นอร์แมนเบิกตาโต “คุณพูดจริงเหรอ? ตัวยาในนี้สลับซับซ้อนมาก ผมไม่กล้ารับประกันหรอกนะว่ามันจะส่งผลร้ายต่อร่างกายคุณมากขนาดไหน”
จิ้นหยวนตอบหน้านิ่ง “ร่างกายผมแข็งแรงกว่า” เอ่ยพลางปรายตามองผู้ช่วยนอร์แมนแวบหนึ่งด้วยความขัดหูขัดตา “ไม่ต้องให้เขาลองหรอก เจาะเลือดไม่กี่หลอดได้เป็นลมล้มพับแน่”
กล้ามเนื้อบนใบหน้าของผู้ช่วยผู้มีหุ่นเพรียวลมกระตุก เขาเบนสายตาหนีเงียบๆ สาวๆ ชอบหุ่นแบบนี้จะตาย แต่เขากลับรังเกียจอย่างนั้นหรือ?
จิ้นหยวนเป็นคนพูดจริงทำจริง เขาจัดการงานทุกอย่างเรียบร้อย จากนั้นเข้าสู่กระบวนการทดลองของมอร์แมนอย่างเต็มตัว
เขาออกจากบ้านเพื่อมาที่ห้องทดลองทุกวัน โดยให้คนที่เขาไว้ใจที่สุดเป็นคนเฝ้าเฉียวซือมู่เอาไว้ เขาใช้ยาพิษวันละนิดภายใต้การดูแลอย่างเข้มงวดของนอร์แมน เพราะไม่แน่ใจว่าต้องใช้จำนวนมากน้อยแค่ไหน นอร์แมนจึงให้เขาใช้ยาในปริมาณไมโครกรัมเท่านั้น
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะร่างกายของจิ้นหยวนแข็งแรงเกินไป หรือเป็นเพราะยาผงนี้ไม่ได้ออกฤทธิ์รุนแรงมากนัก เพราะอย่างมากเขาก็แค่เวียนศีรษะเล็กน้อยเท่านั้น และไม่มีอาการอื่นอีก
นอร์แมนโล่งอก เจาะเลือดเขาไปเป็นตัวอย่างหนึ่งหลอดด้วยความพึงพอใจ จากนั้นทิ้งเขาเอาไว้โดยไม่สนใจไยดีเขาอีก
เขาลุกขึ้นยืนอย่างไม่ใส่ใจนัก ขณะที่เตรียมตัวจะกลับนั้นกลับถูกผู้ช่วยนอร์แมนเรียกเอาไว้เสียก่อน “คุณจิ้น กรุณารอสักครู่ คุณกลับไปทั้งๆ แบบนี้ไม่ได้นะครับ ถ้าเกิด…”
เขาส่ายศีรษะเล็กน้อย ในใจเป็นห่วงเฉียวซือมู่ที่ยังหลับไม่ได้สติอยู่ที่บ้าน เขาหมุนตัวแล้วเดินหายเข้าไปในความมืด
ผู้ช่วยเลิกคิ้วเล็กน้อย รู้สึกว่าเขาไม่ใส่ใจชีวิตของตัวเองเลย ถ้าเกิดยาออกฤทธิ์กลางทางจะทำอย่างไร?
