ตอนที่ 251 ออกเดินทางท่องเที่ยว
จิ้นหยวนชักหัวคิ้วชนกันมุ่น “ทำไมล่ะ?”
เธอลังเลเล็กน้อย “ถ้าฉันพูดไปแล้วคุณอย่าโกรธนะคะ”
“คุณพูดเถอะ” จิ้นหยวนเปลี่ยนท่านั่ง รู้สึกว่าสิ่งที่เธอกำลังจะพูดอาจจะทำให้ตัวเองไม่พอใจได้
“คุณแม่บอกว่าอยากจะพาฉันออกไปเที่ยวเพื่อผ่อนคลายน่ะค่ะ” เธอลังเลอีกเล็กน้อย ตัดสินใจเอ่ยบอกอย่างอ้อมค้อม
“คุณไม่มีความสุขอย่างนั้นเหรอ?” เขาเอ่ยถาม
“ก็ไม่เชิงหรอกค่ะ” เธอลังเล ไม่รู้ควรจะพูดอย่างไรดี
“คุณพูดเถอะ ผมไม่โกรธหรอก” เขามองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าเธอกำลังกังวล
เธอสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วเอ่ยขึ้น “ฉันมีความสุขมากเวลาที่อยู่กับคุณ แต่ว่า… พอฉันคิดว่าตัวเองกำลังมีความสุขอยู่บนความทุกข์ของคนอื่น มันก็ทำให้ฉันกลัว เพราะฉะนั้น …”
“เพราะฉะนั้น คุณก็เลยคิดจะไปจากผมใช่ไหม?” เขาเอ่ยถามเสียงเฉียบ
“เปล่า ไม่ใช่นะคะ ฉันแค่อยากจะทำใจให้สงบ จะได้คิดให้ดีๆ ว่าเราควรจะเดินต่อไปยังไง”
เขาจ้องเธอนิ่งนาน จากนั้นค่อยๆ พยักหน้าให้เธอช้าๆ “ได้ ผมอนุญาต”
แม้เขาจะพูดอย่างนั้น แต่จากร่างกายที่แข็งเกร็ง หัวคิ้วที่ขมวดกันแน่น ริมฝีปากที่เม้มเป็นเส้นตรง กรามที่ขบกันแน่น บ่งบอกชัดเจนว่าตอนนี้เขากำลังอารมณ์เสียมาก
เฉียวซือมู่เห็นท่าทางของเขาแล้วชักใจไม่ดี ไม่รู้ว่าทำแบบนี้เป็นการทำเพื่อตัวเองหรือเพื่อเขากันแน่ เธอถอนหายใจแล้วก้าวไปข้างหน้า ยื่นแขนออกไปกอดเขา “ขอโทษ ฉันเห็นแก่ตัวมากเกินไป คิดถึงแต่ความรู้สึกของตัวเองจนละเลยความรู้สึกของคุณ”
เขาฟังคำพูดของเธอแล้ว ใบหน้าที่เคยตึงเครียดเผยรอยยิ้มขึ้นอีกครั้ง
นับแต่นั้นความรู้สึกของเขาและเธอก็พัฒนาขึ้นไปอีกขั้น ไม่นาน เฉียวซือมู่ก็ไปเที่ยวต่างประเทศกับคุณนายเฉียว ก่อนออกเดินทางเธอยังพยายามบอกเป็นนัยๆ ให้เขาจัดการเรื่องระหว่างเขากับหร่วนเซียงเซียงให้เรียบร้อย แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าจิ้นหยวนจะเข้าใจหรือเปล่า
เธอถอนหายใจเบาๆ จากนั้นออกเดินทางพร้อมคุณแม่
นับแต่นั้นจิ้นหยวนก็ใช้ชีวิตที่แสนจะเรียบง่ายและธรรมดา เขาเข้าออกงานตามปกติ กลับถึงบ้านแล้วยังคงทำงานต่อ โทรศัพท์หาเฉียวซือมู่ จากนั้นค่อยเข้านอน เขาทำเช่นนี้เป็นกิจวัตรประจำวัน และยังคงไม่สนใจหร่วนเซียงเซียงแม้แต่นิดเดียวเหมือนเช่นเคย
ในขณะเดียวกัน หร่วนเซียงเซียงเองก็ไม่มีเวลาสนใจเขาเช่นเดียวกัน
หร่วนเซียงเซียงอยู่ในห้องน้ำ เธอมองขีดเล็กๆ ตรงหน้าด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ผลที่ปรากฎออกมาทำให้เธอตื่นตระหนก ทำไมถึงเป็นแบบนี้?
ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้น เธอรีบถลาเข้าไปหยิบมันขึ้นมาดู ชื่อที่ปรากฎบนหน้าจอทำให้เธอโกรธจัด เธอยกโทรศัพท์มือถือขึ้นแนบหูทันที “ไอ้สารเลวหวังจื้อ นี่คุณยังกล้าโทรหาฉันอีกเหรอ?”
หวังจื้อเอ่ยเนิบนาบ “คุณอ่อนโยนหน่อยสิ อารมณ์ร้ายทุกวันแบบนี้ มิน่าเล่า จิ้นหยวนถึงไม่ชอบคุณ”
“คุณ… คุณคิดว่าทำไมฉันถึงด่าคุณ?” เธอโกรธจนหัวเราะออกมา “ฉันบอกคุณก็ได้ ฉันท้อง”
“ท้อง?” ตอนแรกเขายังไม่เข้าใจ แต่เพียงครู่เดียวดวงตาเขาก็เป็นประกาย “จริงเหรอ? ท้องจริงเหรอ? ดีมาก”
“ดีตรงไหนไม่ทราบ? คิดว่าฉันกล้าเก็บเด็กเอาไว้อย่างนั้นเหรอ?”
“ทำไม่ถึงไม่กล้าล่ะ แต่จะว่าไปแล้ว เด็กนั่นเป็นลูกผมจริงเหรอ? ไม่ใช่ของจิ้นหยวนใช่ไหม?”
“ไอ้สารเลว จิ้นหยวนไม่เคยแตะต้องตัวฉันด้วยซ้ำ” เธอโกรธจนด่าอย่างสาดเสียเทเสีย
“จริงเหรอ? ถ้าอย่างนั้นก็ดีมากเลยนะสิ จิ้นหยวนนี่ไร้น้ำยาจริงๆ ผู้หญิงเจ๋งขนาดนี้แต่กลับไม่แตะต้อง ฮ่าๆๆ ฮ่าๆๆ ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าคนอย่างหวังจื้อคนนี้จะมีวันสวมเขาให้จิ้นหยวนด้วย” หวังจื้อสะใจมาก
“คุณหัวเราะบ้าอะไร รีบจัดการให้ฉันเลยนะ จิ้นหยวนไม่เคยแตะต้องฉัน แล้วจะทำยังไงกับเด็กคนนี้? ฉันต้องหาเวลาไปโรงพยาบาลแล้ว” เธอไม่รู้สึกดีใจเหมือนหวังจื้อเลยสักนิด คิดแต่จะจัดการปัญหายุ่งยากนี้ให้เร็วที่สุด
หวังจื้อได้ยินแล้วตกใจยกใหญ่ “ไม่ได้นะ ที่รัก อย่าทำอย่างนี้เลยนะ เชื่อผม เก็บเด็กเอาไว้”
“เก็บไว้จิ้นหยวนก็เอาฉันตายนะสิ คุณคิดว่าเขาเป็นคนยังไงกัน?” เธอเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ รู้สึกเสียใจมากที่ตัวเองเสียสติจนยอมให้เขาเข้าใกล้ จนเกิดปัญหาใหญ่โตขนาดนี้ นี่เขายังจะใจเย็นได้อยู่อีก
เธอตัดสินใจแล้วว่าจะเอาเด็กออก เธอคุยกับเขาไม่กี่ประโยคก็จะวางสาย ไอ้บ้าเอ๊ย รอให้มีเวลาก่อนเถอะ เธอจะกลับมาคิดบัญชีกับเขาย้อนหลังแน่
หวังจื้อรีบห้ามเธอเอาไว้ “ที่รัก คุณฟังผมก่อน ไม่ใช่ลูกเขาก็ทำให้เป็นลูกเขาได้นี่ ทำไมคุณถึงบื้อ อย่างนี้นะ?”
