หลินจื้อเฉิงเอ่ยจบแล้วจ้องจิ้นหยวนนิ่ง แต่เขากลับไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้น หากแต่โยนคำถามกลับไปให้เขาแทน “นายว่างมากนักหรือไง? เรื่องรายงานที่ฉันสั่งเมื่อวานไปถึงไหนแล้ว? แล้ว…”
หลินจื้อเฉิงตัวเย็นวาบ รีบเอ่ยแทรกโดยไม่รอให้เขาเอ่ยจบ “ฮาๆๆ พี่ใหญ่ ผมยุ่งมากๆ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ เชิญพี่ตามสบาย ตามสบายเลยนะครับ…”
เขาหัวเราะฮาๆ พลางเดินหนีพลาง พยายามปั้นยิ้มเต็มที่ จังหวะที่เขากำลังจะเดินไปถึงหน้าประตู เสียงจิ้นหยวนก็ดังขึ้น “เดี๋ยว”
เขาชะงักฝีเท้า หันไปเอ่ยหน้าเหยเก “พี่ใหญ่ เรื่องรายงานยังไม่เร็วขนาดนั้น…”
จิ้นหยวนเอ่ยแทรก “นายกำลังจะแต่งงานไม่ใช่เหรอ?”
เขาตะลึงนิ่งอึ้ง “คุณ… คุณพี่รู้ได้ยังไงครับ?”
เขาตกใจจนขานจิ้นหยวนอย่างสุภาพ จิ้นหยวนมุ่นหัวคิ้ว “ฉันดูน่ากลัวมากขนาดนั้นเลยหรือไง? จะตกใจอะไรขนาดนั้น”
หลินจื้อเฉิงยิ้มแหยๆ “ไหนๆ พี่ใหญ่ก็ถามแล้ว ถ้างั้นผมขอพูดตรงๆ เลยก็แล้วกัน หลังๆ มานี้ ยิ่งอยู่พี่ใหญ่ก็ยิ่งน่ากลัว จริงนะครับ แค่เห็นพี่ผมก็เสียวสันหลังวาบจนตัวสั่นแล้ว”
จิ้นหยวนมองเขาแล้วส่ายศีรษะเบาๆ “ฉันว่านะ เป็นเพราะยิ่งอยู่นายก็ยิ่งขี้ขลาดต่างหาก คิดว่าฉันจะจับนายไปต้มยำทำแกงหรือไง?”
เอ่ยพลางยื่นเอกสารอีกฉบับให้เขา “นี่ให้นาย”
“อะไรเหรอครับ?” เขารับมันมาเปิดดู ในนั้นเป็นหนังสือสัญญาซื้อขายคฤหาสน์หลังหนึ่ง “นี่มันอะไรกันครับ?”
เขาตกตะลึงจนอ้าปากค้างตั้งนานสองนาน
จิ้นหยวนมองเขาแวบหนึ่งแล้วเอ่ยขึ้นอย่างระอาใจ “ดูเหมือนไอคิวนายยิ่งอยู่ยิ่งต่ำนะ หุบปากก่อนแล้วค่อยพูดได้ไหม?”
เขารีบหุบปากทันทีแล้วเอ่ยขึ้นอย่างเก้อๆ “ก็ผมตกใจมากนี่ครับ” เอ่ยจบพลางเปิดหนังสือสัญญาในมือออก เขาเห็นชื่อตัวเองอยู่ในนั้นจริงๆ จึงเอ่ยขึ้นใหม่ “พี่หมายความว่ายังไงครับ?”
จิ้นหยวนมองเขาอีกแวบหนึ่ง “เป็นของขวัญที่ฉันให้นายไง”
ช่วงที่หลินจื้อเฉิงเล่นงานตระกูลจ้าน เขาได้รู้จักกับลูกสาวอีกคนของตระกูลจ้าน จิ้นหยวนเคยเห็นเด็กสาวคนนั้นแล้ว ตอนนี้งานแต่งงานของทั้งคู่ก็ใกล้เข้ามาเต็มที เพียงแต่เขาไม่เคยเอ่ยเรื่องนี้กับพี่ใหญ่ และไม่รู้ว่าจิ้นหยวนรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร
เขาซาบซึ้งใจมาก อ้าปากจะพูดแต่กลับถูกจิ้นหยวนเอ่ยขัดขึ้น “หยุด ฉันรู้ว่านายจะพูดอะไร เป็นพี่น้องกันมานานขนาดนี้ นายไม่จำเป็นต้องพูดอะไรทั้งนั้น ฉันไม่ต้องการให้นายตอบแทนอะไรฉัน รีบไปทำงานได้แล้ว!”
