จิ้นหยวนเม้มริมฝีปากแน่นแล้วฝืนใจเอ่ยตอบ “ได้ยินแล้วครับ”
จิ้นเฮ่ารู้สึกสบายใจขึ้น “ฉันเป็นพ่อแก ฉันไม่มีวันทำร้ายแกเด็ดขาด เด็กดี เซียงเซียงต้องเป็นเมียที่ดีและเป็นแม่ที่ดีด้วย”
จิ้นหยวนได้ยินแล้วยังคงนิ่งเงียบเหมือนเดิม เขาหยิบขวดยาขึ้นมาแล้วเอ่ยเสียงเบา “กินยาก่อนแล้วค่อยคุยนะครับ”
จิ้นเฮ่าตวัดสายตามองเขาแวบหนึ่ง รู้สึกว่าเขากำลังทำอย่างขอไปทีอีกแล้ว “ไม่เอา ถ้าแกไม่รับปากฉันก็จะไม่กินยา แล้วแกก็ไม่ต้องคิดจะส่งฉันไปโรงพยาบาลด้วย เพราะฉันจะไม่ไปเด็ดขาด”
จิ้นหยวนรู้สึกเหนื่อยใจมาก “คุณพ่อใช้สุขภาพของตัวเองมาข่มขู่ผมแบบนี้มันคุ้มกันเหรอครับ?”
เขาชักจะเริ่มสงสัยแล้วสิว่าหร่วนเซียงเซียงให้คุณพ่อของเขากินยาเสน่ห์หรือเปล่า คุณพ่อของเขาถึงได้ดึงดันมากขนาดนี้ ไม่ใช่สิ ถ้ามียาเสน่ห์จริง เธอคงให้เขากินไปนานแล้ว
จิ้นเฮ่ากัดฟันกรอด “แกจะรับปากหรือไม่รับปาก”
จิ้นหยวนมองเขาแวบหนึ่ง “ถ้าคุณพ่อไม่กินยาแล้วเกิดตายขึ้นมาจริงๆ วันรุ่งขึ้นผมจะแต่งงานกับเฉียวซือมู่ทันที”
“แก! ดี ดีมาก” จิ้นเฮ่าโกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขาจ้องจิ้นหยวนด้วยความผิดหวัง แต่ก็ช่วยไม่ได้ เพราะเขาเป็นคนพูดข่มขู่แบบนี้เอง เขาจึงต้องกลืนยาลงคอแต่โดยดี
จิ้นหยวนจัดแจงให้เขาดื่มน้ำตามจนหมด จากนั้นถือแก้วน้ำเปล่าแล้วลุกขึ้นยืน “คุณพ่อพักผ่อนให้มากๆ นะครับ มีอะไรเรียกผมก็แล้วกัน”
“เดี๋ยวก่อน” จิ้นเฮ่ายังคงไม่ละความพยายาม
จิ้นหยวนที่กำลังก้าวเดินออกจากห้องชะงักฝีเท้าเล็กน้อยแล้วก้าวเดินต่อราวกับไม่ได้ยินเสียงเรียกของจิ้นเฮ่า เขาก้าวเท้าเดินเร็วขึ้นกว่าเดิมแล้วเปิดประตูออกจากห้องไป
เสี้ยววินาทีที่เขาปิดประตูลง ดูเหมือนว่าเขาจะได้ยินเสียงดังกังวานดังออกมาจากข้างในห้อง ราวกับอะไรบางอย่างตกแตกลงบนพื้น
เขาเอ่ยสีหน้าเรียบเฉยกับคนรับใช้ที่ยืนอยู่หน้าห้อง “แจกันที่อยู่ในห้องน่าจะตกแตก เข้าไปเก็บกวาดให้เรียบร้อยด้วย”
คนรับใช้รีบรับคำแล้วเปิดประตูเข้าไปจัดการตามคำสั่งทันที
เขายืนอยู่นอกห้องอย่างใจเย็น เมื่อเห็นว่าข้างในห้องน่าจะไม่มีเรื่องอะไรน่าเป็นห่วงแล้วจึงเดินลงบันไดไปที่ชั้นล่าง ที่ชั้นล่าง ฉินเพ่ยหรงกำลังคุยอยู่กับพ่อบ้านพอดี
เสียงฝีเท้าของเขาทำให้ทั้งสองเงยหน้าขึ้นมองตามเสียงนั้นพร้อมกัน เมื่อเห็นว่าจิ้นหยวนเดินลงบันไดมาฉินเพ่ยหรงจึงส่งยิ้มอบอุ่นให้พลางกวักมือเรียกเขา “อาหยวน มานี่สิ”
จิ้นหยวนเดินเข้าไปหาเธอ “คุณแม่”
ฉินเพ่ยหรงถอนหายใจ เธอตบมือเบาๆ ลงบนโซฟาข้างๆ แล้วเอ่ยกับพ่อบ้าน “ไปทำตามนั้นเถอะ”
พ่อบ้านผงกศีรษะเล็กน้อยแล้วเดินออกไป
จิ้นหยวนมองเธอ “เกิดอะไรขึ้นกับคุณพ่อเหรอครับ?”
