สวี่จิ้งรู้สึกเสียใจเสียแล้ว เมื่อกี้เขาไม่น่าใจลอยเลย และที่สำคัญ ตอนแรกยังมีลูกน้องคอยติดตามพวกเขาอยู่ห่างๆ อีกหลายคน แต่เขาไม่อยากทำให้เฉียวซือมู่อึดอัดจึงสั่งให้ลูกน้องเหล่านั้นแยกย้ายกันไป
ตอนนี้เขาหน้าดำคร่ำเครียด โทรศัพท์ตามตัวลูกน้องพวกนั้นให้กลับมาช่วยกันออกตามหา ถึงจะมีคนช่วยกันตามหาเพิ่มขึ้น แต่น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ พูดง่ายแต่ทำยาก
ลูกน้องคนหนึ่งเห็นท่าไม่ดีจึงเอ่ยเตือนสติ “ต้องโทรบอกพี่ใหญ่หรือเปล่าครับ?”
หัวคิ้วของเขาชนกันแน่น เขาบีบหว่างคิ้วตัวเองเบาๆ พลางเอ่ย “รอก่อน ค้นหาตามที่ที่เธอน่าจะไปก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที”
เขารู้ดีแก่ใจว่าเฉียวซือมู่มีความสำคัญต่อจิ้นหยวนมากขนาดไหน มิเช่นนั้นจิ้นหยวนคงไม่คิดหาสารพัดวิธีเพื่อหลอกเธอมาถึงที่นี่หรอก ถ้าเกิดจิ้นหยวนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นคงกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตอย่างแน่นอน
เขาถอนหายใจแล้วกำชับอีกครั้ง “หาดูก่อน ถ้าหาไม่เจอค่อยว่ากันอีกที”
“ครับ!”
ลูกน้องที่เป็นชายชาวเอเชียของเขากลุ่มนั้นปรากฏกายขึ้นอย่างเงียบๆ และสลายตัวแยกย้ายหายเข้าไปในฝูงชนอย่างรวดเร็วจนไม่เห็นแม้แต่เงา
ขณะเดียวกัน ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นอยู่ในสายตาของบุคคลสองคนที่แอบซ่อนตัวอยู่อีกมุมหนึ่ง
ฉีหย่วนเหิงมองดูสวี่จิ้งที่กำลังลนลานตามหาตัวหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างกายเขาแล้วหันกลับมามองเธออย่างใช้ความคิด “คุณตัดสินใจแล้วใช่ไหม?”
สีหน้าของเธอย่ำแย่มาก ใบหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด แต่แววตากลับมุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยว “ทำไม? คุณเป็นคนพูดเองไม่ใช่เหรอว่าถ้าฉันมีปัญหาอะไรก็ให้มาหาคุณน่ะ? ตอนนี้คิดจะถอยอย่างนั้นเหรอ? ที่แท้คุณมันก็คนขี้ขลาดนี่เอง?”
เขาได้ยินแล้วความโกรธปรากฎขึ้นบนใบหน้าแวบหนึ่ง แต่มันก็สลายหายไปอย่างรวดเร็ว “คุณไม่ต้องยั่วอารมณ์ผมหรอก คุณก็รู้นี่ว่าผมคิดยังไงกับคุณ คุณน่าจะรู้นะว่าผมไม่มีวันหลอกคุณ แต่… คุณคิดดีแล้วใช่ไหม? ผมไม่อยากเห็นคุณเปลี่ยนใจกลางคัน”
เธอสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ ไม่ยอมพูดอะไรอยู่นานสองนาน
เมื่อกี้เธอโทรศัพท์ทางไกลเพื่อสอบถามเพื่อนๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว หรงเซียวคิดจะปิดบังเธอ แต่ก็ถูกเธอซักไซ้ไล่เลียงจนยอมตอบความจริงออกมาจนได้ เธอได้รับการยืนยันแล้วว่ารูปถ่ายนั้นเป็นของจริง จิ้นหยวนแต่งงานกับหร่วนเซียงเซียงวันนี้จริง และตอนนี้น่าจะกำลังเลี้ยงฉลองอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลจิ้น แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงไม่มีผู้สื่อข่าวไปทำข่าวเลย หรงเซียวบังเอิญรู้เรื่องนี้เข้าเพราะมีญาติที่อาศัยอยู่แถวนั้นพอดี ญาติของเธอเห็นเองกับตาว่าขบวนรถของตระกูลจิ้นที่ไปรับตัวหร่วนเซียงเซียงนั้นยิ่งใหญ่อลังการขนาดไหน
มิเช่นนั้น ป่านนี้เธอคงยังไม่รู้อีโหน่อีเหน่ และคงกำลังเฝ้ารอให้จิ้นหยวน “มาหาเธอ” อย่างมีความสุข
แววตาของเธอเย็นเยียบ เธอหัวเราะเยาะตัวเองเบาๆ “ที่แท้คนทั้งโลกก็รู้เรื่องนี้ มีแต่ฉันคนเดียวที่โง่ไม่รู้อะไรเลย” เธอนึกถึงคำพูดคลุมเครือของเขาเมื่อคืนนี้แล้วอดถามไม่ได้ “ที่แท้คุณก็รู้เรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน แล้วทำไมคุณถึงไม่เตือนฉันให้เร็วกว่านี้?”
