ตอนที่ 526 เขายังมีใจให้กันบ้างไหม?
เธอส่ายหน้า แล้วค่อยๆนั่งลงเหมือนเดิม ในใจมันเริ่มเข้าใจขึ้นมาแล้ว ว่าตัวเองคงจะถูกคิดร้ายแน่ๆ
เธอมองไปที่จิ้นหยวน เอ่ยและยิ้มด้วยความสิ้นหวัง “คุณกำลังสงสัยฉันจริงๆงั้นเหรอ? ทั้งที่ในท้องของฉันก็มีลูกของคุณอยู่ คุณคิดว่าฉันโง่มาก ถึงขนาดทำร้ายพ่อของลูกเลยอย่างนั้นหรือ?”
คิ้วของจิ้นหยวนกระตุก สีหน้าดูเหมือนจะอ่อนลงเล็กน้อย พอกำลังจะพูดอะไร มือถือของเฉียวซือมู่ก็ดังขึ้นมา
ทั้งสองคนก้มลงมอง ก็พบว่าบนหน้าจอนั่นมันปรากฏตัวอักษรสามตัวว่า ‘ฉีหย่วนเหิง’
สีหน้าของเฉียวซือมู่และจิ้นหยวนเปลี่ยนในทันที เฉียวซือมู่ดูตื่นตระหนก ไม่ว่าตอนนี้เธอจะใจเย็นแค่ไหน แต่ในเวลาแบบนี้ฉีหย่วนเหิงก็ยังโทรมาสร้างความวุ่นวายอีก มันไม่เพียงแต่ทำให้เฉียวซือมู่แปลกใจว่าเขามีตาทิพย์หรือเปล่า ถึงได้กำลังเห็นว่าพวกเขากำลังทะเลาะกันเพราะตัวเองอยู่
แต่เหตุผลมันก็ยิ่งง่ายที่จิ้นหยวนจะโมโหขึ้นมา ท่าทางที่ดูอ่อนลงเมื่อครู่กลับมาลุกโชนอีกครั้ง เขากดวางสายทันที กัดฟันแน่มองไปที่เฉียวซือมู่ สีหน้าแววตาที่ดูอันตรายทำเอาเธอใจฝ่อไปหมด “นี่คือเพื่อนธรรมดาที่คุณพูดถึงเหรอ? เพื่อนปกติที่ไหนมันจะโทรมาดึกขนาดนี้?”
เธอเม้มปาก รู้สึกหงุดหงิดที่ฉีหย่วนเหิงโทรมาในเวลาแบบนี้ แต่ปากมันก็ยังไม่อยากยอมแพ้ “บางทีอาจจะมีเรื่องสำคัญอะไรก็ได้นี่?”
จิ้นหยวนที่ถึงตอนนี้แล้วก็ยังเห็นเธอเอาแต่เถียงข้างๆคู ความโกรธในใจมันก็เพิ่มขึ้นมาอีก มือที่ถือมือถือเอาไว้เขวี้ยงมันเข้าใส่กำแพงอย่างแรง
เฉียวซือมู่กรีดร้องขึ้นอย่างตกใจ
มือถือกระทบเข้ากับกำแพงดัง ‘ปัก’ ตัวเครื่องแตกกระจายร่วงหล่นลงพื้น
ไม่เหลือเค้าโครงเดิมของมันอีก
เธอโกรธจนสั่นไปทั้งร่าง จ้องมองไปที่จิ้นหยวนโดยที่พูดไม่ออกเลยสักอย่าง
ทำไมกัน ทำไมเขาถึงต้องเป็นแบบนี้ตลอดเลย? ทำไม ทำไมเขาไม่เคยเชื่อใจเธอเลยล่ะ?
เขายังมีใจให้กันบ้างไหม?
แล้วลูกล่ะ?
