เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย – ตอนที่ 247 ความจริงในใจ / ตอนที่ 248 ออกไปเที่ยวอย่างมีความสุข

ตอนที่ 247 ความจริงในใจ 

 

 

 

 

 

“ฟังดูเหมือนคุณจะมั่นใจมากเลยนะคะ” เธอเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง ในทีสุดก็ยอมพูดความในใจออกมาจนได้ “ในเมื่อคุณคิดแบบนั้น ทำไมคุณถึงไม่…” 

 

 

เขาทอดถอนใจ เข้าใจประโยคที่เธอพูดไม่จบ “เรื่องนี้ผมผิดเอง ตอนนั้นผมคิดอะไรง่ายเกินไป ตอนหลังผมถึงรู้ว่าเรื่องนี้ทำให้ผมต้องสูญเสียมากเหลือเกิน” เขาลูบผมยาวสลวยของเธอเบาๆ มองเธอนิ่งด้วยแววตาลึกซึ้งจนเธอใจสั่น “โดยเฉพาะคุณ มู่มู่ การสูญเสียคุณเป็นสิ่งที่ผมเสียใจมากที่สุด โชคดีเหลือเกินที่คุณกลับมาอยู่ข้างกายผม” 

 

 

สีหน้าที่มั่นคงและน้ำเสียงที่หนักแน่นของเขาทำให้เธอเชื่อเขาหมดหัวใจ 

 

 

เธอจับมือเขาแน่น รู้สึกคอแห้งผากจนพูดอะไรไม่ออก 

 

 

เขาตบมือเธอเบาๆ พลันดึงเธอเข้าสู่อ้อมอกของเขา “ผมเป็นคนที่โชคดีมาก ในที่สุดคุณก็กลับคืนสู่อ้อมกอดของผมอีกครั้ง ผมดีใจมาก ดีใจมากจริงๆ” 

 

 

เขาพูดเสียงเบาหวิวอยู่ข้างหูเธอ พร่ำพรรณนาถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาว่าเขาหวาดกลัวและวิตกกังวลมากขนาดไหน จนเธอแทบละลายกลายเป็นน้ำ 

 

 

สุดท้ายเธอเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองลงจากรถได้อย่างไร และไม่รู้ว่าตัวเองกลับไปถึงห้องนอนได้อย่างไร รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่เธอถูกวางลงบนเตียงนุ่มๆ แล้ว 

 

 

เธอมองเขานิ่ง อ้าปากน้อยๆ ราวอยากจะพูดอะไร แต่เขายื่นนิ้วแตะริมฝีปากเธอเอาไว้ “ชู่ ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น เราอยู่เงียบๆ สักพักได้ไหม” 

 

 

เอ่ยพลางกอดเธอแน่น สองหนุ่มสาวนอนกอดกันกลมอยู่บนเตียงเงียบๆ ดื่มด่ำช่วงเวลาสงบสุขของกันและกัน 

 

 

ไม่รู้ว่าผ่านเวลาไปนานเท่าไหร่ จิ้นหยวนห่มผ้าห่มให้เธอเบาๆ จากนั้นค่อยๆ ลุกออกจากเตียง 

 

 

ตอนนี้ยังเช้ามาก แต่เขาเป็นถึงประธานใหญ่แห่งจิ้นซื่อ กรุ๊ป จึงไม่สามารถนอนเหมือนเธอ 

 

 

เขายังมีงานอีกเยอะที่ต้องจัดการ 

 

 

ความจริงในคฤหาสน์นี้มีห้องทำงานของเขา แต่เขาไม่อยากให้เธออยู่ห่างสายตา จึงตัดสินใจขนคอมพิวเตอร์มาไว้ในห้องนี้ เขานั่งทำงานอยู่ไม่ห่างจากเตียงนอน นิ้วมือเคาะแป้นพิมพ์พลางชำเลืองมองใบหน้ายามหลับของเธอพลาง รู้สึกว่าตัวเองในยามนี้มีความสุขมากเหลือเกิน 

 

 

ความรู้สึกสงบสุขมันง่ายดายเช่นนี้เอง 

 

 

หลังจากนอนหลับเต็มอิ่มแล้ว เฉียวซือมู่ลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมภาพตรงหน้า ภาพจิ้นหยวนกำลังนั่งหันข้างให้เธอ เขากำลังนั่งทำงานของตัวเองอย่างตั้งใจ เสียงเคาะแป้นพิมพ์ดังเป็นพักๆ เฉียวซือมู่จะลุกขึ้น แต่ถูกสีหน้าจริงจังของเขาดึงดูดสายตาจนชะงักนิ่ง 