“อะไรคือทำให้เป็นของเขา?” เธอตะลึงนิ่งอึ้ง
“ผมจะบอกอะไรให้…” หวังจื้อเริ่มเล่าแผนการของตัวเองให้เธอฟัง
เธอยิ่งฟังดวงตายิ่งเบิกโตขึ้นเรื่อยๆ “ทำแบบนั้นได้ด้วยเหรอ? แล้วถ้าเกิด…”
หวังจื้อพยายามเกลี้ยกล่อมอย่างใจเย็น “วางใจเถอะน่า คุณบอกว่าคนตระกูลจิ้นชอบคุณมากไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้แหละเหมาะที่สุดที่จะใช้พวกเขาให้เป็นประโยชน์ อีกอย่าง คุณคงไม่อยากใช้ชีวิตแบบนี้ไปตลอดชีวิตใช่ไหมล่ะ ส่วนเรื่องหย่าคุณก็เลิกคิดไปได้เลย เพราะไม่ว่าจะเป็นครอบครัวคุณหรือครอบครัวตระกูลจิ้น พวกเขาไม่มีวันยอมให้มีเรื่องหย่าร้างเกิดขึ้นแน่ หรือว่าคุณอยากเป็นม่ายผัวร้างไปทั้งชาติ ไม่มีแม้แต่ลูกสักคน?”
คำพูดเขาแทงใจดำเธอเข้าอย่างจัง มาคิดๆ ดูแล้วเธอเป็นถึงคุณหนูหร่วนเซียงเซียงที่มีแต่คนรักและปกป้องตั้งแต่เล็กจนโต แล้วดูตอนนี้สิ จิ้นหยวนกลับทิ้งๆ ขว้างๆ เธอเหมือนของไร้ค่า ไม่แม้แต่จะชายตาแลเธอสักนิด และยิ่งไม่อยากแตะต้องตัวเธอด้วยซ้ำ แล้วเธอจะยอมให้เขาเหยียบย่ำศักดิ์ศรีเธออยู่แบบนี้ได้อย่างไรกัน?
หวังจื้อเห็นว่าเธอไม่ได้พูดอะไรอีกจึงรู้แล้วว่าเธอน่าจะหวั่นไหวกับแผนการของเขาแล้ว จึงรีบสุมไฟเข้าไปอีก “คุณลองคิดดูนะว่าถ้าสำเร็จแล้วจะมีข้อดีอะไรบ้าง”
ตอนที่ 252 แผนร้าย
หวังจื้อล่อหลอก “คุณมีหลานชายคนเดียวให้ตระกูลจิ้น พวกเขาจะต้องโอ๋คุณเหมือนไข่ในหินแน่ๆ แม้แต่จิ้นหยวนก็จะทำอะไรคุณไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจิ้นเฮ่าคงไม่ปล่อยเขาเอาไว้แน่ แล้วคุณจะทำอะไรกับผู้หญิงคนนั้นก็ได้”
และเป็นอีกครั้งที่เขาพูดแทงใจดำเธอ น้ำเสียงเธอสั่นเล็กน้อย “วิธีของคุณมีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน?”
หวังจื้อเอ่ยอย่างไม่ต้องคิด “อย่างน้อยก็แปดสิบเปอร์เซ็นต์ คุณไม่ต้องรีบ พรุ่งนี้ผมจะเอายาให้คุณ ถึงเวลาคุณก็แค่ใส่ในเหล้าของเขาก็พอ”
เธอครุ่นคิดไปมาพักใหญ่ รู้ทั้งรู้ว่าถ้าเกิดเรื่องนี้รั่วไหลออกไปเธอต้องตายแน่ และจุดจบของเธอคงน่าสมเพชมาก แต่ภาพอนาคตที่หวังจื้อวาดให้เธอก็ล่อใจเหลือเกิน เธอดิ้นรนต่อสู้ในใจอยู่นานสองนาน และในที่สุดเธอก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ให้กับแรงยั่วยวนนั้น
