“คุณพ่อ! คุณพ่อจะทำแบบนั้นไม่ได้นะครับ ผมไม่ได้รักเธอ คุณพ่อทำแบบนี้มันทำให้ผมลำบากใจมากนะครับ” จิ้นหยวนเอ่ยเสียงสูงด้วยความไม่พอใจ
จิ้นเฮ่าไม่ยอมลดราวาศอกเช่นเดียวกัน “ไม่รักอะไรกัน คนหนุ่มสาวอย่างพวกแกนี่ปัญหาเยอะจริงๆ แต่งงานอยู่กินกันไปเดี๋ยวก็รักกันเอง ก่อนแต่งงานฉันกับแม่แกก็ไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน เรายังรักกันได้เลย พวกแกนี่มัน…”
จิ้นหยวนฟังแล้วรู้สึกหงุดหงิดมาก “คุณพ่อ ตอนนี้ไม่เหมือนสมัยก่อนแล้ว คุณพ่อไม่เคยได้ยินคำว่าอิสระในการเลือกคู่ครองเหรอครับ? จู่ๆ คุณพ่อไปประกาศว่าเธอเป็นว่าที่ภรรยาของผมแบบนั้น คุณพ่อเคยคิดถึงความรู้สึกของผมบ้างไหม?”
เขาโมโหมากจนไม่สนใจมารยาทในการพูดอีกแล้ว เขาแผดเสียงดังด้วยความโกรธเกรี้ยว “ผมรู้จักเธอมาตั้งนาน ไม่เห็นว่าเธอจะดีตรงไหน ผมไม่มีวันแต่งงานกับเธอเด็ดขาด!”
จิ้นเฮ่าแผดเสียงดังลั่นไม่แพ้กัน “ฉันรู้ว่าแกกำลังคิดอะไรอยู่ แกอยากจะแต่งงานกับหญิงกำพร้าคนนั้นใช่ไหมล่ะ? ฉันขอบอกเอาไว้เลยนะ ตราบใดที่ฉันยังหายใจอยู่ แกต้องแต่งกับเซียงเซียงคนเดียวเท่านั้น ถ้าคิดจะแต่งกับผู้หญิงคนอื่นก็ต้องรอให้ฉันตายก่อน!”
จิ้นหยวนรู้สึกเหนื่อยหน่ายมาก “คุณพ่ออย่าหัวรั้นขนาดนี้ได้ไหมครับ?”
“ฉันหัวรั้นอย่างนั้นเหรอ? ฉันว่าแกต่างหากที่หัวรั้น… แค่กๆ … ผู้หญิงแซ่เฉียวคนนั้นมีดีอะไร ผู้หญิงใฝ่ต่ำทำตัวเป็นดอกไม้ล่อแมลงแบบนั้น นี่แกหลงผู้หญิงคนนั้นจนขาดสติแล้วหรือไง? ฉันจะบ้าตาย…” เอ่ยจบพลันเสียงหายใจหอบดังขึ้นๆ จากนั้นเสียงชุลมุนวุ่นวายดังมาตามหลัง
จิ้นหยวนได้ยินเสียงขาดๆ หายๆ ของคุณแม่ดังเป็นห้วงๆ ลอดออกมาตามสาย เขารู้ว่าอาการของฉินเฮ่าคงกำเริบอีกแล้วจึงรู้สึกหดหู่มาก
สุดท้าย เพื่อเห็นแก่สุขภาพของคุณพ่อเขาจึงไม่อยากทะเลาะกับท่านอีก เขาวางสายแล้วถอนหายใจออกมาด้วยความหนักใจ
เขาลุกจากเก้าอี้พลางครุ่นคิด รู้สึกว่าเรื่องนี้คงไม่ง่ายอย่างที่คิดเสียแล้ว ทำไมคุณพ่อต้องมาพูดเรื่องนี้ในตอนนี้ด้วย?
หรือว่ามีใครไปพูดอะไรให้คุณพ่อฟัง?
เขาเม้มริมฝีปากแน่น แสงไฟส่องให้เห็นกล้ามเนื้อบนใบหน้าที่เครียดเกร็งของเขา เขาหยิบเสื้อสูทขึ้นมาเพื่อเตรียมตัวกลับไปถามคุณแม่ที่บ้านให้รู้เรื่อง
ทันใดนั้น หลินจื้อเฉิงวิ่งพุ่งเข้ามาในห้องด้วยความร้อนรน “พี่ใหญ่ เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ!”
เขาหรี่ตามองสีหน้าผิดปกติของหลินจื้อเฉิงแล้วเอ่ยถามเสียงเครียดขรึม “เกิดอะไรขึ้น?”