ฉีหย่วนเหิงยิ้มขื่น “อยู่ดีๆ ผมไปบอกคุณว่าจิ้นหยวนกำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น คุณจะเชื่อผมเหรอ?”
เธอนิ่งเงียบไปพักใหญ่แล้วเอ่ยขึ้น “ไม่เชื่อ”
หากเธอไม่ได้เห็นรูปถ่ายนั้นเองกับตาตัวเองเธอก็ไม่มีทางเชื่อเหมือนกัน นี่คือเรื่องน่าเศร้าของผู้หญิงที่ตาบอดเพราะความรัก
เธอชำเลืองมองเขาแวบหนึ่ง “คนของคุณเป็นคนส่งรูปนั้นให้ฉันใช่ไหมคะ?”
ฉีหย่วนเหิงชะงักนิ่งไปชั่วครู่แล้วส่ายศีรษะน้อยๆ “ผมไม่ทำเรื่องแทงคนอื่นลับหลังแบบนั้นหรอก ในเมื่อผมเลือกที่จะปิดบังคุณ ผมก็จะไม่มีวันเปลี่ยนใจบอกความจริงกับคุณเหมือนกัน”
เธอเม้มริมฝีปากแน่น แม้จะยังคลางแคลงใจ แต่ก็ยอมรับเหตุผลของเขา
ถ้าเช่นนั้น ใครเป็นคนส่งรูปถ่ายนั้นมาให้เธอล่ะ?
“คุณกำลังคิดว่าใครเป็นคนส่งรูปให้คุณใช่ไหม?” เขาดูออกว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่จึงเอ่ยถามขึ้น
เธอนิ่งเงียบไม่ตอบ เขาจึงเอ่ยขึ้นใหม่ “เรื่องนี้ง่ายมาก คุณแค่ลองคิดดูว่าใครที่ไม่อยากให้คุณกลับไปหาจิ้นหยวนมากที่สุดก็จะรู้เองว่าคนคนนั้นเป็นใคร”
เธอนึกออกทันที “หร่วนเซียงเซียงเหรอคะ? แต่ทำไมเธอต้องทำแบบนี้ด้วย? ทั้งๆ ที่เธอได้แต่งงานกับจิ้นหยวนแล้วแท้ๆ”
“จิตใจอิสตรีเปรียบดั่งเข็มในมหาสมุทร บางทีเธออาจจะอยากครอบครองทั้งตัวและหัวใจของจิ้น หยวนเพียงคนเดียวก็ได้” เขาเอ่ยตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก
เธอปิดเปลือกตาลงอย่างเจ็บปวด ราวกับว่าภาพของจิ้นหยวนปรากฏขึ้นในสายตาของเธออีกครั้ง
ทำไมคุณต้องหลอกฉันด้วย? ทำไมคุณถึงบอกรักฉันด้วยถ้อยคำอ่อนหวานแต่กลับจูงมือผู้หญิงอีกคนเข้าโบสถ์แต่งงานได้อย่างหน้าตาเฉย คุณมันโหดร้ายที่สุด…
ฉีหย่วนเหิงเห็นท่าทางเศร้าโศกเสียใจของเธอแล้วถอนหายใจหนักๆ เขาทนเห็นเธอเสียใจไม่ได้จึงเปลี่ยนใจไม่บอกความจริงกับเธออย่างกะทันหัน แต่ไม่นึกเลยว่าสุดท้ายแล้วเธอก็รู้เรื่องนี้เข้าจนได้
รู้อย่างนี้เขาคงบอกเธอไปตั้งแต่แรกแล้ว ไม่แน่ว่าบางทีเธออาจจะทำอะไรได้บ้าง
เขาถอนหายใจอีกครั้ง มองดูเธอที่กำลังหลับตานิ่งด้วยความเศร้าโศกอาดูรแล้วตบไหล่เธอเบาๆ “อยากร้องไห้ก็ร้องออกมาเถอะ เดี๋ยวผมให้คุณยืมไหล่ซับน้ำตาเอง”
คำพูดปลอบประโลมแสนอ่อนโยนของเขาทำให้เธอกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป เธอถลาเข้าสู่อ้อมกอดของเขา สองแขนของเธอกอดเขาเอาไว้แน่นแล้วปล่อยโฮออกมา “ฮือๆๆ… เขาไม่เอาฉันแล้ว…”
