เธอจ้องเขาตาเขม็ง หยาดน้ำใสค่อยๆ เอ่อคลอเต็มเบ้า
เขาเห็นน้ำตาเธอแล้วลนลานขึ้นมาทันที “โธ่ อย่าร้องเลยนะ คุณจะร้องไห้ทำไม…”
ตอนแรกเธอพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ แต่พอเขาพูดเท่านั้นแหละ น้ำตาเธอก็ไหลเปาะแปะทันทีเหมือนสร้อยไข่มุกที่ขาดผึง “คุณ… คุณรังแก…”
เธอเอ่ยกระท่อนกระแท่น เขาต้องพยายามเงี่ยหูฟังถึงฟังรู้เรื่อง คราวนี้เรื่องใหญ่แล้ว “ผมไปรังแกคุณตอนไหน? คุณอย่าใส่ร้ายผมอย่างนี้สิ”
“ก็… ก็…” ไหนๆ ก็หนีไม่พ้นแล้ว เธอจึงเช็ดน้ำตากับอกเขาเสียเลย ทำเอาเสื้อราคาสี่หลักของเขาเสียหายหมด
เขากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ได้แต่ตบแผ่นหลังเธอเบาๆ โอ๋เธอเสียงเบาราวกำลังโอ๋เด็กๆ “คุณนี่นะ คิดมากไปได้ ผมพูดเมื่อไหร่ว่าผมมีผู้หญิงคนอื่น”
“คุณ… คุณ…” เธอยังคงพูดไม่เป็นประโยคเหมือนเดิม จิ้นหยวนเข้าใจความหมายของเธอ เขาหัวเราะเบาๆ อยู่เหนือศีรษะเธอ “คุณหมายถึงคนที่ผมบอกว่าเพิ่งเรียนรู้เพื่อดูแลคนนั้นนะเหรอ? ก็คุณไง คุณคิดว่าตัวเองนอนหลับไปนานขนาดนั้น ใครเป็นคนอาบน้ำเช็ดตัวให้คุณกัน?”
เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความประหลาดใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยหยาดน้ำใส “ก็… ก็คุณ…”
“ก็ผมนะสิ ผมไม่ยอมให้สาวใช้หยาบกระด้างพวกนั้นดูแลคุณหรอก” เขาใช้นิ้วจิ้มจมูกเธอเบาๆ อย่างเอ็นดู “ตอนแรกผมแค่คิดจะหยอกคุณเล่นเฉยๆ ใครจะไปรู้ว่าคุณจะไม่รับมุกแบบนี้ ขี้น้อยใจจริงๆ…”
ใบหน้าเธอแดงก่ำ นึกไม่ถึงว่าคนที่เธอหึงจะกลายเป็นตัวเองไปเสียนี่ ในใจเต็มไปด้วยความอับอาย เลือดสูบฉีดจนใบหน้าแดงก่ำ
เขามองใบหน้าขัดเขินของเธอแล้วหอมแก้มเธอเบาๆ จนเธอตกใจ เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา เห็นเขาพยายามกระถดตัวให้ห่างจากตัวเธอ เขาหายใจแรง “คุณรีบรักษาตัวให้หายเร็วๆ …”
น้ำเสียงแหบพร่าสื่อความหมายของเขา ทำให้เธอหน้าแดงเป็นลูกตำลึง
เขาชื่นชมจนพอใจแล้วจึงเผยยิ้มบางๆ แล้ววางเธอลงบนเตียงอีกครั้ง จากนั้นเอ่ยกับเธอ “ก่อนหน้านี้ผมอาจจะทำเรื่องผิดพลาดมาไม่น้อย แต่ขอให้คุณเชื่อผม ต่อจากนี้ไป ผมจะไม่ทำให้คุณเสียใจอีก”
เธอจับมือเขาเอาไว้ ขยับริมฝีปากเล็กน้อย อยากจะถามเรื่องระหว่างเขากับหร่วนเซียงเซียง แต่เธอกลับพูดอะไรไม่ออก