เธอคิดถึงตรงนี้ขึ้นมาก็รู้สึกกลัวไปหมด การกระทำเมื่อครู่นี้ของเขามันมุทะลุมาก คงไม่ได้ทำให้ลูกต้องเจ็บใช่ไหม?
เธอยกมือขึ้นลูบลงบนท้องตัวเองอย่างไม่รู้ตัว และพบว่าบริเวณนั้นยังคงอ่อนนุ่มเหมือนเดิม ดูเหมือนว่าการกระทำของเขาในวันนี้คงไม่ได้ส่งผลอะไรกับเด็กสินะ เธอมองเขาอย่างสับสน แล้วก็คิดขึ้นมาได้ว่า ถึงแม้ว่าการกระทำของเขาจะดูบุ่มบ่าม แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้แตะต้องอะไรที่ท้องของเธอ
ความเข้าใจแบบนั้นมันเข้ามาในหัวของเธอ ไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังรู้สึกอย่างไรอยู่กันแน่
จึงทำได้แค่ลอบถอนหายใจออกมาเงียบๆ จากนั้นก็หลับตาลง
เมื่อแสงอรุณของอีกวันสาดส่องลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้อง จิ้นหยวนเปิดตาขึ้น เพราะก่อนหน้านี้เข้มงวดกับตัวเองมาโดยตลอดทำให้ถึงแม้ว่าเมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็เช้ามืดแล้ว แต่พอรุ่งขึ้นอีกวันเขาก็ยังคงตื่นเช้าตรงเวลาเหมือนเดิม
เขากวาดตาไปมองหญิงสาวที่นอนอยู่ข้างกาย ถึงแม้ว่าแสงมันจะน้อย แต่ก็ยังสามารถเห็นรอยบวมช้ำที่อยู่ใต้ตาของเธอได้อย่างชัดเจน
เขายื่นนิ้วมือไปแตะมันเบาๆ เธอขดตัวหนี ก่อนจะเปลี่ยนท่าหันไปทางอื่น
เขาชะงักไป และลุกลงจากเตียง
หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว เขาก็เปลี่ยนมาใส่สูทและเซตผมเรียบร้อย ทำให้ใครก็มองไม่ออกว่าคนที่ใจร้ายโหดเหี้ยมเมื่อคืนนั้นจะเป็นคนๆเดียวกันกับชายหนุ่มที่สง่างามและมีมารยาทตรงหน้า
เขายืนนิ่งมองเธออยู่หน้าเตียง เห็นเธอที่ทั้งๆกำลังหลับฝันแต่ก็ยังขมวดคิ้วแบบนั้นแล้ว ก็เผลอยื่นมือออกไปหวังที่จะช่วยคลายให้ แต่ก็ห้ามตัวเองเอาไว้ และหมุนตัวเดินออกจากห้อง
แต่เขาไม่รู้เลย ทันทีที่เขาเดินออกไปจากห้อง เธอก็ลืมตาขึ้นมา
หลังจากฝันร้ายมาทั้งคืน ความหวาดระแวงในตัวมันก็เพิ่มขึ้นถึงขีดสุด ถึงแม้ว่าการกระทำของจิ้นหยวนจะเงียบแค่ไหนแต่ก็ไม่สามารถรอดผ่านความระวังตัวไปได้
ก็แค่แกล้งหลับเพราะไม่อยากเห็นเขาเท่านั้น
‘ปัง’ สิ้นเสียงปิดประตู ความอุ่นร้อนสุดท้ายที่เหลืออยู่ในห้องก็จางหายไป ดวงตาของเธอมันแสบไปหมด วินาทีนั้นน้ำตาของเธอหลั่งไหลออกมาอีกครั้ง
เธอยกผ้าห่มขึ้นคลุมโปง และร้องไห้ออกมาเต็มที่
จิ้นหยวนยืนนิ่งอยู่ที่หน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาได้ยินเสียงร้องไห้ที่เต็มไปด้วยความอึดอัดนั่นแล้วก็ได้แต่หลับตาลงเบาๆ จากนั้นก็หมุนตัวเดินลงไปชั้นล่างทันที