 

 

เธอจำไม่ได้แล้วว่าใครเป็นคนพูดว่าผู้ชายที่ตั้งใจทำงานดูดีที่สุด ตอนที่เธอได้ยินเธอยังแอบหัวเราะเยาะอยู่เลย แต่พอได้เห็นสีหน้าท่าทางจริงจังกับงานของเขาเองกับตาเธอถึงเข้าใจว่าเป็นความจริงที่สุด จิ้นหยวนในยามนี้มีเสน่ห์มาก โครงหน้ามีมิติ จมูกสูงโด่ง แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามากระทบใบหน้าด้านข้างของเขา แสงและเงาบนใบหน้าขับให้ใบหน้าหล่อเหลาของเขางดงามราวเทพบุตรที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ เสน่ห์ที่สามารถฆ่าคนได้ 

 

 

เธอมองเขานิ่งจนแทบจะหยุดหายใจ 

 

 

ราวกับเขาสามารถสัมผัสถึงสายตาเธอ เขาหันไปมองเธอพลางยิ้มบางๆ เสี้ยววินาทีนั้น เสน่ห์ร้ายกาจของเขาเพิ่มสูงขึ้นอีกหลายเท่า เธอลอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ จับคอเสื้อแน่น นอกจากจะหายใจติดขัดแล้ว ใบหน้ายังร้อนเป็นไฟอีกต่างหาก ไม่ต้องเห็นเองกับตาก็รู้ว่าตัวเองหน้าแดงขนาดไหน 

 

 

เธอแอบด่าตัวเองในใจ เฉียวซือมู่ เธอนี่มันห่วยจริงๆ เขาก็แค่ผู้ชายคนหนึ่งเท่านั้น จำเป็นต้องหลงเสน่ห์เขามากขนาดนี้ไหม? 

 

 

แต่ในสายตาจิ้นหยวน เขากลับคิดว่าเธอกำลังไม่สบายเสียอย่างนั้น เขารีบเดินเข้าไปหาเธอด้วยความเป็นห่วง ยื่นมือออกไปอังหน้าผากเธอ “คุณไม่สบายหรือเปล่า ทำไมหน้าแดงขนาดนี้?” 

 

 

เธอรีบส่ายศีรษะดิกๆ พยายามสงบจิตสงบใจตัวเอง “ฉันไม่เป็นไรค่ะ แค่ร้อนนิดหน่อย แอร์น่าจะร้อนเกินไป” 

 

 

เขามองเครื่องปรับอากาเหนือศีรษะด้วยความฉงน “เหรอ?” ทำไมเขาไม่เห็นรู้สึกเลยล่ะ? 

 

 

เธอรีบเสเปลี่ยนเรื่องทันที “คุณกำลังยุ่งอะไรอยู่เหรอคะ?” 

 

 

เขามองไปทางคอมพิวเตอร์ของตัวเอง “ทำงานอยู่น่ะ ถ้าราบรื่นล่ะก็” เขามองนาฬิกาข้อมือ ลังเลเล็กน้อย “ถ้าราบรื่นล่ะก็ เราจะมีเวลาว่างทั้งบ่าย” 

 

 

“มีเวลาว่างทั้งบ่ายเหรอคะ?” เธอบ่นงึมงำอย่างไม่เข้าใจ “เวลาอะไร?” 

 

 

“คุณอยากออกไปเที่ยวไหม?” เขาเลิกคิ้วถาม 

 

 

เธอเบิกตาโตด้วยความตื่นเต้น “คุณพูดจริงเหรอ? ไปค่ะไป” 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 248 ออกไปเที่ยวอย่างมีความสุข  

 

 

 

 

 

จิ้นหยวนเอ่ยยิ้มๆ “ก่อนหน้านี้คุณต้องอยู่แต่ในบ้าน ไม่ได้ออกไปไหนเลย คุณไปเตรียมตัวเถอะ” 

 

 

เฉียวซือมู่ดูเวลาเห็นว่าใกล้เที่ยงแล้ว นี่เธอหลับไปนานมากเลยนะ 

 

 

เธอผุดลุกขึ้นด้วยความตื่นเต้น รีบแต่งตัวอย่างรวดเร็ว พอหันกลับมาอีกทีกลับพบว่าจิ้นหยวนยังคงนั่งทำงานอยู่ที่เดิม จึงเดินมุ่นหัวคิ้วเดินเข้าไปหาเขา “คุณยังทำงานไม่เสร็จเหรอคะ?” 