จิ้นหยวนเอ่ยชัดถ้อยชัดคำ เมื่อเห็นว่าหลินจื้อเฉิงยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติง จึงหรี่ตาแคบจ้องเขาเขม็ง “ทำไมยังไม่ไปอีก? หรือว่ามีอะไรจะรายงานฉัน? รายงานมา ฉันรอฟังอยู่”
หลินจื้อเฉิงหน้าเปลี่ยนสีทันที “ครับ ผมไปเดี๋ยวนี้แหละครับ” เอ่ยจบแล้วหมุนตัวเดินไปยังประตูห้อง เขาชะงักฝีเท้าเมื่อเดินไปถึงหน้าประตูห้อง จากนั้นเอ่ยขึ้นอย่างรวดเร็ว “ขอบคุณครับ”
เอ่ยจบแล้วรีบปิดประตูลงทันที
จิ้นหยวนยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย เอ่ยเสียงเบาหวิวว่าไอ้ตัวแสบ
หลินจื้อเฉิงเป็นพี่น้องที่ติดตามเขานานที่สุด ทำอะไรๆ ให้เขามาไม่น้อย ตอนนี้ใกล้ถึงวันแต่งงานของน้องคนนี้แล้ว เขาให้คฤหาสน์เป็นของขวัญกับเขาถือว่าเล็กน้อยมาก
หลินจื้อเฉิงที่ยืนอยู่นอกประตูห้องรู้สึกสับสนปนเป เขายืนมองหนังสือสัญญาในมือ สีหน้าดีใจสลับเศร้าหมอง ราวกับกำลังคิดถึงเรื่องที่หนักหนาสาหัสมาก สุดท้าย เขาได้แต่มองประตูบานนั้น ถอนหายใจหนักๆ แล้วเดินจากไป
พี่ใหญ่ดีกับเขามากขนาดนี้ เขาไม่ควรปิดบังเรื่องนั้นกับพี่ใหญ่เลย
รีบไปปรึกษามู่หรงอวิ่นเจ๋อดีกว่า
หลังเลิกงานจิ้นหยวนตรงไปยังห้องทดลองทันที นอร์แมนกำลังก้มหน้าก้มตาขมักเขม้นกับงานตรงหน้า จิ้นหยวนเอ่ยถาม “เป็นไงบ้าง?”
นอร์แมนยังคงก้มหน้าก้มตาทำงานเหมือนเดิม “ใช้ไม่ได้ ผมต้องการตัวอย่างเลือดมากกว่านี้”
จิ้นหยวนพับแขนเสื้อขึ้น “เชิญ”
นอร์แมนได้แต่ส่ายศีรษะ “คุณนี่นะ ผมว่าผมไปเจาะเลือดของสาวน้อยคนนั้นดีกว่า สบายใจได้ ฝีมือผมดีมาก ไม่ทำเธอเจ็บหรอก”
“ไม่ได้ ห้ามคุณแตะต้องเธอเด็ดขาด” จิ้นหยวนปฏิเสธเสียงเข้มทันที
นอร์แมนลังเลชั่วครู่ “ถ้าอย่างนั้นวันนี้คุณต้องกินยานั่นอีก และต้องเพิ่มปริมาณให้มากขึ้นด้วย คุณจะไหวเหรอ?”
แววตาจิ้นหยวนแน่วแน่ “ไม่เป็นไร คุณลงมือเถอะ”
ร่างกายเขาแข็งแรงกว่าเฉียวซือมู่เป็นไหนๆ จะต้องไม่เป็นไรแน่
นอร์แมนถอนหายใจ ถือยาในมือแล้วเดินเข้าไปหาเขา “นี่เป็นยานอนหลับที่ผมปรับปรุงใหม่ ผมสกัดส่วนผสมที่เป็นอันตรายต่อร่างกายออก คงส่วนผสมอื่นๆ เอาไว้เหมือนเดิม คุณแน่ใจแล้วใช่ไหม? ผมขอเตือนเอาไว้ก่อนเลยนะ คราวนี้คุณอาจจะหลับไม่ตื่นเหมือนเธอก็ได้”
“พูดมากน่า” จิ้นหยวนมองเขาอย่างเฉยชา
“โอเค” นอร์แมนจนปัญญา เขาหยิบแก้วน้ำขึ้นมา จากนั้นหยดน้ำยาลงในแก้ว “อะ ดื่มซะ ผมจะเจาะเลือดคุณหลังจากคุณหลับไปแล้ว ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดล่ะก็ …” ยังไม่ทันที่เขาจะเอ่ยจบ จิ้นหยวนก็กระดกแก้วน้ำขึ้นดื่มจนหมด
เขาเอ่ยด้วยความตกใจ “คุณจะรีบไปไหน? ผมยังพูดไม่จบเลยนะ”