ผู้ดูแลบ้านยืนอยู่ข้างๆโต๊ะอาหาร พอเห็นว่าเขาเดินมาเพียงคนเดียว ก็ลอบมองไปด้านหลังเขาเงียบๆ ไม่ได้พูดอะไรออกไป
จิ้นหยวนนั่งลงที่โต๊ะทานอาหาร ตรงหน้ามีอาหารที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆตั้งรอเอาไว้เรียบร้อย ขนมปังไข่ดาวนมสดและอย่างอื่นอีกมากมาย แววตาของเขามันหม่นลงเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้นกับเขา “วันนี้นายหญิงไม่ค่อยสบาย อาจจะไม่ลงมาทานมื้อเช้า” พูดจบก็เงียบไปครู่หนึ่ง “ถ้าเกิดว่านานเกินไปแล้วยังไม่ลงมา ก็ขึ้นไปดูเธอด้วย มีเรื่องอะไรให้โทรหาผม”
ตอนที่ 527 ผู้มาเยือนที่ไม่หวังดี
ผู้ดูแลบ้านก้มตัวลงตอบรับ
ที่จริงสถานการณ์แปลกๆที่เกิดขึ้นเมื่อคืนระหว่างจิ้นหยวนและเฉียวซือมู่ก็ไม่ได้เล็ดลอดสายตาของตนไป แต่ว่ายังไงเขาก็เป็นแค่คนรับใช้ ไม่ได้เป็นอะไรกับพวกเขา ดังนั้นไม่ว่าจะรู้อะไรก็ต้องทำเป็นไม่รู้ ส่วนมากก็ทำได้แค่แอบเห็นใจเฉียวซือมู่อยู่เงียบๆในใจ
เฉียวซือมู่เองก็ไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ จนกระทั่งรู้สึกว่าตัวเองร้องไห้จนปวดตาไปหมด ถึงได้ค่อยๆผล็อยหลับไป
หลังจากนั้น เธอก็ถูกเสียงเคาะประตูปลุกขึ้นมา
เธอพลิกตัว พอจะเปิดตาขึ้นมาก็พบว่าตาตัวเองมันเหมือนมีกาวน้ำติดอยู่เสียอย่างนั้น จะเปิดยังไงก็เปิดไม่ออกสักที
ในใจของเธอเกิดความรู้สึกแปลกๆบางอย่างขึ้นมา จึงพลิกตัวลงจากเตียงโดยที่ไม่สนใจเสียงเคาะประตูนั่น และเลือกที่จะเดินเข้าห้องน้ำเพื่อส่องกระจก
ยืนนิ่งไปก่อนจะถอนหายใจออกมา
ตาของเธอมันบวมจนเหมือนกับลูกท้อไปเสียแล้ว แถมยังเป็นลูกท้อที่สุกจนสามารถเก็บกินได้อะไรแบบนั้น ทั้งแดงทั้งเปล่ง มิน่าเธอถึงรู้สึกเหมือนลืมตาไม่ขึ้น แล้วบวมขนาดนี้จะมองเห็นอะไรได้ยังไง?
เธอรีบหาก้อนน้ำแข็งมาประคบไว้ จนกระทั่งรู้สึกดีขึ้นแล้ว ก็ดันได้ยินเสียงเคาะประตูขึ้นมาอีก
เธอขมวดคิ้วแล้วเดินไป มือก็ประคบตาไว้พลางเดินไปใกล้ๆประตู “ใคร?”
สาวรับใช้ที่อยู่หน้าประตูพูดขึ้นอย่างมีมารยาท “นายหญิง มีแขกมาพบค่ะ”
“ใคร?” เธอชะงักไปเล็กน้อย แล้วถามออกไป
“คุณนายค่ะ”
ร่างทั้งร่างของเธอเหมือนถูกแช่แข็ง พูดอะไรไม่ออกไปครู่ใหญ่
สาวรับใช้ที่ยืนรออยู่หน้าประตูรออยู่ครู่หนึ่งแล้วไม่ได้ยินเสียงตอบรับ จึงเอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจ “นายหญิง?”