เธออยากได้ยินเขาบอกเธอด้วยตัวเอง ไม่ใช่ให้เธอเป็นคนเอ่ยปากถามเขาเอง
แต่เธอรอแล้วรอแล้วเขาก็ไม่พูดอะไรสักอย่าง มีเพียงรอยจุมพิตที่ฝากไว้บนหน้าผากเท่านั้น เขาห่มผ้าห่มให้เธอแล้วตบเบาๆ “พรุ่งนี้ผมจะพาคุณไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล คุณพักผ่อนเถอะ”
เธอรู้สึกผิดหวังมาก ดวงตาคู่โตจ้องเขาตาไม่กะพริบ เขาคิดว่าเธอไม่อยากให้เขาไป จึงยิ้มบางๆ “ไม่อยากให้ผมไปเหรอ? คนดี ผมจะอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าคุณหลับ รีบนอนเถอะ”
เอ่ยจบแล้วนั่งลงข้างๆ เธอ มองดูเธอค่อยๆ หลับตาลง
เขานั่งรออยู่สักพัก รอจนกระทั่งลมหายใจเธอค่อยๆ สม่ำเสมอ เขาจึงค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้อง
เธอลืมตาพรึบทันทีที่ได้ยินเสียงปิดประตูเบาๆ อาจเป็นเพราะเธอนอนเยอะมากพอแล้ว เธอจึงไม่รู้สึกเหนื่อยสักเท่าไหร่
เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากใต้หมอน ปลดล็อกหน้าจอ กดเข้าไปอ่านข่าวอย่างรวดเร็ว
ข่าวของตระกูลจิ้นหาง่ายมาก กดเข้าไปเว็บไซต์ไหนก็มีข่าวของพวกเขา
เธอกดหาข่าวอย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็เห็นข่าวจากเว็บไซต์หนึ่งเขียนว่า หร่วนเซียงเซียงและพ่อแม่ของจิ้นหยวนเพิ่งไปออกงานการกุศลเมื่อคืนนี้
แววตาเธอหมองลง โยนโทรศัพท์มือถือทิ้ง
เธอยังแอบหวังเล็กๆ ว่าบางทีเขากับหร่วนเซียงเซียงยังไม่ได้แต่งงานกัน หร่วนเซียงเซียงไม่ใช่ภรรยาของเขา แต่ดูจากข่าวแล้ว ความหวังสุดท้ายของเธอแตกสลายในฉับพลัน
ชายที่เธอรักเป็นสามีของหญิงอื่น และตอนนี้เธอก็ไม่แตกต่างอะไรกับเมียน้อยของเขา
ความจริงนี้ทำให้เธอใจคอหดหู่มาก ให้เธอรวบรวมความกล้าไปจากเขาเธอก็ทำไม่ได้ ความรักความทะนุถนอม ความดูแลเอาใจใส่แสนอ่อนโยนของเขา ฝังแน่นในใจเธอแล้ว
ตอนนี้เทวากับซาตานกำลังต่อสู้กันอยู่ในใจเธอ มันทรมานมากจนเธอนอนไม่หลับ กลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงจนกระทั่งตีสองถึงค่อยๆ หลับไป
กลางดึก จิ้นหยวนเดินเข้ามาในห้องอย่างเงียบๆ เขามองใบหน้าหลับสนิทของเธอแล้วหัวใจกระตุกวูบ นึกกลัวว่าเธอจะหลับไม่ตื่นอีก เขาส่ายศีรษะสลัดความคิดนั้นทิ้ง ปีนขึ้นเตียงนอนกอดเธอเอาไว้
วันถัดมา เขาพาเฉียวซือมู่ไปที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกาย แม้เธอจะฟื้นแล้วแต่เขายังไม่วางใจ ต้องเห็นผลตรวจสุขภาพกับตาถึงจะวางใจ
