แววตาของจิ้นหยวนเย็นเยียบลงทันที นั่นไม่ใช่เฉียวซือมู่ แต่เป็นหร่วนเซียงเซียงต่างหาก ความเร่าร้อนเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นความเย็นยะเยือกทันที “ออกไป!”
แต่อีกฝ่ายกลับไม่มีทีท่าจะออกไปตามคำสั่ง จิ้นหยวนจับแขนเธอเอาไว้เต็มแรง ใบหน้างดงามมีเสน่ห์ฉายแววรังเกียจ “ฉันเกลียดผู้หญิงที่ไม่เชื่อฟังที่สุด ถ้าเธอยังกล้าเข้ามาในนี้โดยไม่ได้รับอนุญาตอีกล่ะก็ อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจก็แล้วกัน!”
เธอหน้าถอดสีพลางร้องเสียงแหลม “คุณ… คุณปล่อยมือฉันนะ ฉันเจ็บนะ…”
เธอร้องโอดโอยด้วยท่าทางน่าสงสาร แต่จิ้นหยวนกลับไม่รู้สึกสงสารเธอสักนิด เขามองเธอด้วยแววตาเย็นเยียบ สายตาทั้งดูถูกทั้งรังเกียจทำให้เธอแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี “ฉันขอพูดอีกครั้ง ไสหัวออกไปซะ!”
เขาปล่อยมือเธอออกอย่างไม่ไยดีแล้วผลักเธอออกอย่างแรงจนหร่วนเซียงเซียงที่กำลังตกที่นั่งลำบากกระแทกเข้ากับประตูกระจกเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว จิ้นหยวนแรงเยอะมาก ร่างทั้งร่างของเธอชนเข้ากับประตูอย่างจังจนเธอส่งเสียงร้อง “โอ๊ย” ออกมา
สภาพของเธอในตอนนี้ดูไม่ได้เลย เพื่อยั่วยวนจิ้นหยวน เธอลงทุนพันผ้าขนหนูเพียงผืนเดียวเอาไว้หลวมๆ เท่านั้น แต่ตอนนี้ผ้าขนหนูหลุดร่วงจนเผยให้เห็นร่างกายเปลือยเปล่า ร่างกายขาวผ่องเป็นยองใยที่ได้รับการดูแลและบำรุงเป็นอย่างดี ร่างกายที่ยั่วยวนให้เกิดความกำหนัด แต่ในสายตาของจิ้นหยวนกลับเห็นเธอเป็นเพียงแค่คนเดินถนนธรรมดาเท่านั้น ไม่สิ มันแย่กว่านั้น เพราะอย่างน้อยที่สุดคนเดินถนนธรรมดาเหล่านั้นก็ไม่มีวันพุ่งเข้าหาคุณพ่อ คอยยุแยงปั่นหัว พูดจาบิดเบือนความจริงลับหลัง
เมื่อเห็นว่าเธอบิดร่างกายไปมาเล็กน้อยอย่างไม่ยอมละความพยายาม เขาจึงทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาเปิดประตูห้องน้ำออก กระชากผมเธอโดยไม่สนใจเสียงร้อยโหยหวนของเธอสักนิด จากนั้นลากตัวเธอออกจากห้องน้ำจนได้ เขายืนมองเธอที่น้ำตาร่วงด้วยความเจ็บอย่างผู้ที่อยู่เหนือกว่า “นี่เป็นโอกาสครั้งสุดท้าย ถ้ามีครั้งหน้าอีก ฉันจะลากเธอออกไปทิ้งข้างนอก!”
เธอขดตัวงออย่างไม่อยากจะเชื่อว่าชายหนุ่มเ**้ยมโหดเย็นชาตรงหน้าจะเป็นสามีของตัวเอง “ทำไมคุณถึงทำกับฉันแบบนี้? ฉันเป็นเมียคุณนะ?”
จิ้นหยวนยิ้มเยาะ ยามนี้เสื้อเชิ้ตของเขาเปียกชื้น กระดุมเสื้อถูกปลดออกสองเม็ด เผยให้เห็นแผงอกหนั่นแน่นเย้ายวนน่ากิน เธอมองจนไฟเสน่ห์หาลุกพรึบขึ้นอีกครั้ง
แต่คำพูดประโยคต่อมาของจิ้นหยวนกลับเหมือนน้ำเย็นจัดที่ราดลงบนศีรษะเธอ “เมียเหรอ? เธอคู่ควรด้วยเหรอ?”