หลังจากออกจากโรงพยาบาลรอบที่แล้วอาการของจิ้นเฮ่าดีขึ้นมาก คุณหมอบอกว่าตราบใดที่ไม่มีเรื่องอะไรมากระตุ้นอาการของเขา เขาก็จะไม่เป็นอะไร แต่นี่มันเพิ่งจะผ่านไปแค่ครึ่งเดือนเองนะ ทำไมอาการถึงกำเริบขึ้นมาอีก
ฉินเพ่ยหรงถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ก็เพราะเรื่องของลูกนั่นแหละ เฮ้อ”
จิ้นหยวนชักหัวคิ้วชนกันแน่น “ผมโตขนาดนี้แล้ว คุณพ่อกับคุณแม่ควรจะเชื่อการตัดสินใจของผมสิครับ”
ฉินเพ่ยหรงส่ายศีรษะน้อยๆ “แม่เชื่อลูก แต่ไม่รู้ว่าพ่อเขาเป็นอะไรไปถึงได้ชอบแต่หร่วนเซียงเซียงคนเดียว แม่พูดจนปากเปียกปากแฉะแล้วแต่พ่อเขาก็ไม่ฟังอะไรเลย จนแม่หมดหนทางแล้วนะ…”
ทั้งหมดนี้เป็นความจริงจากใจเธอ ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับจิ้นเฮ่าดีมากมาโดยตลอด แต่พอเกิดเรื่องหร่วนเซียงเซียงขึ้น จิ้นเฮ่าเองก็เริ่มไม่พอใจเธอ เมื่อวานยังหาเรื่องทะเลาะกับเธอยกใหญ่จนทำให้เธอรู้สึกเหนื่อยทั้งกายเหนื่อยทั้งใจ
จิ้นหยวนเอ่ยถาม “เธอมาเยี่ยมคุณพ่อบ่อยๆ เหรอครับ?”
ฉินเพ่ยหรงพยักหน้า “สองสามวันมาที มาทีก็ยิ้มหน้าระรื่นหอบหิ้วของฝากมาด้วยเยอะแยะ แม่เองก็ไม่สะดวกออกปากไล่ เพราะเดี๋ยวจะเสียน้ำใจกันเปล่าๆ”
จิ้นหยวนตัดสินใจทันทีว่าเขาจะต้องหาเวลาคุยกับหร่วนเซียงเซียงเสียแล้ว จากนั้นค่อยคิดหาวิธีพาเฉียวซือมู่มาพบคุณพ่อ เขาเชื่อว่าถ้าคุณพ่อมีเวลาทำความรู้จักกับเธอ คุณพ่อจะต้องยอมรับในตัวเธอแน่ เพราะสาวน้อยของเขาเป็นผู้หญิงที่น่ารักมาก
แต่ฉินเพ่ยหรงกลับไม่ได้คิดแบบนั้น เธอสังเกตสีหน้าของจิ้นหยวนอย่างระแวดระวังแล้วเอ่ยถามด้วยความไม่แน่ใจ “ลูกจะคบกับผู้หญิงคนนั้นให้ได้เลยใช่ไหม? นอกจากเธอแล้วลูกจะไม่มองคนอื่นอีกเลยเหรอ?”
จิ้นหยวนมองเธอด้วยความไม่เข้าใจ “คุณแม่เคยเจอเธอแล้วไม่ใช่เหรอครับ? คุณแม่ยังพูดอยู่เลยว่าเธอดีใช้ได้เลย”
ฉินเพ่ยหรงถอนหายใจแล้วเอ่ยขึ้น “ใช่ เธอดีใช้ได้ แต่ตอนนี้สุขภาพของพ่อกำลังแย่ ท่าทางพ่อเขาคงไม่ยอมรามือง่ายๆ แน่ หรือว่าลูกจะอดทนไปก่อน? รอให้เกลี้ยกล่อมพ่อให้ได้ก่อนดีกว่าไหม?”
จิ้นหยวนรีบส่ายศีรษะปฏิเสธทันที “ไม่ได้ครับ ผมจะเกลี้ยกล่อมคุณพ่อเอง”
“แต่ว่า…” ฉินเพ่ยหรงนิ่วหน้า “ลูกคิดว่าจะเกลี้ยกล่อมสำเร็จหรือเปล่า?”
