รถยนต์ถูกขับมาจอดลงตรงหน้าโรงพยาบาล เขารีบอุ้มเฉียวซือมู่กระโดดลงจากรถ ตอนนี้หัวใจเธอเต้นอ่อนมาก ขืนยังเป็นแบบนี้ ไม่เกินสิบนาทีเธอคงเสียชีวิตระหว่างหมดสติเป็นแน่
เขาร้อนใจดั่งไฟเผา อุ้มเธอวิ่งพุ่งเข้าไปในโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว ทีมแพทย์ที่ได้รับแจ้งเหตุก่อนหน้านี้และเตรียมพร้อมแล้วรีบวิ่งเข้าไปรับตัวผู้ป่วย เฉียวซือมู่ถูกหามขึ้นเตียงรถเข็น และถูกส่งตัวเข้าห้องฉุกเฉินทันที
เขาหยุดยืนอยู่หน้าประตูห้องฉุกเฉิน สีหน้าถมึงทึงจนน่าตกใจ ลูกน้องของเขาเห็นสีหน้าน่ากลัวของเขาแล้วไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เขาสักคน สักพักเขาจึงเป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้น “ผลเป็นยังไงบ้าง?”
ลูกน้องคนสนิทของเขาที่ชื่อเจิ้งไห่เดินเข้าไปหาเขา รายงานเสียงเบา “ได้เรื่องแล้วครับ ปัญหาอยู่ตรงแก้วไวน์ที่ทางร้านใช้ครับ แก้วไวน์ของคุณเฉียวถูกคนป้ายยาพิษชนิดพิเศษเอาไว้ หลังจากดื่มเครื่องดื่มที่อยู่ในแก้วแล้ว ฤทธิ์ยาจะทำให้การทำงานของหัวใจและการหายใจช้าลง ในที่สุดคนดื่มจะเสียชีวิตระหว่างที่หมดสติ เป็นยาพิษที่ออกฤทธิ์ร้ายแรงมากครับ”
“เป็นฝีมือใคร?” แววตาเขาเย็นเยือก คนร้ายถึงขั้นกล้าลงมือป้ายยาพิษใต้จมูกเขา นี่มันหยามกันมากเกินไปแล้ว
เจิ้งไห่จำต้องรายงานต่อ “ทางร้านจ้างคนงานล้างจานเป็นรายวัน คนงานที่ทำหน้าที่ล้างจานวันนี้เพิ่งจะเริ่มทำงานเมื่อวาน เมื่อครู่เราตามไปถึงที่พักของเขา แต่เขาหนีไปแล้วครับ”
นับตั้งแต่เฉียวซือมู่ถูกพิษจนถึงตอนนี้ เวลาเพิ่งจะผ่านไปเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น พวกเขาสามารถสืบจนได้เรื่องมากมายขนาดนี้ถือว่าประสิทธิภาพสูงมากแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถลากตัวคนร้ายออกมาได้
แสดงว่าฝ่ายตรงข้ามวางแผนมาเป็นอย่างดีตั้งแต่แรกแล้ว
ฉีหย่วนเหิงสั่งให้ลูกน้องจองร้านอาหารเมื่อวานนี้ ปรากฎว่าคนงานน่าสงสัยคนนั้นก็เริ่มงานเมื่อวานเหมือนกัน เรื่องนี้จะต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน แสดงว่าคนพวกนั้นจะต้องรู้ว่าเขาต้องไปที่ร้านอาหารนี้อย่างแน่นอน ถึงได้วางแผนนี้ขึ้น
แล้วคนพวกนั้นรู้ความเคลื่อนไหวของเขาได้อย่างไร?
เขาคิดออกทันทีว่าข้างกายเขาจะต้องมีเกลือเป็นหนอนเป็นแน่
เจิ้งไห่ได้ข้อสรุปเช่นเดียวกันกับเขา เขาแอบชำเลืองมองเจ้านายตัวเองด้วยความรู้สึกอกสั่นขวัญแขวน ฉีหย่วนเหิงหรี่ตาแคบ เอ่ยเสียงต่ำ “สืบต่อ สืบจนกว่าจะรู้ความจริงทั้งหมด”
เจิ้งไห่ลังเลเล็กน้อย “แล้วถ้าเกิด…”
ฉีหย่วนเหิงรู้ว่าเขาจะพูดอะไร จึงเอ่ยขัดขึ้น “ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ห้ามปล่อยให้หลุดรอดไปได้แม้แต่คนเดียว”
“ครับ!”