 

 

เขาเคาะนิ้วลงบนแป้นพิมพ์อย่างว่องไว กวาดสายตาอ่านข้อมูลบนหน้าจออย่างรวดเร็ว “ที่รัก ผมขอเวลาอีกยี่สิบนาทีนะ” 

 

 

เธอนั่งลงข้างเขาอย่างเซ็งๆ มองดูตัวเลขที่ตัวเองไม่เข้าใจเลยบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเขา ได้แต่ทอดถอนใจที่เธอไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับงานของเขาเลย 

 

 

ในที่สุดจิ้นหยวนก็ทำงานเสร็จเสียที เขาลุกขึ้นแล้วบิดขี้เกียจเล็กน้อย จากนั้นดึงเธอเข้ามากอด หอมแก้มเธอเบาๆ “ที่รัก เราไปกันเถอะ” 

 

 

เธอพยักหน้าหงึกๆ แล้วจับมือเขาเอาไว้ “เราจะออกไปทานข้าวเหรอคะ? แล้วหลังจากนั้นล่ะคะ?” 

 

 

เขาพยักหน้า “ผมจองโต๊ะเอาไว้แล้ว ออกไปตอนนี้น่าจะกำลังดี” 

 

 

เธอรีบพยักหน้าอย่างตื่นเต้น เดินตามเขาออกไปอย่างกระตือรือร้น 

 

 

เธอต้องยอมรับว่าจิ้นหยวนเข้าใจและรู้ใจเธอมาก เขาพาเธอไปที่ร้านอาหารญี่ปุ่นที่เพิ่งเปิดใหม่ สั่งอาหารญี่ปุ่นมาเต็มโต๊ะจนละลานตาไปหมด ทั้งสวยทั้งอร่อย 

 

 

อาหารญี่ปุ่นเป็นอาหารรสอ่อนที่ถูกปากเธอมาก อีกทั้งร้านอาหารร้านนี้ยังตั้งอยู่ในที่ที่ไม่มีคนพลุกพล่าน มีที่กั้นระหว่างโต๊ะอาหารซึ่งทำให้มีความเป็นส่วนตัวสูง ทำให้เธอประทับใจร้านอาหารร้านนี้มาก 

 

 

บวกกับอาหารรสชาติแสนอร่อย ทำให้ตอนนี้เธอรู้สึกมีความสุขมาก จิ้นหยวนนั่งมองเธอด้วยสายตาอ่อนโยน เธอยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มเขาเบาๆ “ขอบคุณนะคะ” 

 

 

เขาจับมือเธอสีหน้าเจ้าเล่ห์ “จริงเหรอ? ถ้างั้นคุณอย่าลืมตอบแทนผมล่ะ” 

 

 

“แน่นอน” เธอเอ่ยตอบอย่างไม่ลังเล แต่พอเห็นสีหน้าเจ้าเล่ห์ของเขาแล้วถึงรู้สึกตัวว่าพลาดไปแล้ว “ไม่ดีกว่า คนทะลึ่ง ทำไมต้องคิดถึงแต่เรื่องนั้นด้วย?” 

 

 

“โบราณท่านว่าเสพกามาเป็นปกติวิสัย หรือที่เขาพูดกันว่ามอบกายถวายหัวใจไงล่ะ หรือผมพูดผิดตรงไหน?” เขาเอ่ยหน้าชื่นตาบานอย่างเป็นเหตุเป็นผล 

 

 

เธอส่ายศีรษะ “คุณนี่มันหน้าไม่อายมากจริงๆ ด้วย” 

 

 

เธอเอ่ยจบแล้วคีบซูชิคำโตเข้าปากจนแก้มตุ่ย ดูเหมือนหนูแฮมสเตอร์ที่กำลังจำศีลในฤดูหนาวไม่มีผิด ท่าทางน่ารักมาก 

 

 

เขาเห็นแล้วหัวเราะชอบใจ “มู่มู่น่ารักจริงๆ” 

 

 

เธอมองเขาอย่างไม่เข้าใจว่าท่าทางเวลากินข้าวของตัวเองน่ารักตรงไหน 

 

 

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขณะที่ทั้งสองกำลังจะก้าวออกจากประตูร้าน จู่ๆ เฉียวซือมู่ก็รู้สึกเหมือนเห็นเงาของใครบางคนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วพร้อมกับแสงที่แทบจะมองไม่เห็นอยู่ทางด้านหลัง 

 

 

เธอมุ่นหัวคิ้วพลางหันกลับไปมอง แต่กลับไม่พบอะไรเลย 

 

 

เธอหันไปมองจิ้นหยวน “เมื่อกี้คุณเห็นอะไรหรือเปล่าคะ?” 