นอร์แมนส่ายศีรษะพลางเอ่ยประชด “ความรักนี่มันดีจริงๆ ดีจริงๆ…”
เขารู้แล้วว่าจิ้นหยวนเห็นหญิงสาวคนนั้นสำคัญกว่าชีวิตตัวเอง ความจริงใช้ตัวอย่างเลือดของเธอโดยตรงในการทดลองก็ได้ แต่จิ้นหยวนกลับไม่ยอม จะใช้ตัวเองเป็นหนูทดลองท่าเดียว เฮ้อ… ความรักหนอความรัก…
จิ้นหยวนก้าวลงจากรถพลันร่างกายซวนเซเล็กน้อย แต่เขาประคองตัวให้ยืนตัวตรงอย่างรวดเร็ว จากนั้นก้าวยาวๆ เดินเข้าไปในคฤหาสน์
เขาเปิดประตูออก เห็นเฉียวซือมู่ยังคงหลับไม่ได้สติอยู่บนเตียง สายยางยาวๆ ฝังอยู่บนหลังมือ ของเหลวสีใสหยดลงทีละหยดๆ ผ่านสายยางเส้นนั้นเข้าสู่ร่างกายเธอ
ของเหลวนั่นคืออาหารเหลว ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเธอต้องอาศัยสารอาหารจากอาหารเหลวพวกนี้ในการหล่อเลี้ยงร่างกาย อย่างไรเสียมันก็ไม่ใช่อาหารปกติอยู่ดี แม้เธอจะได้รับยารักษาที่ดีที่สุด แต่ร่างกายเธอก็ผ่ายผอมลงทุกวันๆ ใบหน้าที่เคยมีน้ำมีนวลตอบลงอย่างเห็นได้ชัดเจน สีหน้าขาวซีด
จิ้นหยวนเห็นแล้วรู้สึกสงสารเธอจับใจ เพราะแบบนี้เขาถึงยอมเสียสละใช้ร่างกายตัวเองทดลองยาพิษเพื่อวิจัยยาถอนพิษให้ได้
ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมถึงไม่ใช้ตัวอย่างเลือดของเธอโดยตรงนั้น เรื่องนี้ยังจะต้องให้พูดอีกหรือ? ก็เพราะตอนนี้ร่างกายเธอแย่มากนะสิ เขาจะไม่ยอมทำอะไรก็ตามที่เป็นการทำร้ายร่างกายเธอให้แย่มากไปกว่านี้
สาวใช้ที่กำลังใช้ไม้พันสำลีชุบน้ำแตะลงบนริมฝีปากเธอเบาๆ ลุกขึ้นยืนพลางเอ่ยอย่างกระวนกระวาย “คุณชาย”
เขาส่ายศีรษะเป็นการบอกให้เธอออกไป จากนั้นหยิบไม้พันสำลีมาจากมือเธอ
สาวใช้เดินออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ เขาลากเก้าอี้มาตัวหนึ่งแล้วนั่งลงข้างเตียง จากนั้นเริ่มใช้ไม้พันสำลีชุบน้ำแตะริมฝีปากเธออย่างตั้งใจ
เธอนอนไม่ได้สติแบบนี้ อาหารเหลวแค่ช่วยหล่อเลี้ยงร่างกายเอาไว้เท่านั้น ภาวะร่างกายขาดน้ำจึงถือเป็นเรื่องปกติ จึงจำเป็นต้องมีคนคอยดูแลเธอย่างใส่ใจและใกล้ชิดตลอดเวลา รวมทั้งการทำให้ริมฝีปากชุ่มชื้น เช็ดตัว พลิกตัว และอื่นๆ อีกหลายอย่างที่จำเป็น หาไม่แล้ว การนอนติดเตียงเป็นเวลานานๆ จะทำให้กล้ามเนื้อลีบเล็ก เมื่อถึงเวลาที่เธอฟื้นขึ้นมา แม้แต่การยืนก็จะกลายเป็นเรื่องยากลำบากมากสำหรับเธอ
จิ้นหยวนไม่ยอมให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นเด็ดขาด เขาจัดคนผลัดกันดูแลเธออย่างใกล้ชิดในระหว่างที่เขาไม่มีเวลาดูแลเธอ เมื่อไหร่ก็ตามที่เขามีเวลาว่าง เขาจะมาดูแลเธอด้วยตัวเอง
ดั่งเช่นเวลานี้ เขาชุบผ้าขนหนูลงในอ่างน้ำใบเล็กอย่างใจเย็น หยิบผ้าขนหนูขึ้นบิดจนหมาด จากนั้นเลิกผ้าห่มบนตัวเธอออก แววตาเขาเศร้าลงทันทีที่เห็นร่างกายผ่ายผอมจนเหลือแต่กระดูกของเธอ เขารู้สึกเจ็บปวดราวมีดกรีด
คนตระกูลหร่วนสมควรตาย!