ฉีหย่วนเหิงสูดหายใจลึก รู้สึกกลัวจับใจ
เขาปล่อยให้เธอถูกลอบทำร้ายใต้จมูกเขา…
ช่างเป็นเรื่องเหลวไหลและน่าหัวเราะที่สุด
เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ยาวหน้าห้องฉุกเฉิน สายตาจับจ้องอยู่ที่ประตูห้องที่ปิดสนิท ในใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัว นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกกลัวสุดหัวใจเพราะผู้หญิงคนหนึ่ง
เพียงไม่นาน มีนายแพทย์คนหนึ่งเดินออกมา เขาเอ่ยกับฉีหย่วนเหิงเสียงเครียด “คนไข้น่าจะได้รับสารพิษชนิดพิเศษเข้าสู่ร่างกายซึ่งทำร้ายร่างกายเธอมาก เราล้างท้องและใช้วิธีทำให้อาเจียนเพื่อขับสารพิษส่วนใหญ่ออกจากร่างกาย แต่ยังมีสารพิษบางส่วนเข้าสู่กระแสเลือดและอวัยวะภายใน ตอนนี้เราจึงต้องใช้วิธีที่ปลอดภัยต่อคนไข้ที่สุดในการขับสารพิษออกจากร่างกายเป็นการชั่วคราว ตอนนี้จึงยังบอกอะไรไม่ได้”
“เข้าใจแล้วครับ แล้วเป็นสารพิษชนิดไหนเหรอครับ?” ฉีหย่วนเหิงเอ่ยถาม
นายแพทย์คนนั้นชักหัวคิ้วชนกันแน่น “เป็นสารพิษที่พบได้น้อยมาก หมอเองก็เพิ่งจะเคยเจอเคสที่ยาพิษเข้าควบคุมการทำงานของหัวใจและการหายใจแบบนี้เป็นครั้งแรกเหมือนกัน ถ้าช้ากว่านี้อีกแค่สิบนาที เราอาจจะช่วยชีวิตคนไข้ไม่ทัน แต่ยาพิษแบบนี้พบได้น้อยมาก เราเองก็ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร ต้องส่งไปวิเคราะห์ก่อนถึงจะรู้ผล”
ฉีหย่วนเหิงสูดหายใจลึก พยายามสะกดกลั้นอารมณ์อยากจะด่าคนเอาไว้ เขาพยักหน้าเล็กน้อยแล้วไม่ได้พูดอะไรอีก
นายแพทย์คนนั้นเห็นภาพแบบนี้จนชินตา เมื่อเห็นฉีหย่วนเหิงไม่ได้ถามอะไรอีกจึงหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในห้องฉุกเฉินอีกครั้ง
ฉีหย่วนเหิงฝังหน้าตัวเองลงบนฝ่ามือตัวเอง รู้สึกเสียใจมาก
สักพัก เจิ้งไห่เรียกเขาเบาๆ “พี่ใหญ่ พี่ใหญ่ครับ…”
ดวงตาเขาแดงก่ำ “มีอะไร?”
“คือว่า… คือว่าหมอนอร์แมนบอกว่าติดธุระ มาไม่…” ยังไม่ทันเอ่ยจบก็ถูกฉีหย่วนเหิงแย่งโทรศัพท์มือถือไปต่อหน้าต่อตา “นอร์แมน ถ้าคุณไม่มา ผมพังห้องวิจัยคุณแน่!”
นอร์แมนเอ่ยเนิบนาบ “ตามใจ ผมกำลังจะย้ายบ้านอยู่พอดีเลย ถ้าคุณพังมัน ผมก็จะได้ถือโอกาสสร้างหลังใหม่ด้วย”
เขาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “นี่คุณ!”