คำพูดดูถูกเหยียดหยามของเขาทำให้เธอโกรธจนตัวสั่น “คุณ ถ้าคุณไม่อยากได้ฉันเป็นเมีย แล้วทำไมต้องแต่งงานกับฉันด้วย? ทำไม?”
เขายิ้มเยาะ “เธอเต็มใจเองไม่ใช่หรือไง? แต่งงานกับเธอแล้ว เธอจะได้ไม่ต้องคอยล้างสมองพ่อฉันอีก แต่งงานกับเธอแล้ว เธอจะได้ไม่ต้องออกไปป่าวประกาศ ‘ความสัมพันธ์’ ของเราสองคนอีก แบบนี้มันดีออกจะตายไม่ใช่หรือไง? นี่เป็นการแต่งงานที่เธออยากได้จนตัวสั่นไม่ใช่หรือไง? ตอนนี้เธอพอใจหรือยังล่ะ แล้วจะมาร้องไห้ให้ใครดูอีก?”
เธอได้ยินแล้วถึงกับเสียวสันหลังวาบ ที่แท้… ที่แท้เขาก็รู้ทุกเรื่องที่เธอทำ น่าขำที่ตัวเองยังคิดว่าบางทีเขาอาจจะเอ็นดูเธอบ้าง ที่แท้เธอก็ละเมอเพ้อฝันไปเองทั้งนั้น เขาไม่มีหัวใจอีกแล้ว หัวใจของเขายกให้ผู้หญิงที่ชื่อเฉียวซือมู่คนนั้นไปจนหมดแล้ว
เธอสูดหายใจลึกๆ พยายามขอโอกาสจากเขา “ฉันรู้ว่าคุณไม่รักฉัน คุณชอบผู้หญิงคนนั้น แต่เธอก็ไปจากคุณทันทีที่รู้ว่าคุณแต่งงานแล้วไม่ใช่เหรอคะ? ถ้าคุณให้โอกาสฉัน ฉันจะปรับปรุงตัวใหม่ ไม่ทำเรื่องที่คุณไม่ชอบอีก คุณ… คุณจะให้อภัยฉันได้หรือเปล่าคะ?”
เธอเอ่ยจบพลันสัมผัสได้ถึงสายตาของจิ้นหยวนที่กำลังจ้องมองเธอเขม็ง ความหวังเล็กๆ ผุดขึ้นในใจเธอทันที เธอชายตาขึ้นมองเขา สายตาของเขาเย็นชา รอยยิ้มน้อยๆ ผุดขึ้นตรงมุมปาก
หัวใจของเธอเย็นยะเยือกลงตามรอยยิ้มที่ผุดขึ้นของเขา เธอรู้จักนิสัยของจิ้นหยวนดี ทุกครั้งที่เขายิ้มแบบนี้ นั่นหมายความว่าเขาโกรธถึงขีดสุดแล้ว
ในที่สุดจิ้นหยวนก็เอ่ยแทรกความเงียบขึ้น “เธอคิดว่าเธอคู่ควรได้รับการอภัยจากฉันอย่างนั้นเหรอ?” เขาก้าวช้าๆ เข้าไปใกล้เธอราวราชาทรงอำนาจที่กำลังจ้องมองอาณาประชาราษฎร์ของตัวเองจากเบื้องบน “เธอคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงกล้ามาต่อรองกับฉันว่าจะอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข? เธอคงไม่ได้คิดจริงๆ ใช่ไหมว่าแต่งงานกับฉันแล้วฉันจะเอาเธอมาทำเมียจริงๆ น่ะ? ไร้เดียงสาแบบนี้อยู่รอดปลอดภัยจนโตขนาดนี้ได้ยังไง?”
เธอฟังแล้วปากสั่นไม่หยุด “แต่ว่า ถึงจะเป็นแบบนั้นก็เถอะ แต่ฉันรักคุณนะคะ อาหยวน คุณอย่าทำแบบนี้กับฉันได้ไหม…”
“จริงเหรอ? เธอรักฉันจริงๆ อย่างนั้นเหรอ? เธอรักฉันหรือว่ารักเกียรติยศชื่อเสียงเงินทองและอำนาจของตระกูลจิ้นกันแน่?
