เธออ่านความคิดเห็นที่เต็มไปด้วยคำพูดโหดร้ายพวกนั้นแล้วรู้สึกโมโหมาก คนพวกนั้นมีสิทธิ์อะไรมาด่าทอและสาปแช่งเธอแบบนี้?
พวกเขาเห็นรูปถ่ายเพียงแค่ใบเดียวก็ตัดสินเธอและกล่าวหาว่าเธอเป็นเมียน้อยที่คิดจะทำลายการแต่งงานของจิ้นหยวนกับหร่วนเซียงเซียงอย่างนั้นเหรอ? จินตนาการของคนพวกนี้ทำไมถึงได้น่ากลัวมากขนาดนี้?
เธอรู้สึกโมโหมาก เธอหายใจแรงจนอกกระเพื่อมขึ้นลง เธอกวาดสายตาอ่านข้อความ “เมียน้อยสมควรไปตายซะ” “คนที่คิดจะทำลายครอบครัวของคนอื่นสมควรถูกรถชนตาย” ที่โหดร้ายพวกนั้นแล้วรู้สึกอัดอั้นจนอกแทบระเบิด และรู้สึกทรมานมากจนแทบทนไม่ไหว
ในที่สุดเธอก็ทนไม่ไหวจนต้องปิดคอมพิวเตอร์เสีย เพราะเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่มาก ความคิดเห็นพวกนั้นเลวร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นมีคนเสนอให้เปิดโปงเธอ และยังเขียนว่า “เมียน้อยสมควรถูกฆ่าทิ้ง” ราวกับตัวเองเก่งกว่าผู้พิพากษาเสียอีก
ขืนเธอยังอ่านความคิดเห็นเลวร้ายพวกนั้นต่อเธอคงต้องบ้าตายแน่ๆ เธอจึงตัดสินใจปิดคอมพิวเตอร์เสียเลย เพราะไหนๆ เธอก็ทำงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว
เธอคิดๆ แล้วโทรศัพท์หาจิ้นหยวนอีกครั้งแต่กลับไม่มีคนรับสาย
เกิดอะไรขึ้น? เธอมุ่นหัวคิ้วสงสัยเล็กน้อยแล้วกดโทรออกอีกครั้ง แต่ยังคงไม่มีคนรับสายเหมือนเดิม
สีหน้าของเธอเคร่งเครียดขึ้น เธอเก็บโทรศัพท์มือถือแล้วนั่งแท็กซี่กลับบ้านทันที
ปกติจิ้นหยวนเก็บโทรศัพท์ไว้กับตัวตลอด หากเขาไม่รับสายแปลว่าต้องเกิดปัญหาอะไรขึ้นอย่างแน่นอน
เธอคิดในใจอยู่เงียบๆ
จิ้นหยวนวิ่งพุ่งเข้าไปในบ้าน เขามองคนรับใช้ในบ้านที่ไม่มีท่าทีลนลานแวบหนึ่ง จากนั้นสาวเท้าวิ่งขึ้นบันไดเพื่อมุ่งไปยังห้องนอนของคุณพ่อคุณแม่ทันที
ประตูห้องนอนปิดอยู่ แต่มีเสียงพูดคุยเบาๆ ดังเล็ดลอดออกมานอกห้องเป็นห้วงๆ เขาร้อนใจมากจึงเปิดประตูที่ไม่ได้ลงกลอนออก ภาพที่เขาเห็นคือคุณแม่กำลังนั่งอยู่ข้างเตียง ในมือถือแก้วน้ำและขวดยาเอาไว้เพื่อป้อนคุณพ่อ ส่วนคุณพ่อกำลังนอนไร้เรี่ยวแรงอยู่บนเตียงนอน สีหน้าดูย่ำแย่มาก
ทั้งสองได้ยินเสียงเปิดประตูจึงเงยหน้าขึ้นแล้วหันไปมองพร้อมกัน ฉินเพ่ยหรงยิ้มโล่งใจราวยกภูเขาออกจากอก “อาหยวนกลับมาแล้วเหรอลูก” เอ่ยพลางลุกขึ้นยืน
ฉินเฮ่าหน้าเข้ม เขาชำเลืองมองหน้าจิ้นหยวนแวบหนึ่งแล้วทำเสียงฮึดฮัด จากนั้นเบือนหน้าไปอีกทางราวไม่อยากจะเห็นหน้าลูกชายคนเดียวของตัวเอง
ฉินเพ่ยหรงเอ่ยขึ้นด้วยความเหนื่อยใจ “คุณคะ…”
เมื่อเห็นว่าจิ้นเฮ่ายังคงนิ่งเงียบจึงได้แต่ส่ายศีรษะด้วยความระอาใจ เธอหันไปเอ่ยกับจิ้นหยวนแทน “เดี๋ยวนี้พ่อของลูกยิ่งแก่ก็ยิ่งหัวรั้น เฮ้อ…”
จิ้นหยวนสีหน้าเคร่งขรึม เขาเดินไปหยุดยืนอยู่ข้างเตียงนอนแล้วสำรวจสีหน้าของจิ้นเฮ่าอย่างละเอียด จากนั้นเอ่ยถามฉินเพ่ยหรง “คุณพ่อเป็นยังไงบ้าง? แล้วทำไมถึงไม่พาไปโรงพยาบาลล่ะครับ?”
