นอร์แมนอธิบายว่าสารพิษเข้าสู่ร่างกายเธอจนทำให้ร่างกายเธอเสียหายอย่างหนัก สมองจึงสั่งให้ร่างกายเข้าสู่สภาวะหลับสนิท
นอร์แมนเองก็เพิ่งเคยเจอสารพิษแปลกประหลาดแบบนี้เป็นครั้งแรกเหมือนกัน เขาเก็บตัวอย่างสารพิษแล้วเอากลับไปวิเคราะห์ทันที
เฉียวซือมู่หลับตั้งแต่กลางคืนจนถึงเช้าอีกวัน จากเช้าอีกวันหลับจนถึงกลางคืน ระหว่างนี้ คริสยังอุตส่าห์แบกร่างกายบอบช้ำมาเยี่ยมเธอ ดวงตาสีเขียวสวยคู่นั้นฉายแววสงสารจับใจเมื่อเห็นว่าเธอยังคงหลับสนิทเหมือนเดิม
ฉีหย่วนเหิงแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น ตอนที่เขาฝากฝังให้คริสช่วยดูแลเฉียวซือมู่นั้น เขาไม่เคยคิดเลยว่าคริสจะตกหลุมรักเธอ เขาเป็นคนที่แอนตี้พฤติกรรมเพื่อนแย่งแฟนเพื่อนมาก เขาจึงแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นสีหน้าของเพื่อนรักในยามนี้ ได้แต่ปั้นหน้าเรียบเฉยแล้วตั้งหน้าตั้งตาดูแลเฉียวซือมู่
คริสถอนหายใจด้วยความเสียดาย ร่างกายเขาบาดเจ็บหนัก ไม่สามารถออกมาข้างนอกเป็นเวลานานๆ ถึงเขาจะรู้สึกเสียดายและไม่อยากกลับห้องคนไข้มากแค่ไหน แต่เขาก็ต้องค่อยๆ ลากสังขารบอบช้ำของตัวเองกลับห้องอย่างเสียไม่ได้
ฉีหย่วนเหิงมองตามแผ่นหลังของคริสที่เดินลับตาไปแล้ว เขาหลุบตาลงต่ำ เจิ้งไห่เดินเข้าไปพูดอะไรบางอย่างข้างหูเขา เขาได้ยินแล้วชายตาขึ้น
เขาครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วยิ้มเยาะ จากนั้นเอ่ยกับเจิ้งไห่ “ไปรองน้ำอุ่นมาให้หน่อย เอาผ้าขนหนูด้วย”
เจิ้งไห่จัดหาสิ่งที่เขาต้องการมาให้ เขาชี้ไปยังประตูห้อง “ออกไปรอข้างนอก”
เจิ้งไห่ชะงักเล็กน้อยแล้วเดินออกไปด้วยความเสียดาย
พี่ใหญ่ของเขาหลอกคนเก่งมาก คนคนนั้นน่าสงสารจัง…
ขณะที่เจิ้งไห่กำลังจะเปิดประตูนั้น จู่ๆ ประตูห้องก็ถูกใครบางคนถีบออกอย่างแรงจนเกิดเสียงดังปังใหญ่
ฉีหย่วนเหิงหันกลับไปมอง แขกไม่ได้รับเชิญเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นในห้องอย่างชัดเจน เขาโกรธจนควันออกหู ก้าวพรวดๆ เข้าไปในห้องแล้วเหวี่ยงหมัดใส่แผ่นหลังของฉีหย่วนเหิง ฉีหย่วนเหิงเตรียมพร้อมอยู่แล้วจึงเบี่ยงตัวหลบได้ทัน
ฉีหย่วนเหิงค่อยๆ หมุนตัวกลับ ในมือยังถือผ้าขนหนูเอาไว้ “นายช้ามากเลยนะ จิ้นหยวน”
จิ้นหยวนสวมชุดสูทพอดีตัว ร่างกายสูงใหญ่ ท่าทางสง่างามดุจคุณชายสูงศักดิ์ แต่ใบหน้าที่กำลังโกรธจัดและดวงตาที่โกรธจนลุกเป็นไฟทำให้ความสง่างามนั้นลดทอนลงไปไม่น้อย
แต่เขาไม่สนใจสักนิด สายตาของเขาเย็นยะเยือกทันทีที่เห็นเฉียวซือมู่ที่กำลังนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงสวมชุดคนไข้ที่ดูไม่เรียบร้อย โดยมีผ้าห่มที่ฉีหย่วนเหิงคลุมเอาไว้ให้เธออย่างลวกๆ จนดูวับๆ แวมๆ เขาเดินเข้าไปดึงผ้าห่มขึ้นคลุมร่างกายเธอให้มิดชิด จากนั้นหมุนตัวกลับไปหาชายอีกคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง เขาตวาดเสียงดังลั่น “ไสหัวออกไปให้หมด!”