เขาลูบแผ่นหลังเธอเบาๆ พลางเอ่ยปลอบโยน “ไม่เป็นไร เขาต้องเสียใจที่ทิ้งคุณไป”
“ทำไมเขา… ทำไมเขาต้องทำแบบนี้ด้วย… ฮือๆๆ…”
“เขาอาจจะตาบอดไปแล้วก็ได้ ถึงไม่เห็นความดีของคุณ”
“ฉันเกลียดเขา… จะไม่… จะไม่เจอเขาอีกแล้ว…”
“โอเค ต่อไปผมจะอยู่เป็นเพื่อนคุณเอง…”
“ฮือๆๆ…”
เธอร้องไห้กับอกของเขาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เขาคอยปลอบใจเธออยู่เป็นชั่วโมงกว่าเธอจะค่อยๆ หยุดร้องไห้
เขายื่นกระดาษเช็ดหน้าให้เธออย่างสุภาพ “รู้สึกดีขึ้นบ้างหรือยัง?”
เธอเห็นเสื้อของเขาเปื้อนคราบน้ำตาและน้ำมูกของตัวเองแล้วหยิบกระดาษเช็ดหน้าเช็ดจมูกตัวเองเบาๆ ด้วยความเกรงใจ จากนั้นเอ่ยเสียงขึ้นจมูก “ขอโทษค่ะ ฉันทำเสื้อคุณเลอะเทอะหมดเลย”
เขาก้มลงมองเสื้อตัวเองเล็กน้อยแล้วเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจสักนิด “ไม่เป็นไรเลย เทียบกับคุณแล้ว มันไม่สำคัญเลยสักนิด”
เธอยังคงรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี แต่เธอก็รู้สึกดีไม่น้อยหลังจากได้ร้องไห้ปลดปล่อยความอัดอั้นและคับแค้นใจออกมา “ขอโทษค่ะ เดี๋ยวฉันซื้อเสื้อตัวใหม่คืนให้คุณเอง”
แววตาของเขาหม่นแสงลง เขาเอ่ยขึ้นอย่างคลุมเครือ “เอาไว้วันหลังดีกว่า คุณแน่ใจแล้วเหรอว่าจะอยู่กับผมตรงนี้?”
เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ เพิ่งรู้ว่ามุมที่เธอแอบซ่อนตัวเป็นมุมลับตามาก แต่ก็สมควรแก่เวลาออกไปจากที่นี่ได้แล้ว มิเช่นนั้น ไม่ช้าก็เร็วสวี่จิ้งต้องหาเธอเจอแน่
เธอส่ายศีรษะเบาๆ แล้วเอ่ยอย่างเศร้าๆ “เราไปกันเถอะค่ะ”
ฉีหย่วนเหิงลุกขึ้นยืน เขายื่นมือออกไปจูงมือเธออย่างเป็นธรรมชาติ “ตามผมมา”
ร่างกายเธอสั่นเทาเล็กน้อย เธอชักมือออกจากมือของเขาแทบจะทันทีโดยอัตโนมัติ จากนั้นหัวเราะเก้อๆ อย่างไม่ค่อยสบายใจนัก “ฉันไม่รู้เส้นทางที่นี่ คุณเดินนำหน้าไปก่อนเลยค่ะ”
เขาชำเลืองมองเธอแวบหนึ่งแล้วพยักหน้าเบาๆ “ได้ ถ้างั้นตามผมมา อย่าตามจนหลงล่ะ”
เมื่อกี้เธออัดอั้นตันใจเพราะรู้สึกโมโหมากที่ถูกปั่นหัวเล่น มันทำให้เธอไม่อยากเห็นหน้าสวี่จิ้งอีกเพราะเขาเป็นพวกเดียวกับจิ้นหยวน พวกเขารวมหัวกันโกหกหลอกลวงเธอ ดังนั้น เธอจึงคิดจะหนีไปจากสวี่จิ้ง แน่นอนว่ารวมถึงจิ้นหยวนด้วย