ฉินเพ่ยหรงตอบหน้าเครียด “ให้ตายยังไงเขาก็ไม่ยอมไปนะสิ เอาแต่อาละวาดจนแม่จะเป็นบ้าอยู่แล้ว”
จิ้นหยวนมองใบหน้าของฉินเพ่ยหรงที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าและความเหนื่อยหน่าย เห็นได้ชัดว่าคุณพ่อคงทำให้คุณแม่โมโหไม่น้อย เขาเม้มริมฝีปากเล็กน้อยแล้วเอ่ยขึ้น “เดี๋ยวผมทำเอง คุณแม่ไปพักผ่อนเถอะครับ”
เธอลังเลเล็กน้อยแล้วมองหน้าลูกชาย “ถ้าแม่ออกไป ลูกกับพ่อต้องทะเลาะกันอีกแน่ๆ”
เธอรู้นิสัยของชายสองคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของตัวเองเป็นอย่างดี ทั้งสองต่างเป็นคนหัวรั้น ยึดมั่นถือมั่นเหมือนกันไม่มีผิด ถ้าเป็นเวลาปกติยังพอว่า แต่พอมีเรื่องกันขึ้นมาทีไรเป็นต้องปวดเศียรเวียนเกล้าทุกที
จิ้นหยวนส่ายศีรษะน้อยๆ แล้วรับแก้วน้ำและขวดยามาจากเธอ “ไม่หรอกครับ ผมไม่ทะเลาะกับคุณพ่อหรอก สุขภาพคุณพ่อไม่ดี ผมรู้ว่าต้องทำตัวยังไง”
“ก็ได้ ถ้างั้นยานี้กินสามเม็ด ส่วนยานี้กินสองเม็ด แล้วก็…” เธออธิบายว่ายาแต่ละตัวต้องกินอย่างไรจนจบ จิ้นหยวนมองขวดยาในมือแล้วความกรุ่นโกรธพลันมลายหายไปไม่น้อย เขามองฉินเพ่ยหรงแล้วเอ่ย “ครับ คุณแม่วางใจเถอะครับ”
ฉินเพ่ยหรงยอมออกจากห้อง จิ้นหยวนเห็นเธอปิดประตูแล้วจึงหันกลับไปมองจิ้นเฮ่า จิ้นเฮ่านอนหลับตา จิ้นหยวนเห็นท่าทางของจิ้นเฮ่าแล้วไม่แน่ใจว่าคุณพ่ออยากจะคุยกับตัวเองหรือเปล่า เขาครุ่นคิดเล็กน้อย ไม่ได้เร่งให้จิ้นเฮ่าทานยาทันที เขาวางขวดยาลงบนโต๊ะหัวเตียงแล้วย่อกายนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงนอน
หนังตาของจิ้นเฮ่ากระตุก เห็นได้ชัดว่าเขารู้ทุกการเคลื่อนไหวของจิ้นหยวน เพียงแต่ไม่รู้ว่าเขาคิดจะทำอะไร
จิ้นหยวนมองจิ้นเฮ่าแวบหนึ่ง “คุณพ่อ ตื่นมากินยาได้แล้วครับ”
จิ้นเฮ่าทำเสียงฮึดฮัดขึ้นจมูก “แกทำฉันโมโหแทบตาย ยังจะกินยาไปทำไมอีก”
จิ้นหยวนพอจะเดาคำตอบของจิ้นเฮ่าออก เขาจึงไม่แปลกใจสักนิดที่จิ้นเฮ่าพูดแบบนั้น “ทำยังไงคุณพ่อถึงจะยอมกินยาครับ?”