จิ้นหยวนทำทุกอย่างเร็วมาก และจากตำแหน่งที่คนที่เพิ่งเดินตามเข้ามาทีหลังยืนอยู่นั้น ทำให้มองไม่เห็นว่าเฉียวซือมู่ที่นอนอยู่บนเตียงอยู่ในสภาพไหน เสียงตวาดของจิ้นหยวนทำให้เขาต้องรีบเดินก้มหน้างุดออกจากห้องทันที และไม่ลืมปิดประตูให้สนิท
จิ้นหยวนก้มหน้าลงมองใบหน้าของหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมกอดของเขาพลางลูบไล้ริมฝีปากเธอเบาๆ จู่ๆ เขาก็เงยหน้าขึ้น “นายเองก็ไสหัวออกไปได้แล้ว!”
ฉีหย่วนเหิงไม่เพียงไม่ทำตาม แต่ยังเดินเข้าไปหาเขาช้าๆ “นี่นายลืมไปหรือเปล่าว่าฉันไม่ใช่ลูกน้องของนาย ถ้าอยากแสดงอำนาจก็เชิญออกไปข้างนอกโน่น”
จิ้นหยวนสีหน้ารังเกียจ “นายคิดว่าตัวเองเป็นใคร? ถือสิทธิ์อะไรยืนอยู่ตรงนี้? หรืออยากจะคลานออกไป!”
เขาหมายถึงคลานออกไปจริงๆ
ฉีหย่วนเหิงไม่กลัวสักนิด “นายจะโกรธทำไม? นายแต่งงานกับหร่วนเซียงเซียงแล้วไม่ใช่หรือไง? นายกับเธอตัดขาดกันแล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วจะมาทำลึกซึ้งอะไรตอนนี้?”
สีหน้าจิ้นหยวนแย่มาก “ใครบอกว่าเราเลิกกันแล้ว?”
“แล้วนายคิดว่าใครล่ะ เธอพูดเองหรือว่าฉันพูดเอง?” ฉีหย่วนเหิงเอ่ยอย่างไม่ไว้หน้า “ฉันสารภาพรักกับเธอสำเร็จแล้ว เพราะฉะนั้น แฟนเก่าอย่างนายควรเป็นฝ่ายออกไปเพื่อไม่ทำให้แฟนใหม่อย่างฉันหึงไม่ใช่เหรอ?”
จิ้นหยวนทนฟังไม่ไหวอีกต่อไป เขากระโดดตัวลอยปล่อยหมัดชกหน้าฉีหย่วนเหิงอย่างแรง “ไสหัวออกไปซะ!”
ฉีหย่วนเหิงหน้าเปลี่ยนสีทันที “ฉันให้เกียรตินาย แต่นายกลับเห็นฉันเป็นแมวป่วยอย่างนั้นเหรอ?”