เธอได้สติกลับมา แล้วตอบกลับ “ฉันรู้แล้ว บอกท่านว่าเดี๋ยวฉันจะรีบลงไป”
“รับทราบค่ะ”
เธอพิงหลังลงกับบานประตู พอได้ยินเสียงฝีเท้าของสาวรับใช้เดินออกไปแล้ว แต่ในใจของเธอกลับเหมือนถูกกรงเล็บมีฉีกคราดอย่างไรอย่างนั้น มันหายใจแทบไม่ออก
เธอไม่คิดหรอกว่าที่จู่ๆฉินเพ่ยหรงมาที่นี่จะเป็นเรื่องบังเอิญ ถึงยังไงก่อนหน้านี้เธอก็ไม่ได้มาที่นี่ตั้งนานแล้ว แต่พอตอนนี้ตัวเธอกับจิ้นหยวนกำลังทะเลาะกันเธอก็กลับโผล่มาเสียอย่างนั้น…
การมาของเธอจะต้องไม่ใช่เรื่องเล่นๆแน่ๆ
เธอค่อยๆเดินกลับเข้ามาในห้อง พยายามที่จะเปิดตาตัวเองอีกครั้ง จากนั้นก็ค่อยๆเลือกเสื้อผ้า และถึงขนาดต้องแต่งหน้าให้ตัวเองเสียหน่อย ทั้งหมดนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้เธอเห็นความอ่อนแอของเธอ
จนกระทั่งสุดท้าย เธอส่องกระจกตรวจดูตัวเองอย่างละเอียด รู้สึกว่านอกจากตาแล้วส่วนอื่นๆก็ไม่มีช่องโหว่อะไรอีก เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเดินออกจากห้อง
ยังไม่ทันเดินไปถึงบันได เธอก็ได้ยินเสียงแหลมๆของฉินเพ่ยหรงดังขึ้นมา “เธอคงไม่เห็นฉันอยู่ในสายตาแล้วมัง เธอดูสิจนถึงป่านนี้แล้ว ก็ยังไม่ออกมาจากห้อง หรือว่าไม่คิดจะออกมาแล้ว? ฉันบอกเธอเลยนะ ไม่ว่าเธอจะแอบไปถึงเมื่อไหร่ ฉันก็จะต้องเจอเธอให้ได้!”
ผู้ดูแลบ้านได้แต่ก้มหน้าครับๆลูกเดียว พูดอะไรไม่ออกสักอย่าง
เธอเห็นมันหมดแล้ว จึงสูดหายใจเข้าลึก หยุดยืนอยู่หน้าบันแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แจ่มชัด “ฉันมาแล้วค่ะ คุณไปเถอะพ่อบ้านเฉิน”
ฉินเพ่ยหรงช้อนตาขึ้นมองเธอ มุมปากเผยรอยยิ้มที่ดูไม่เป็นมิตรออกมา “ออกมาได้แล้วเหรอ? ไม่แอบแล้วหรือไง?”
เธอค่อยๆเดินลงบันได ต่อหน้าเธอที่ดูไม่หวังดี ตอบกลับไปอย่างมั่นคง “ฉันไม่เข้าใจความหมายของคุณ แอบอะไรหรือคะ ฉันก็แค่เข้านอนตื่นสายไปหน่อย คุณเองก็น่าจะเข้าใจนะคะ ผู้หญิงน่ะสามารถแต่งตัวจนลืมเวลาไปเลย”
“งั้นเหรอ?” ฉินเพ่ยหรงยิ้มเย้ย “เพราะงั้นเธอเลยนอนจนตาบวมเลยอย่างนั้นสินะ?”