เธอกำโทรศัพท์มือถือในมือแน่น ตัดสินใจแน่วแน่ “ได้ ฉันเชื่อคุณ”
หวังจื้อที่อยู่อีกฟากสายยิ้มสะใจ
ใกล้ถึงกำหนดกลับของเฉียวซือมู่กับคุณนายเฉียวแล้ว อีกไม่กี่วันก็จะได้เห็นหน้าเธอแล้ว จิ้นหยวนดีใจมาก ขณะที่เขากำลังดีใจอยู่นั้น เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากฉินเพ่ยหรงพอดี
เธอบอกให้เขากลับไปทานข้าวที่บ้านช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เพราะเธอไม่ได้เจอหน้าลูกชายนานมากแล้ว
คำพูดของคุณแม่ทำให้เขาใจอ่อนยวบทันที ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคุณพ่อไม่ค่อยดีนัก แต่กับคุณแม่กลับไม่เหมือนกัน เขารับปากโดยไม่ต้องคิดด้วยซ้ำว่าจะกลับไปรับประทานอาหารที่บ้านหลังเลิกงานทันที
หร่วนเซียงเซียงทำตาแป๋วฟังฉินเพ่ยหรงคุยโทรศัพท์อยู่ข้างๆ หัวใจเต้นตึกตัก คิดแต่ว่าถ้าเขาไม่ยอมมาแล้วเธอควรจะทำอย่างไรดี
เธอเริ่มกลัวจิ้นหยวนมากขึ้น จึงใช้เหตุผลที่ต้องดูแลจิ้นเฮ่าเป็นข้ออ้างเพื่อจะได้กลับไปอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ของจิ้นหยวน ตอนนั้นเธอรู้สึกโล่งอกมาก แต่ตอนนี้เธอชักรู้สึกเสียใจขึ้นมาเสียแล้วสิ เธอควรจะอยู่ใกล้จิ้นหยวนเอาไว้ เวลาคิดจะลงมือกับเขาจะได้ไม่ต้องลำบากแบบนี้
ฉินเพ่ยหรงวางโทรศัพท์มือถือลง หันไปบอกกับหร่วนเซียงเซียงที่มีสีหน้าตื่นเต้นมากว่า “สบายใจได้ เขาบอกว่าจะมาคืนนี้”
หร่วนเซียงเซียงถอนหายใจโล่งอกทันที
ฉินเพ่ยหรงเห็นท่าทางเธอแล้วคิดว่าเธอคงคิดถึงจิ้นหยวนมาก จึงเอ่ยยิ้มๆ “เด็กคนนี้นี่ ปกติบอกให้ไปอยู่กับจิ้นหยวนก็เอาแต่ผลัดไปผลัดมา แล้วดูตอนนี้สิ อยากจะเจอหน้าเขาก็ต้องมาขอให้คนแก่คนนี้เป็นคนออกหน้าให้ จริงๆ เลย คืนนี้ก็กลับไปกับเขาซะ สองคนผัวเมียแยกกันอยู่แบบนี้ใช้ได้ที่ไหนกัน?”
หร่วนเซียงเซียงพยักหน้าหงึกๆ เอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “ไม่รู้ว่าเขาหายโกรธหนูหรือยัง”
ก่อนหน้านี้เธออ้างว่าจิ้นหยวนโกรธเธอ เธอจึงขอย้ายกลับมาอยู่ที่นี่แทน
ฉินเพ่ยหรงตบหลังมือเธอเบาๆ “เด็กโง่ เป็นสามีภรรยาเพียงวันเดียวผูกพันกันร้อยวัน เขาจะโกรธหนูได้ยังไง?”
จิ้นเฮ่าที่นั่งฟังอยู่ตลอดเอ่ยขึ้น “มันกล้าเหรอ ถ้ากล้าเดี๋ยวฉันตีให้ขาหักเลย คอยดูสิ!”