เขายกแขนขึ้นบังหมัดของจิ้นหยวนเอาไว้ได้ จากนั้นเหวี่ยงขาเตะจิ้นหยวนเป็นการตอบโต้
ทั้งสองตะลุมบอนกันอุตลุด ข้าวของเครื่องใช้ในห้องแตกดังโพล้งเพล้ง เสียงดังออกไปนอกห้องจนลูกน้องทั้งของจิ้นหยวนและฉีหย่วนเหิงต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
ทั้งสองทั้งเตะทั้งต่อยกว่าครึ่งชั่วโมง ข้าวของเครื่องใช้ในห้องถูกทำลายจนไม่เหลือชิ้นดี
โชคดีที่ทั้งสองยังพอมีสติเหลืออยู่บ้าง ต่างเลี่ยงไม่เข้าใกล้เตียงคนไข้ หลังตะลุมบอนกันจนหนำใจ สิ่งเดียวที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ก็คือเตียงคนไข้หลังนั้น
เฉียวซือมู่ยังคงหลับสนิทไม่ไหวติง ไร้ปฏิกิริยาใดๆ ตอบสนองต่อการกระทำที่เหมือนเด็กๆ ของพวกเขา ใบหน้าเธอแดงเรื่อ มุมปากยกขึ้นน้อยๆ ราวกับว่ากำลังนอนหลับฝันดี
จิ้นหยวนเบนสายตามองหน้าเธอแล้วไม่อาจละสายตาจากเธอได้อีก
จิ้นหยวนปากแตก เลือดกำเดาไหลเป็นทาง สภาพดูไม่ได้เลย แต่เขากลับไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด เขาค่อยๆ เดินไปที่เตียงคนไข้ มือหยาบใหญ่ลูบใบหน้าเธอเบาๆ จากนั้นยืดตัวตรงหันไปมองฉีหย่วนเหิงตาเขียวปั๊ด “นายไปทำอีท่าไหนเข้าเธอถึงกลายเป็นแบบนี้?”
น้ำเสียงเขาโกรธจัด จะโทษเขาก็ไม่ได้ เขากำลังจะพาตัวเธอกลับอยู่แล้วแท้ๆ แต่กลับถูกฉีหย่วนเหิงเล่นงานเสียก่อน เขาจำใจบินกลับประเทศเพื่อบังคับบัญชาเรื่องงานด้วยตัวเอง เพิ่งจะแก้ปัญหาเรื่องงานเสร็จก็ได้รับข่าวว่าเฉียวซือมู่ตกอยู่ในอันตราย เขาจึงรีบบินมาที่มิลานทันที มาถึงก็เห็นฉีหย่วนเหิงกำลังแต๊ะอั๋งผู้หญิงของเขาพอดี
แล้วจะไม่ให้เขาโกรธได้อย่างไร? เห็นได้ชัดว่าที่เฉียวซือมู่ยังหลับไม่ได้สติแบบนี้เป็นเพราะยังมีสารพิษตกค้างอยู่ในร่างกาย นอกจากความโกรธแล้ว ตอนนี้ยังมีความกังวลต่างๆ นานาเพิ่มเข้ามาด้วย
ฉีหย่วนเหิงค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้นจากมุมกำแพง ตาข้างหนึ่งถูกชกจนเบ้าตาเขียวช้ำ สภาพน่าตลกมาก ขาข้างหนึ่งบาดเจ็บจนต้องเดินกะเผลกๆ แต่เขาไม่ยอมแสดงความอ่อนแอออกมาเด็ดขาด “นายคิดว่าตัวเองไม่ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้อย่างนั้นเหรอ? ฉันจะบอกอะไรให้นะ เฉียวซือมู่ถูกทำร้ายก็เพราะนาย!”
“เหลวไหล!” จิ้นหยวนโกรธจนหน้าดำหน้าแดง “นายไม่ต้องโยนความผิดมาให้ฉันเลยนะ ช่วงที่ผ่านมาฉันไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วยซ้ำ แล้วจะเกี่ยวกับฉันได้ยังไง?”
“นายไม่เชื่อใช่ไหม? ไม่เป็นไร ฉันมีหลักฐาน” เอ่ยจบแล้วเรียกลูกน้องที่อยู่ด้านนอก “เจิ้งไห่ เอาหลักฐานมาให้ท่านประธานจิ้นดูซิ”