จิ้นเฮ่าลืมตาทันที ชายชราอายุหกสิบแต่ดวงตายังคงใสกระจ่าง ทำให้รู้ว่าจิ้นเฮ่าในวัยหนุ่มนั้นสุขภาพแข็งแรงมากแค่ไหน “ง่ายมาก แกก็แค่ยอมรับเซียงเซียงเป็นเมีย แล้วโรคของฉันก็จะหายเอง”
“เป็นไปไม่ได้หรอกครับ” จิ้นหยวนปฏิเสธทันควันโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดแม้แต่นิดเดียว
จิ้นเฮ่าไม่คิดว่าท่าทีของจิ้นหยวนจะแข็งกร้าวมากขนาดนี้ เขาโกรธจนหน้าแดงก่ำ หายใจหอบกระชั้นถี่ “แกมันลูกอกตัญญู ฉันเลี้ยงแกมาจนโตป่านนี้ เรื่องแค่นี้แกก็ทำให้ไม่ได้ รู้อย่างนี้ฉัน… แค่กๆ …” อารมณ์ของเขาพลุ่งพล่านจนทำให้ไอค่อกแค่ก จิ้นหยวนมุ่นหัวคิ้วพลางยื่นมือตบหลังเขาเบาๆ
เขาแค่อยากจะแสดงจุดยืนของตัวเองให้คุณพ่อรู้ก็เท่านั้น ไม่เคยคิดอยากจะทำให้คุณพ่อโมโหสักหน่อย
จิ้นเฮ่าหยุดไอแล้ว เขาหอบหายใจถี่พลางมองดูจิ้นหยวน แม้ลูกชายจะเป็นห่วงสุขภาพของเขามาก แต่สีหน้าของเขายังคงเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว เห็นได้ชัดว่าไม่อยากฟังสิ่งที่เขาพูด เขาคิดอะไรบางอย่างแล้วถอนหายใจหนักๆ จากนั้นเอ่ยเสียงอ่อนลง “อาหยวน ไหนบอกมาซิว่าเซียงเซียงไม่ดีตรงไหนแกถึงไม่พอใจมากขนาดนี้? เซียงเซียงทั้งสวยทั้งอ่อนโยนทั้งเอาใจเก่ง ชาติกำเนิดก็ดี ฐานะก็ไม่ลว เหมาะสมกับครอบครัวเรามาก คุณสมบัติดีมากขนาดนี้ยังจะไปหาที่ไหนได้อีก? ทำไมแกถึงไม่ชอบเขา?”
จิ้นหยวนสีหน้าเรียบเฉย ไร้ปฏิกิริยาใดๆ ต่อคำพูดของจิ้นเฮ่า “คุณพ่อเห็นว่าเธอดี แต่ในสายตาของผมเธอไม่มีอะไรดีสักอย่าง”
จิ้นหยวนเป็นห่วงสุขภาพของจิ้นเฮ่าจึงไม่กล้าพูดตรงเกินไป จิ้นเฮ่าได้ยินแล้วไอค่อกแค่กอีก เขาเอ่ยอย่างมีน้ำโห “เซียงเซียงดีกว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นร้อยเท่า ทำไมแกถึงเห็นผู้หญิงตัวเปล่าคนนั้นดีกว่า? ทำไมแกถึงได้ตาต่ำแบบนี้?”
แววตาของจิ้นหยวนไหววูบ “คุณพ่อรู้เรื่องเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?”
จิ้นเฮ่าชะงักเล็กน้อย ใบหน้าของเขาแสดงพิรุธออกมาแวบหนึ่ง “ถ้าแกไม่อยากให้คนอื่นรู้ก็อย่าทำสิ แกคิดว่าจะปิดไม่ให้ฉันรู้เรื่องนี้ได้ตลอดชีวิตอย่างนั้นเหรอ? ฉันขอบอกเอาไว้ตรงนี้เลยนะ นอกจากฉันจะตายไปซะก่อน ไม่อย่างนั้น ลูกสะใภ้ของฉันต้องเป็นเซียงเซียงคนเดียวเท่านั้น แกเองก็รีบไล่ผู้หญิงคนนั้นออกไปจากชีวิตได้แล้ว”
จิ้นหยวนสีหน้าเย็นเยียบ เขาเอ่ยปฏิเสธเสียงแข็ง “ไม่มีทาง”
“นี่แก!” จิ้นเฮ่าได้ยินคำปฏิเสธแข็งกร้าวของจิ้นหยวนแล้วโกรธจนหายใจแทบไม่ออก จิ้นหยวนเห็นท่าทางของจิ้นเฮ่าแล้วตกใจกลัวเล็กน้อยจนไม่กล้าขัดจิ้นเฮ่าอีก ได้แต่ปล่อยให้จิ้นเฮ่าพูดไปเรื่อยๆ โดยที่ตัวเองได้แต่นิ่งเงียบ
ตอนแรกจิ้นเฮ่าคิดว่าจิ้นหยวนคงยอมฟังเขาแล้ว แต่พอตัวเองพูดยืดยาวจนจบถึงสังเกตเห็นสีหน้าของจิ้นหยวน เขารู้ทันทีว่าจิ้นหยวนเพียงแค่นั่งฟังอย่างขอไปที เขาโมโหจนตบเตียง “นี่แกได้ยินที่ฉันพูดหรือเปล่า?”