หลินจื้อเฉิงรู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนบ่ายแล้วจึงรู้สึกเครียดมากกว่าเดิม เขาเปิดคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คของตัวเองด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “พี่ดูเองเถอะครับ”
จิ้นหยวนกวาดสายตามองหน้าจอคอมพิวเตอร์แล้วชักหัวคิ้วชนกันแน่น หน้าเว็บไซต์ข่าวมีแต่ภาพของเขากับเฉียวซือมู่ที่ดูสะดุดตามาก ข้างรูปภาพมีกรอบข้อความบรรยายประกอบ “ประธานแห่งจิ้นซื่อกรุ๊ปเพิ่งประกาศข่าวงานหมั้นเมื่อตอนบ่าย แต่กลับปรากฏภาพหญิงสาวปริศนาข้างกายท่าทางสนิทสนมกันมาก สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นเมียน้อยของท่านประธานจิ้น”
ตอนนี้จิ้นหยวนหน้าดำคร่ำเครียดยิ่งกว่าก้อนเมฆทมึนเสียอีก เขาเห็นภาพข่าวแล้วจำได้ทันทีว่าเป็นภาพที่เขากับเฉียวซือมู่ไปรับประทานอาหารด้วยกันที่ร้านอาหารฝรั่งเศสก่อนหน้านี้ ในภาพสองหนุ่มสาวกำลังมองตาแล้วยิ้มให้กันอย่างสนิทสนม เห็นแล้วให้ความรู้สึกทั้งหวานทั้งอบอุ่นเป็นพิเศษ หนุ่มหล่อสาวสวย ช่างเป็นภาพที่งดงามเหลือเกิน
หลินจื้อเฉิงเอ่ยถามเป็นชุด “นี่มันพี่สะใภ้นี่นา ทำไมพวกพี่ถึงถูกแอบถ่ายได้ล่ะ? แล้วเป็นรูปจริงหรือเปล่าครับ?”
จิ้นหยวนหน้านิ่วคิ้วขมวดเอ่ยแทรกขึ้น “จริง ถูกแอบถ่ายตอนที่ฉันไปกินข้าวกับเธอ”
เขารู้สึกว่าเรื่องครั้งนี้แปลกมาก รูปใบนี้ถูกถ่ายสักพักแล้ว แต่ทำไมถึงถูกปล่อยออกมาในเวลาที่คุณพ่อประกาศเรื่องงานหมั้นระหว่างเขากับหร่วนเซียงเซียงพอดิบพอดี และยังกลายเป็นพาดหัวข่าวใหญ่ในอินเทอร์เน็ตอย่างรวดเร็วอีกต่างหาก เรื่องนี้จะต้องมีคนคอยบงการอยู่เบื้องหลังอย่างแน่นอน
เขากวาดสายตาอ่านข่าวในอินเทอร์เน็ตแล้วเลื่อนลงไปอ่านความคิดเห็นใต้ข่าวอย่างรวดเร็ว ความคิดเห็นส่วนใหญ่ด่าทอเฉียวซือมู่ว่าหน้าด้านเป็นเมียน้อยของคนอื่น ยังมีความคิดเห็นที่รุนแรงมากถึงขั้นบอกให้เธอไปตายซะ แววตาของเขาลุ่มลึก ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าเกิดเธอมาเห็นความคิดเห็นไม่หวังดีพวกนี้แล้วจะรู้สึกแย่มากขนาดไหน
เขาสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ เรียกลูกน้องฝีมือดีมารวมตัวกันแล้วออกคำสั่งทีละอย่างอย่างรวดเร็ว กลุ่มแรกให้ไปยับยั้งข่าวตามเว็บไซต์ต่างๆ อย่างน้อยก็อย่าให้กลายเป็นข่าวประเด็นร้อน อีกกลุ่มให้ไปสืบที่มาของรูปถ่ายใบนั้น เป้าหมายแรกคือพนักงานในร้านอาหารฝรั่งเศสระดับมิชลินสตาร์ร้านนั้น แล้วให้ตรวจสอบออกมาว่าเว็บไซต์ใหญ่ๆ พวกนั้นอยู่ดีๆ รู้เรื่องรูปถ่ายนั้นได้อย่างไร
เขาสูดหายใจลึกอีกครั้งหลังสั่งงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขณะที่กำลังจะโทรศัพท์เพื่อปลอบใจแฟนตัวเองกลับมีสายเรียกเข้าจากฉินเพ่ยหรงเสียก่อน “อาหยวนรีบกลับบ้านเร็ว คุณพ่อแย่แล้ว”
“คุณพ่อเป็นอะไรไปครับ?” หัวใจของเขาเต้นแรง เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงรีบลงชั้นล่างเพื่อกลับบ้านทันที
เสียงของฉินเพ่ยหรงดังลอดมาตามสาย “เมื่อกี้พ่อเขาทะเลาะกับลูกแล้วกลายเป็นแบบนี้เลย แม่เรียกรถพยาบาลแล้ว แต่ตอนนี้รถยังมาไม่ถึงสักที ลูกรีบกลับมาเร็ว…”
“ครับ ผมกำลังรีบไปครับ” เขาร้อนใจดั่งไฟลน รีบขับรถตะบึงตรงกลับบ้านอย่างเร่งด่วน
เฉียวซือมู่ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง หลังจากคุยโทรศัพท์กับจิ้นหยวนแล้วเธอก็อารมณ์ดีขึ้นมาก ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มอีกครั้งจนทำให้หรงเซียวที่เข้ามาส่งเอกสารให้เธอถึงกับตกอกตกใจยกใหญ่ “พี่มู่มู่ พี่ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?”