เขาคิดอย่างโกรธแค้น แต่มือกลับเช็ดตัวให้เธออย่างอ่อนโยน หลังจากเช็ดตัวให้เธอเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาลุกขึ้นยืนพลางปาดเหงื่อบนหน้าผากออก ยกอ่างน้ำใบเล็กที่มีผ้าขนหนูอยู่ในนั้นไปวางไว้อีกทาง เพราะเดี๋ยวก็มีสาวใช้เข้ามาเก็บเอง
เขาจ้องมองใบหน้าไม่รู้สึกรู้สาของเธออย่างเงียบๆ แววตาหมองเศร้าระคนสงสาร เขายืนมองเธออยู่อย่างนั้นพักใหญ่ จากนัน้ปีนขึ้นเตียง มุดเข้าไปในผ้าห่มแล้วกอดเธอเอาไว้แน่น
กลิ่นหอมสดชื่นอ่อนๆ กำจายจากร่างกายที่เพิ่งถูกเช็ดจนสะอาดของเธอดุจกลิ่นไอดินหลังฝนตก เขาก้มศีรษะลงสูดดมกลิ่นหอมสดชื่นจากกายเธอ หรือว่าคราวหน้าเขาควรจะทาโลชั่นบำรุงผิวหลังเช็ดตัวให้เธอ? ตอนนี้ผิวพรรณเธอไม่นุ่มนวลชุ่มชื้นเหมือนแต่ก่อน ถ้าเธอตื่นมาแล้วจะต้องเสียใจมากแน่…
นอกจากนี้ พรุ่งนี้จะต้องนวดตัวให้เธอนานขึ้น เพราะขาเธอนิ่มมากขึ้นอีกแล้ว…
เขานอนกอดเธอจนเข้าสู่ห้วงนิทรา หากมีใครมาเห็นภาพตรงหน้า คงคิดว่าเขาสองคนเป็นคู่รักที่สวรรค์บรรจงสร้างขึ้น คงไม่มีใครรู้หรอกว่าหนึ่งในนั้นเป็นคนที่หลับไม่ได้สติ
เช้าวันรุ่งขึ้น จิ้นหยวนเก็บซ่อนความอ่อนแอให้มิดชิด ดูแลเฉียวซือมู่เสร็จแล้วค่อยออกไปทำงาน เขายังมีภาระหนักอึ้งที่ยังวางลงไม่ได้ ในเมื่อตัดสินใจจะเล่นงานตระกูลหร่วน เขาก็จะเล่นงานให้ถึงที่สุด
หลินจื้อเฉิงเป็นห่วงจิ้นหยวนมากที่เขาใช้ตัวเองเป็นหนูทดลองยาพิษ หลังจากจิ้นหยวนไปถึงบริษัท เขาก็กวาดสายตาสำรวจจิ้นหยวนตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า จิ้นหยวนมุ่นหัวคิ้วพลางโบกมือเล็กน้อย “ไม่ต้องมองแล้ว”
เขาเอ่ยพลางเดินเข้าห้องทำงานของตัวเอง หลินจื้อเฉิงรีบเดินตามเขาเข้าไปในห้องทันที “พี่ใหญ่ พี่ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?”
“แล้วนายเห็นว่าไงล่ะ?” จิ้นหยวนปรายตามองเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉยแวบหนึ่ง จากนั้นก้มหน้าก้มตาจัดการเอกสารบนโต๊ะ ตอนนี้เวลาของเขามีค่ามาก เขาต้องแบ่งเวลาออกเป็นหลายส่วน วันๆ ยุ่งจนตัวเป็นเกลียว
หลินจื้อเฉิงมองเขาด้วยความเป็นห่วง พยายามเกลี้ยกล่อมเขา “พี่ใหญ่อย่าทำแบบนี้สิครับ เหลือเวลาให้ตัวเองได้พักหายใจบ้าง ขืนยังเป็นอย่างนี้ต่อไป คุณเฉียวยังไม่ทันฟื้นพี่ต้องล้มก่อนแน่”