 

 

เขาปรายตามองไปทางด้านหลังเธอ เอ่ยถามด้วยความสงสัย “อะไรเหรอ?” 

 

 

“คุณไม่เห็นเหรอคะ? ช่างเถอะ” เธอเอ่ยอย่างปลงๆ ขนาดคนตาไวอย่างจิ้นหยวนยังไม่เห็น ถ้าเช่นนั้นเธอคงจจะตาฝาดไปเองล่ะมั้ง 

 

 

เธอส่ายศีรษะ เดินตามจิ้นหยวนออกจากร้านอาหารญี่ปุ่น 

 

 

ทันทีที่ทั้งสองเดินออกจากร้านอาหารก็มีคนยื่นศีรษะออกมาทันที คนคนนั้นมองตามสองหนุ่มสาวที่เดินหายลับไปแล้วถอนหายใจโล่งอก เกือบถูกจับได้แล้วไหมล่ะ เกือบไปแล้วๆ 

 

 

เขาปรับอารมณ์ให้กลับมาปกติ จากนั้นส่งรูปถ่ายที่ตัวเองแอบถ่ายเอาไว้ให้ใครคนหนึ่ง แต่กลับไม่ได้รับสายตามที่ตัวเองคาดหมายเสียที 

 

 

เขาแปลกใจมาก ตัดสินใจเป็นคนโทรศัพท์ไปหาคนคนนั้นเอง 

 

 

เสียงรอสายดังอยู่นานกว่าจะมีคนรับสาย น้ำเสียงที่ดังลอดมาตามสายฟังดูอารมณ์เสียมาก “ฮัลโหล ฉันเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าถ้าไม่มีธุระสำคัญก็ไม่ต้องโทรมา” 

 

 

หญิงสาวคนนั้นเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ไม่ต้องมาไม้นี้เลย พูดมาเลยดีกว่าอยากได้อะไร?” 

 

 

ชายคนนั้นเอ่ยอย่างเสแสร้ง “อย่าพูดอย่างนั้นสิ ระหว่างคุณกับผม นอกจากเรื่องเงินแล้ว คุยเรื่องอื่นไม่ได้เลยหรือไง?” 

 

 

“ไปไกลๆ เลย คิดว่าฉันเพิ่งรู้จักคุณวันแรกหรือไง?” เธอเอ่ยอย่างรำคาญ “พูดมาเลยดีกว่าต้องการเท่าไหร?” 

 

 

เธอเอ่ยอย่างไม่แยแส เพื่อให้ชายคนนั้นรู้สึกว่าเธอมีเงินให้เขาตามที่เขาเอ่ยปาก เขาได้ยินมาว่าจิ้นหยวนไม่ชอบเธอ และยังทำตัวเฉยเมยกับเธอมาก แต่ดูท่าทางแล้วไม่น่าจะใช่นี่นา 

 

 

โธ่เอ๊ย นังแพศยา ถ้าไม่ใช่เพราะใช้มารยาสาไถย เธอไม่มีวันได้แต่งงานกับผู้ชายรวยแบบนั้นหรอก 

 

 

ชายคนนั้นคิดในใจ ถ้าเงินพวกนั้นเป็นของตัวเองมันจะดีมากขนาดไหนกันนะ… น่าเสียดาย… 

 

 

เขาคิดไปคิดมา พลันความคิดหนึ่งแวบขึ้นมาในสมอง 

 

 

หญิงสาวที่อยู่อีกฟากสายเริ่มร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด “คุณกำลังคิดแผนอะไรอยู่อีก?” 

 

 

“สบายใจได้ เป็นแผนที่เยี่ยมากแน่นอน คุณต้องชอบแน่ เป็นไง? เจอกันหน่อยดีไหม?” 