หรงเซียวคิดว่าเฉียวซือมู่คงจะสะเทือนใจมากจนเสียสติไปแล้ว เฉียวซือมู่มองหรงเซียวอย่างขำๆ “พี่ไม่เป็นไร เพราะฉะนั้นเธอเองก็หยุดพูดได้แล้ว”
“จริงเหรอคะ?” เธอรีบปิดปากอย่างเก้อๆ แล้วเอ่ยถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ “ทำไม่พี่ดูไม่เสียใจเลยล่ะคะ?”
เฉียวซือมู่ยิ้มให้หรงเซียว “เป็นความลับ บอกไม่ได้”
“ก็ได้ค่ะ” หรงเซียวทำแก้มพองลมอย่างงอนๆ ในใจยังคงเต็มไปด้วยความสงสัย แต่เธอดูท่าทางของเฉียวซือมู่แล้วเธอคงไม่ยอมพูดความจริงเป็นแน่ จึงวางเอกสารลงบนโต๊ะแล้วหมุนตัวเดินออกจากห้องไป
เฉียวซือมู่เห็นท่าทางของหรงเซียวแล้วหัวเราะขำ เธอไม่อยากจะพูดเลยว่าตัวเองเป็นคนมีเหตุผลมากแค่ไหน อย่างไรเสียจิ้นหยวนก็ให้สัญญากับเธอแล้ว แม้เขาจะไม่ได้บอกว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไรก็เถอะ
คำพูดของจิ้นหยวนเหมือนยาวิเศษที่ทำให้จิตใจเธอสงบลง มันทำให้เธอรู้สึกสบายใจมากจนมีกะจิตกะใจกลับมาทำงานเหมือนเดิม
แต่เธอก็อดคิดไม่ได้ว่าเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้แล้ว ไม่ว่าเขาจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม แล้วพรุ่งนี้พวกเธอยังสามารถออกเดินทางไปท่องเที่ยวที่มิลานได้ตามแผนเดิมหรือเปล่า?
เธอคิดในใจเงียบๆ ว่ากลับถึงบ้านแล้วค่อยปรึกษาเขาอีกทีดีกว่า
เธอใช้เวลาจัดการต้นฉบับอย่างรวดเร็วและเสร็จทันเวลาเลิกงานพอดี เธอคิดว่าวันนี้จิ้นหยวนคงไม่มีเวลามารับเธอ เธอจึงคิดจะนั่งแท็กซี่กลับบ้านเอง
ปกติแล้วเธอมีนิสัยอ่านข่าวก่อนกลับบ้าน เพราะเธอทำงานเกี่ยวกับข่าวสารจึงให้ความสนใจเรื่องข่าวสารบ้านเมืองมากกว่าคนทั่วไปเป็นธรรมดา
วันนี้ก็เหมือนเช่นเคย เธอยังคงเปิดหน้าเว็บไซต์ข่าวเพื่ออ่านข่าวก่อนปิดคอมพิวเตอร์เหมือนเดิม แต่พอกวาดสายตาดูข่าวในนั้นแล้วเธอถึงกับตกตะลึงจนตาแทบถลน รูปของเธอกับจิ้นหยวนปรากฏตามหน้าเว็บไซต์ข่าวใหญ่ๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่? ตอนนี้เธอกลายเป็นคนดังไปแล้วหรือ?
ตอนแรกเธอไม่ได้คิดอะไรมาก คิดเพียงแค่ว่าเธอถูกแอบถ่ายก็เท่านั้น แต่พอกวาดสายตาไล่อ่านไปจนถึงความคิดเห็นด้านล่าง สภาพจิตใจของเธอค่อยๆ ย่ำแย่ลง