“ตอนนี้คุณพูดต่อได้แล้ว” หลังจากดื่มน้ำในแก้วจนหมด แววตาจิ้นหยวนยังคงมั่นคงไม่เปลี่ยน
นอร์แมนกระแทกเท้าเบาๆ พลางถอนหายใจ “คราวนี้ผมมั่นใจห้าสิบเปอร์เซ็นต์ แต่ผลจะเป็นยังไงก็ต้องรอดูกันต่อไป” เอ่ยจบพลันเห็นจิ้นหยวนยืนโงนเงน ร่างสูงใหญ่ของเขาล้มพับไปทางนอร์แมนทันที
นอร์แมนรีบเข้าไปรับตัวจิ้นหยวนเอาไว้ เขาคงประเมินแรงของตัวเองสูงเกินไป จนเกือบถูกร่างแข็งแกร่งของจิ้นหยวนล้มทับ
เขาตะโกนเสียงดัง “เดวิด เดวิด มานี่เร็ว”
ผู้ช่วยของเขาที่ชื่อเดวิดกลั้นหัวเราะ รีบวิ่งเข้าไปประคองผู้ชายตัวโตสองคนเอาไว้ไม่ให้ล้ม นอร์แมนปัดมือตัวเองเบาๆ มองจิ้นหยวนแล้วส่ายศีรษะ “ยาออกฤทธิ์เร็วกว่าที่คิด ไหนๆ ก็เป็นแบบนี้แล้ว…” เขามองจิ้นหยวนพลางครุ่นคิดเล็กน้อย หมุนตัวไปหยิบอุปกรณ์มาเจาะเลือดเขา จากนั้นเดินโงนเงนไปทำงานของตัวเองต่อ ถูกจิ้นหยวนทวงถามความคืบหน้าทุกวัน เขาเองก็รู้สึกกดดันมากเหมือนกัน
เดวิดทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ประคองจิ้นหยวนเอาไว้ไม่ให้ล้ม แต่จิ้นหยวนตัวหนักมาก คนคนเดียวที่ช่วยเขาได้อย่างนอร์แมนก็ออกไปแล้ว เขาจึงจำต้องกัดฟันประคองจิ้นหยวนไปวางลงบนเตียงสนาม
นี่เป็นเตียงสนามที่เขาและนอร์แมนใช้เป็นที่พักผ่อนหลังจากทำงานหามรุ่งหามค่ำจนร่างกายเหนื่อยล้าจนทนไม่ไหว บนเตียงมีทั้งหมอนทั้งผ้าห่มครบครัน
เขาเองก็เป็นนักวิจัยสติเฟื่องเหมือนนอร์แมน หลังจากโยนจิ้นหยวนลงบนเตียงสนามถือว่าหมดธุระของเขาแล้ว เขาปัดมือตัวเองเบาๆ แล้วตามนอร์แมนออกไปทำงานทดลองต่อ
จิ้นหยวนตื่นขึ้นมาเห็นตัวเองยังอยู่ในเสื้อผ้าครบชุด เขานอนอยู่บนเตียงแคบๆ ตรงหน้าเป็นแสงไฟสีขาวเจิดจ้าแยงตา เขาลุกขึ้นนั่งด้วยความงงงวย พอเรียกสติกลับมาได้ถึงได้รู้ว่าตัวเองยังอยู่ในห้องทดลองของนอร์แมน
นอร์แมนกำลังหันหลังให้เขา ยังคงก้มหน้าก้มตาทำงานทดลองของตัวเองอย่างขมักเขม้น เขาค่อยๆ ลุกออกจากเตียงสนามแล้วเดินไปหยุดยืนอยู่ทางด้านหลังนอร์แมน เห็นเขากำลังถือหลอดทดลองสีแปลกๆ เอาไว้มืออย่างระมัดระวัง จิ้นหยวนเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย “นั่นคุณกำลังทำอะไรน่ะ?”
นอร์แมนสะดุ้งตกใจจนมือสั่นจนเกือบทำหลอดทดลองในมือหล่น
นอร์แมนหันไปด่าเขา “คุณไม่อยากได้ยาถอนพิษใช่ไหม? คุณรู้หรือเปล่าว่ามันยากมากขนาดไหนกว่าจะได้ของที่อยู่ในผมน่ะ?”
จิ้นหยวนเอ่ยขอโทษอย่างขอไปที “ขอโทษ ผมไม่รู้นี่ว่าคุณขี้ตกใจขนาดนี้” เอ่ยจบแล้วมองของที่อยู่ในมือเขา “นั่นยาถอนพิษเหรอ?”
นอร์แมนหมุนตัวไปหาเขา หยดของเหลวจากหลอดทดลองที่อยู่ในมือลงในแก้วที่ใส่ของเหลวสีใสเอาไว้ “ก็ประมาณนั้น”