 

 

หญิงสาวคนนั้นคือหร่วนเซียงเซียงนั่นเอง เธอเงียบไปชั่วครู่จึงเอ่ยตอบ “มะรืนนี้ตอนบ่ายสอง เจอกันที่เดิม” 

 

 

ชายคนนั้นหัวเราะ “ที่เดิม? ดูเหมือนไม่ใช่ผมคนเดียวสินะที่คิดถึงเรื่องในอดีต” 

 

 

เขาเพิ่งเอ่ยจบพลันได้ยินเสียงตู๊ดๆ ดังลอดมาจากอีกฟากสาย 

 

 

หร่วนเซียงเซียงตัดสายไปแล้ว 

 

 

ชายคนนั้นยิ้มเยาะอย่างไม่สะทกสะท้าน รู้สึกลำพองใจมาก เพราะอีกไม่นานเงินจำนวนมากมายก็จะกลายเป็นของเขาแล้ว… 

 

 

เฉียวซือมู่และจิ้นหยวนมีความสุขมาก หลังรับประทานอาหารญี่ปุ่น ทั้งสองพากันไปดูหนังใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเข้าโรงภาพยนตร์ จิ้นหยวนยังทุ่มไม่อั้นเพื่อเหมาโรงหนังอีกด้วย สองหนุ่มสาวดื่มด่ำกับบรรยากาศการดูหนังมาก ทั้งนี้ทั้งนั้น ทั้งสองกลับเห็นต่าง เพราะจิ้นหยวนอยากดูหนังรัก แต่เฉียวซือมู่ อยากดูหนังสยองขวัญมากกว่า สุดท้ายจิ้นหยวนต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้ ตกลงดูหนังสยองขวัญแทน 

 

 

จิ้นหยวนดูไปส่ายศีรษะไป ผู้หญิงคนนี้ทำไมถึงไม่เหมือนผู้หญิงทั่วไปนะ ปกติแล้วสาวๆ ชอบดูหนังรักไม่ใช่เหรอ แต่เธอกลับร้องแต่จะดูหนังสยองขวัญท่าเดียว ดูก็ดู แต่ปัญหาคือใจอยากแต่กลับขี้กลัวเสียอย่างนั้น ผียังไม่ทันออกมาเลย เธอก็ตกใจจนหน้าตาน่ากลัวกว่าผีอีก สุดท้ายยังตกใจจนร้องวี้ดว้าย กอดเขาแน่นไม่ยอมปล่อยอีกต่างหาก 

 

 

จิ้นหยวนเซ็งจัด หนังสยองขวัญที่มีแต่จุดอ่อนเต็มไปหมดกับเมคอัพห่วยๆ มันน่ากลัวตรงไหนไม่ทราบ หากไม่ใช่เพราะคนในอ้อมอกตกใจกลัวจนตัวสั่นล่ะก็ ไม่แน่นะ บางทีเขาอาจจะหัวเราะออกมาแล้วก็ได้ 

 

 

ในที่สุดหนังก็จบเสียที เขาเบื่อจนเกือบจะหาวออกมาแล้ว เธอเช็ดหยาดน้ำตาที่รื้นออกมาเพราะความตกใจออก จากนั้นดึงแขนเสื้อเขาด้วยความตื่นเต้น “สนุกจังเลย เนอะ?” 

 

 

 

เเสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย

เเสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย

เฉียวซือมู่ คุณหนูตระกูลเฉียวดันจับพลัดจับผลูไปเสียครั้งแรกให้กับ จิ้นหยวน หนุ่มนักธุรกิจเพลย์บอยแห่งเขตซีเฉิง ผู้มีสโลแกนประจำตัวว่า ‘รักสนุกแต่ไม่ผูกพัน’ เธอขอให้เขาลืมเรื่องคืนนั้นไป ทั้งยังเสนอเช็คให้เขาอย่างไม่เจียมตัว แต่เมื่อเธอกลับถึงบ้าน ทุกอย่างกลับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ บ้านของเธอล้มละลาย พ่อพาเมียน้อยหนีไปพร้อมกับทิ้งภาระหนี้สินทั้งหมดให้เธอและแม่ ยังเคราะห์ซ้ำกรรมซัดถูกแฟนหนุ่มทิ้งไปหาศัตรูหัวใจ ชีวิตของเธอตกต่ำอย่างถึงที่สุด แต่แล้วชายผู้เป็นครั้งแรกของเธอกลับมาเล่นสกปรกปล่อยข่าวฉาวเรื่องคืนนั้น เพียงเพราะเขาถอนเงินจากเช็คไม่ได้! “จะให้ผมปล่อยคุณไปก็ได้ แต่คุณต้องยอมรับข้อเสนอของผมข้อหนึ่ง” เฉียวซือมู่เงยหน้าถามว่า “ข้อเสนออะไร” “คบกับผม แล้วผมจะปล่อยคุณไป”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset