาก ลุกขึ้นแล้วพูดว่า “อย่างนั้นฉันขอไปนอนก่อนนะคะ คุณเองก็อย่าทำจนดึกไปล่ะ”
หลังจากที่เธอพบว่าเขาเป็นพวกบ้างาน เธอจึงไม่คิดที่จะบอกให้เขาไปเข้านอนในขณะที่เขาทำงานอยู่อีก เพราะว่าการทำแบบนั้นคงไม่มีประโยชน์อะไร
จิ้นหยวนมองตามแผ่นหลังเธอไปเงียบๆ จากนั้นก็เลื่อนสายตากลับมาที่หน้าจอคอมพิวเตอร์เหมือนเดิม บนหน้าจอแต่ละบรรทัดนั้นล้วนแล้วเป็นบทสนทนาของเธอและฉีหย่วนเหิงที่มีเวลากำกับไว้อย่างชัดเจน และมีทุกวัน
เขานึกถึงวันที่หลินจื้อเฉิงเอาหลักฐานมาให้เขาดูพร้อมกับคำพูดเหล่านั้น รู้สึกแค่ว่าในอกมันอัดแน่นจนแทบจะระเบิดออกมาให้ได้ แต่ก็ไม่สามารถระบายออกมาได้เสียที
หลินจื้อเฉิงพูดกับเขาอย่างรู้สึกไม่ดี “ท่านประธาน ผมว่า…ดูเหมือนพี่สะใภ้เองก็น่าสงสัยเหมือนกันนะครับ”
เขามองอีกฝ่ายด้วยแววตาเรียบเฉย “แกคิดว่าฉันจะเชื่องั้นหรอ? เธอเป็นภรรยาของฉันนะ แล้วเจตนาของเธอคืออะไรกันล่ะ? ทำไมจะต้องทำแบบนั้น? ลองบอกเหตุผลฉันมาสักข้อสิ?”
หลินจื้อเฉิงลูบหน้าตัวเอง สีหน้าดูลำบากใจไม่น้อย “ผมไม่รู้เหตุผลหรอก แต่ผลที่ตรวจสอบมันออกมาแบบนี้จริงๆ ผมเองก็ไม่ได้อยากจะใส่ร้ายใคร แต่หลักฐานมันก็อยู่ตรงหน้านี้แล้ว มันก็อดไม่ได้ที่ผมจะเชื่อแบบนั้นนะครับ”
“หลักฐานอะไร?” หลังจากจ้องเขาด้วยสายตาเย็นๆมาตลอด จิ้นหยวนก็เอ่ยถามขึ้น