และผลการตรวจสุขภาพโดยรวมของเธอคือถือว่าไม่เลวนัก แม้ตัวเลขบางรายการจะแย่ไปหน่อย แต่ก็สามารถฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาดีเหมือนเดิม สิ่งที่เธอต้องการก็คือเวลาเท่านั้น
เฉียวซือมู่ฟังแล้วดีใจมาก ไม่มีใครชอบที่ตัวเองต้องนอนป่วยอยู่บนเตียงตลอดเวลาหรอก หมอพูดแบบนี้ทำให้เธอดีใจมาก
จิ้นหยวนที่ถือผลการตรวจเอาไว้รู้สึกดีใจมากเช่นเดียวกัน เขาเอียงศีรษะมองใบหน้ายิ้มแย้มของเธอ จู่ๆ เขาก็หอมแก้มเธอเบาๆ “ดีใจไหม?” ร่างกายแข็งแรงเร็วๆ จะได้มีลูกให้เขาเร็วๆ
เธอพยักหน้า สีหน้าตื่นเต้น แต่สิ่งที่เธอให้ความสำคัญกลับกลายเป็น “หายดีแล้วจะได้กลับไปทำงานเสียที ดีจัง”
จิ้นหยวนยิ้มค้าง รู้สึกไม่พอใจที่ผู้หญิงของตัวเองเป็นหญิงแกร่งแบบนี้
เฉียวซือมู่เห็นสีหน้าเขาแล้วรีบพิมพ์ข้อความทันที “ดูเหมือนคุณจะไม่ดีใจเลยนะ?”
จิ้นหยวนลูบแก้มที่เริ่มมีเลือดฝาดของเธอเบาๆ “เปล่า ผมดีใจมาก”
เอ่ยพลางดึงตัวเธอให้ลุกขึ้น “ไป กลับบ้านกันเถอะ”
เธอมองใบหน้าด้านข้างของเขาด้วยความไม่เข้าใจ ยิ่งมองยิ่งรู้สึกว่าเขากำลังไม่พอใจ แต่ดูเหมือนเขาไม่อยากจะพูดความจริงออกมา
เธอทำปากจู๋โดยไม่พูดอะไรอีก และยอมให้เขาเดินจูงมือเธออย่างว่าง่าย
สองหนุ่มสาวเดินจูงมือกันออกไปโดยที่ไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีใครคนหนึ่งกำลังจับจ้องทั้งสองนิ่งอยู่ทางด้านหลัง
หร่วนเซียงเซียงมองภาพบาดตาบาดใจตรงหน้าด้วยความกลัดกลุ้ม ไม่คิดเลยว่าเฉียวซือมู่จะดวงแข็งขนาดนี้ แม้แต่ยาพิษก็เอาชีวิตเธอไม่ได้ เธอมันขวางหูขวางตาที่สุด
แต่ตอนนี้หร่วนเซียงเซียงถูกจิ้นหยวนเมินเฉยจนไม่มีความกล้ามากพอที่จะเล่นงานเฉียวซือมู่แล้ว เธอได้แต่เม้มริมฝีปากแน่นด้วยความเจ็บใจ หมุนตัวกลับไปเจอฉินเพ่ยหรงพอดี “คุณแม่ หนูได้ผลตรวจมาแล้วค่ะ”
ฉินเพ่ยหรงพยักหน้าเล็กน้อย ยื่นมือออกไปรับผลตรวจสุขภาพของจิ้นเฮ่า เธอมองไปทางด้านหลังหร่วนเซียงเซียง “เมื่อกี้มองอะไรอยู่เหรอ?”
หร่วนเซียงเซียงเกือบจะหลุดปากพูดออกไปว่าเธอเห็นจิ้นหยวนอยู่กับผู้หญิงอื่น แต่สุดท้ายเธอกลับตอบว่า “เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร เมื่อกี้เหมือนเห็นคนรู้จัก แต่เขาไปแล้วล่ะค่ะ”