“ไม่ต้องเกรงใจ”
นอร์แมนเป็นหมออัจฉริยะ ไม่มีคนไข้คนไหนที่เขารักษาไม่หาย แต่เขาเป็นคนประหลาด จะรักษาคนไข้ก็ต้องดูอารมณ์ของเขาด้วย ครั้งนี้ฉีหย่วนเหิงใช่ว่าจะสามารถเชิญให้เขามาให้การรักษาได้
ตอนนี้อาการของเฉียวซือมู่เป็นตายเท่ากัน เขาจะยอมแพ้ไม่ได้เด็ดขาด เขายอมอ่อนข้อลง แต่ต่อให้เขาพูดอย่างไรนอร์แมนก็ไม่ยอมมา แถมยังตัดสายเขาดื้อๆ เสียอีก
ฉีหย่วนเหิงโกรธจัด ขว้างโทรศัพท์มือถือกระแทกกำแพงอย่างแรงจนเกิดเสียงดังลั่น
เจิ้งไห่ตกใจจนอกสั่นขวัญหาย แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปห้ามเขา
ฉีหย่วนเหิงยืนใจลอยอยู่หน้าประตูห้อง เขายืนแน่นิ่งอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน จากนั้นฝังใบหน้าลงบนฝ่ามือ พูดอะไรไม่ออกสักคำ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน จู่ๆ เจิ้งไห่ก็เอ่ยเรียกเขาอีก “พี่ใหญ่ โทรศัพท์ของพี่ครับ”
เขายื่นมือออกไปรับโทรศัพท์มือถือมาจากเจิ้งไห่ ตาโตทันทีที่เห็นว่าใครโทรมัน เขารีบแนบโทรศัพท์มือถือกับหู “ไอ้ตัวแสบ ไปบอกให้เขาเตรียมห้องฉุกเฉินเอาไว้ให้พร้อม อีกหนึ่งชั่วโมงถึง”
เสียงนอร์แมนดังลอดมาตามสาย เขาเบิกตาโตด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “คุณ.. คุณจะมาใช่ไหม?”
“พูดอะไรเหลวไหล หรือคุณไม่เต็มใจ? ถ้างั้นผมไม่ไปก็ได้”
“เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้น เดี๋ยวผมไปบอกให้เขาเตรียมทุกอย่างให้พร้อม คุณรีบมานะ” เขาวางสาย รู้สึกโล่งใจไปอีกหนึ่งเปราะ
นอร์แมนเป็นนายแพทย์ที่วิจัยด้านเภสัชวิทยาโดยเฉพาะ พรสวรรค์ทางด้านนี้ของเขานั้นไม่มีใครสามารถเทียบเคียงได้ ถ้าเขาช่วย เฉียวซือมู่ต้องรอดแน่
แต่ว่า ทำไมอยู่ดีๆ เขาถึงเปลี่ยนใจล่ะ?
เขามุ่นหัวคิ้วสงสัย หรือว่าเขาจะเปลี่ยนใจหลังจากวางสายไปแล้ว?
มันก็ไม่แน่ เพราะนอร์แมนมีนิสัยแปลกประหลาดไม่แตกต่างจากนักวิทยาศาสตร์ทั่วไป ไม่แปลกที่อยู่ดีๆ จะเปลี่ยนใจแบบนี้
หนึ่งชั่วโมงต่อมา นอร์แมนมาถึงโรงพยาบาลพร้อมผู้ช่วยที่หิ้วกระเป๋าเนื้อโลหะมาด้วย
ฉีหย่วนเหิงโล่งอก รีบเดินเข้าไปต้อนรับเขาทันที นอร์แมนยังคงยืนอยู่ที่เดิมพลางเอ่ยถาม “คนไข้ล่ะ?”
ตอนนี้เป็นช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อ ฉีหย่วนเหิงไม่มีเวลามาสนใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เขาชี้ไปยังประตูห้องฉุกเฉินที่เฉียวซือมู่อยู่ข้างใน นอร์แมนเดินไปหยุดยืนอยู่หน้าประตูห้อง ยกมือขึ้นเคาะประตูอย่างไม่เกรงใจ นางพยาบาลเปิดประตูออกพร้อมเอ่ยอย่างไม่พอใจ “นี่ห้องฉุกเฉิน…”
เธอเอ่ยไม่ทันจบประโยคก็เงียบเสียงลงเพราะจำได้ว่านอร์แมนเป็นใคร
นอร์แมนเป็นนายแพทย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในวงการแพทย์ ชื่อของเขาเปรียบได้กับบัตรผ่านพิเศษ ไม่มีโรงพยาบาลไหนกล้าปฏิเสธเขา
น้ำเสียงไม่พอใจของนางพยาบาลคนนั้นแปรเปลี่ยนเป็นความดีใจแทน “คุณหมอนี่เอง…”
ประตูห้องฉุกเฉินถูกปิดลงอีกครั้ง ฉีหย่วนเหิงถอนหายใจโล่งอก
มีนอร์แมนอยู่ทั้งคน เพียงไม่นาน อาการของเฉียวซือมู่คงที่ หลังจากนายแพทย์คนหนึ่งออกมาแจ้งข่าวให้ฉีหย่วนเหิงทราบ เขาถึงปลดปล่อยตัวเองออกจากความรู้สึกผิด
แม้ทีมแพทย์จะขับสารพิษส่วนใหญ่ออกจากร่างกายเฉียวซือมู่แล้ว แต่เธอยังคงหลับไม่ได้สติเหมือนเดิม อาการประหลาดมาก