“ก็ต้องรัก… รักคุณสิคะ…” ความหวังของเธอผุดขึ้นมาอีกครั้ง เธอรีบฉวยโอกาสอย่างยอมแลกทุกอย่าง “ฉันรักคุณจากใจจริง และรักมากกว่าที่เฉียวซือมู่…”
“หุบปาก!”
จิ้นหยวนได้ยินชื่อนั้นแล้วระเบิดอารมณ์ออกมาทันที สีหน้าของเขาโกรธจัด มือเขาบีบคอเธอแน่นจนเธอตาเหลือก “ช่วย… ช่วยด้วย…”
เธอคิดไม่ถึงเลยว่าคำพูดพล่อยๆ ของตัวเองจะทำให้เขาโกรธมากขนาดนี้ ใจหนึ่งรู้สึกเสียใจมากที่พูดไม่คิด อีกใจหนึ่งก็ถูกความหวาดกลัวครอบงำ เธอร้องขอชีวิตพลางพยายามไขว่คว้าจับมือของเขาพลาง
จิ้นหยวนมองเธอด้วยสายตาโหดเ**้ยม “ใครอนุญาตให้เรียกชื่อเธอ ห้ามเอ่ยชื่อนี้ต่อหน้าฉันอีก เพราะเธอไม่คู่ควร ได้ยินไหม? เธอมันไม่คู่ควร!”
เธอรีบพยักหน้าเป็นพัลวันโดยไม่สนใจฟังว่าเขากำลังพูดอะไร เสี้ยววินาทีแห่งความเป็นความตายแบบนี้ ความยึดมั่นถือมั่น ความอิจฉาริษยาทั้งหลายไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุดอีกต่อไป เธอขอแค่ยังมีชีวิตรอดเป็นพอ
ทุกอย่างตรงหน้าเธอค่อยๆ มืดลง เธอหายใจติดขัดและลำบากมากยิ่งขึ้น เรี่ยวแรงที่มือถดถอยลงเรื่อยๆ ชั่ววินาทีที่เธอคิดว่าตัวเองคงใกล้ตายแล้ว ทันใดนั้น จิ้นหยวนกลับคลายมือออก
เธอสูดเอาอากาศล้ำค่าเข้าปอดเฮือกใหญ่ เธอขดตัวงอ น้ำตาไหลอาบแก้ม เสียงหึ่งๆ ดังก้องอยู่ในโสตประสาท
จิ้นหยวนมองเธออย่างเย็นชา “จำขึ้นใจหรือยัง? ต่อไปห้ามเข้าห้องนอนฉันอีก ห้ามเอ่ยชื่อเธออีก ห้ามไปหาพ่อฉันอีก ไม่อย่างนั้น ครั้งหน้าฉันจะไม่ปรานีเธออีก”
เขาเอ่ยน้ำเสียงเรียบเรื่อยราวกับกำลังพูดคุยเรื่องสัพเพเหระ เธอกลัวจนหัวหด ได้ยินคำพูดของเขาแล้วได้แต่พยักหน้าหงึกๆ โดยพูดอะไรไม่ออกสักคำ
จิ้นหยวนมองเธอด้วยความเฉยชาแวบหนึ่งแล้วหมุนตัวเดินออกจากห้อง ห้องนี้แปดเปื้อนจนสกปรกแล้ว เขาจะไม่มีวันใช้ห้องนี้อีก
ผ่านเวลาไปสักพัก ในที่สุดเธอก็หายใจเป็นปกติ เธอพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่งพลันได้ยินเสียงเขาขับรถออกจากบ้าน
เธอสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ พลางลูบคลำลำคอตัวเองเบาๆ ไม่ต้องดูก็รู้ว่าตรงนั้นต้องมีร่องรอยที่ถูกเขาใช้แรงบีบคอเธอทิ้งเอาไว้อย่างแน่นอน
เปลวเพลิงแห่งความโกรธแค้นและความอัปยศอดสูเผาไหม้อยู่ในใจเธอ คุณหนูที่ไม่เคยถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรีอย่างเธอทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอลุกขึ้นแล้วกวาดสิ่งของที่วางอยู่บนโต๊ะทั้งหมดลงพื้น “จิ้นหยวน เฉียวซือมู่ ฉันไม่มีวันปล่อยพวกคุณไปแน่!”
เธอยกระดับความโกรธเกลียดเฉียวซือมู่เป็นเกลียดเข้ากระดูกดำในเวลาเพียงเสี้ยววินาที