“ต้องมีวิธีสิครับ” จิ้นหยวนตอบอย่างมั่นใจ
“หวังว่านะ” ฉินเพ่ยหรงกลับไม่เห็นความหวังสักเท่าไหร่ แต่เธอตามใจลูกชายหัวแก้วหัวแหวนมาตลอด ในเมื่อเขายืนกรานเช่นนี้ เธอเองก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก
เธอครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วเอ่ยขึ้นใหม่ “คืนนี้ก็ดึกมากแล้ว ลูกนอนที่นี่ดีกว่านะ” เธอดูอ่อนเพลียมาก ช่วงนี้ฉินเฮ่าทะเลาะกับจิ้นหยวนจนสุขภาพทรุดลงอีก เธอต้องคอยดูแลปรนนิบัติเขาจนร่างกายอ่อนล้าไปหมด
จิ้นหยวนเห็นสภาพอิดโรยของเธอแล้วอยากจะปฏิเสธแต่ก็พูดไม่ออก เขาได้แต่ผงกศีรษะเล็กน้อยแล้วเอ่ย “ครับ คืนนี้ผมจะนอนที่นี่”
ฉินเพ่ยหรงยิ้มดีใจ “เดี๋ยวแม่ให้คนไปเตรียมห้องให้ลูกนะ”
จิ้นหยวนยิ้มพลางพยักหน้าเล็กน้อย ฉินเพ่ยหรงยิ้มแล้วเดินขึ้นบันไดไป
จิ้นหยวนเห็นฉินเพ่ยหรงเดินขึ้นบันไดไปแล้วจึงรีบล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเพื่อหยิบโทรศัพท์มือถือ เขากะจะโทรศัพท์หาเฉียวซือมู่เสียหน่อย แต่เขากลับเจอแต่ความว่างเปล่า เขาชะงักเล็กน้อย เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเขาเร่งร้อนออกจากออฟฟิศจนลืมโทรศัพท์มือถือทิ้งเอาไว้ที่โต๊ะทำงาน
เขาเพิ่งรู้ตัวว่าไม่ได้ติดต่อเธอครึ่งวันแล้ว ไม่รู้ว่าเธอเห็นข่าวในอินเทอร์เน็ตหรือยัง ถ้าเห็นแล้วตอนนี้เธอคงกำลังทุกข์ใจอยู่เป็นแน่ ถ้าอย่างนั้นตอนนี้คงเป็นช่วงเวลาที่เธอต้องการให้เขาอยู่ใกล้เธอและเป็นกำลังใจให้เธอมากที่สุด
เขาเงยหน้าขึ้นมองโทรศัพท์ในบ้าน ขณะที่เขากำลังจะเดินเข้าไปยกหูโทรศัพท์ ทันใดนั้นเสียงกริ่งประตูดังแทรกขึ้นพอดี พ่อบ้านไปเปิดประตูแล้วเชิญแขกผู้มาเยือนเข้ามาในบ้าน
จิ้นหยวนมุ่นหัวคิ้วที่เห็นหร่วนเซียงเซียงเดินเข้ามาในบ้าน เขายังคงนั่งนิ่งอยู่บนโซฟา
หร่วนเซียงเซียงตกใจเล็กน้อยที่เห็นเขาอยู่บ้าน แต่เธอก็แอบดีใจมากเช่นกัน เธอเอ่ยเรียกเขา “พี่จิ้นหยวน…” จิ้นหยวนชายตามองเธอด้วยสายตาเย็นยะเยือกราวน้ำแข็ง
เธอใจสั่นเล็กน้อย รีบกลืนคำพูดที่เหลือลงคอทันที
เขาอยากจะไล่หร่วนเซียงเซียงที่โผล่มากะทันหันให้กลับไปซะ แต่พอมาคิดๆ ดูอีกที นี่ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้คุยกับเธอให้รู้เรื่อง
“ตามฉันมา ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอหน่อย” เขาลุกขึ้นยืนแล้วเดินนำไปยังห้องหนังสือ
เธอไม่เข้าใจนัก แต่ในใจรู้สึกลิงโลดเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าเขาจะคุยอะไรกับตัวเองกันนะ?
จิ้นหยวนมองดูท่าทางของเธอ รอจนเธอเดินเข้าไปในห้องแล้วปิดประตูลง เขาเลิกคิ้วขึ้นข้างแล้วเอ่ยถาม “เธอเป็นคนปล่อยข่าวในอินเทอร์เน็ตใช่ไหม?”