ฉินเพ่ยหรงมุ่นหัวคิ้วมองเขา “ดูพูดเข้าซิ คิดว่าอาหยวนยังเป็นเด็กอยู่หรือไง เอะอะก็จะใช้กำลังท่าเดียว” ฉินเพ่ยหรงเอ่ยจบแล้วจิ้นเฮ่าก็ไม่กล้าปริปากอีก จิ้นเฮ่าอารมณ์ร้าย แต่ทั้งบ้านมีแต่ฉินเพ่ยหรงเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เขาไม่กล้าหือด้วย
ฉินเพ่ยหรงเอ่ยจบแล้วเดินจูงมือหร่วนเซียงเซียง “ไป ไม่ต้องไปสนใจเขา เราไปเข้าครัวกันดีกว่า ดูซิว่าทำอะไรอร่อยๆ ให้อาหยวนกินดี”
หร่วนเซียงเซียงยิ้มพลางพยักหน้า เดินตามฉินเพ่ยหรงเข้าไปในครัว
ตอนหัวค่ำ จิ้นหยวนกลับบ้านตามที่รับปากเอาไว้ ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว สายลมยามราตรีพัดพาความเย็นมาด้วย เขาเดินเข้าไปในบ้าน เห็นอาหารมากมายเต็มโต๊ะ มีแต่อาหารที่เขาชอบทั้งนั้น แววตาเขาอ่อนลงทันที
ฉินเพ่ยหรงเห็นเขาแล้วรีบทักทายทันที “อาหยวน มาถึงแล้วเหรอ มาๆๆ เรารอลูกนานแล้ว”
เขาเดินเข้าไปที่โต๊ะอาหารพลางอธิบาย “รถติดน่ะครับ ก็เลยมาถึงช้า” ระหว่างที่พูด เขาไม่แม้แต่จะชายตาแลหร่วนเซียงเซียงสักนิด
หร่วนเซียงเซียงรู้สึกประหม่ามาก ในมือกำขวดเล็กๆ เอาไว้แน่น
จิ้นหยวนนั่งลง ฉินเพ่ยหรงแตะหร่วนเซียงเซียงเบาๆ เป็นกำลังใจให้เธอเป็นฝ่ายรุกมากกว่านี้ แล้วหันไปเอ่ยกับจิ้นหยวน “มาช้าก็ไม่เป็นไร พ่อกับแม่ก็แก่แล้ว อยู่ว่างๆ ไม่มีอะไรทำ มีแต่เซียงเซียงนี่แหละที่เข้าครัวเป็นเพื่อนแม่ทั้งบ่าย แล้วยังต้องมารอลูกตั้งนาน ลูกต้องขอบใจหนูเซียงเซียงเขานะ”
จิ้นหยวนกวาดสายตามองเธอแวบหนึ่ง เอ่ยเพียง “อืม” แค่คำเดียว
ฉินเพ่ยหรงได้แต่ทอดถอนใจอยู่ในอก ลูกชายคนนี้อะไรๆ ก็ดีหมดทุกอย่าง เสียอยู่อย่างเดียว เย็นชามากไปหน่อย หร่วนเซียงเซียงต้องมาแต่งงานด้วยก็ไม่ใช่ง่ายๆ เหมือนกัน
จิ้นเฮ่าเห็นท่าทางจิ้นหยวนแล้วไม่พอใจ เขาครางเสียงฮึเย็นๆ กำลังจะอ้าปากพูดอะไรสักหน่อย แต่กลับถูกฉินเพ่ยหรงขึงตาปรามเอาไว้เสียก่อน
จะหาเรื่องอะไรอีก ครอบครัวจะกินข้าวกันดีๆ สักมื้อไม่ได้ใช่ไหม?
ฉินเฮ่าหุบปากทันที หร่วนเซียงเซียงพยายามรวบรวมความกล้าไปนั่งลงข้างจิ้นหยวน เธอยิ้มขวยเขิน “พี่จิ้นหยวน เรื่องก่อนหน้านี้ฉันผิดเอง ฉันขอโทษนะคะ พี่ให้อภัยฉันเถอะนะคะ” เอ่ยพลางยกแก้วไวน์ตรงหน้าขึ้น “ฉันขอโทษค่ะ”
เอ่ยจบแล้วยกแก้วขึ้นดื่มไวน์แดงจนหมดแก้ว
จิ้นหยวนชายตามองเธอแวบหนึ่งด้วยสีหน้าเรียบเฉย
เธอวางแก้วไวน์ลง เห็นเขายังคงปั้นหน้านิ่งไม่เปลี่ยนแล้วรู้สึกอับอายเล็กน้อย เธอกัดริมฝีปากล่างเบาๆ หยาดน้ำตาเอ่อคลอเต็มเบ้า
จิ้นเฮ่าทนไม่ไหวอีกต่อไป ตบโต๊ะเสียงดังปังใหญ่ “ไอ้เด็กเปรต นี่แกยังมีหัวใจอยู่หรือเปล่า!”
ฉินเพ่ยหรงพยายามคลี่คลายสถานการณ์ “นั่นสิอาหยวน เซียงเซียงเป็นเด็กดีมากเลยนะ คอยอยู่เป็นเพื่อนคนแก่อย่างเราทุกวัน ปรนบัติไม่เคยขาดตกบกพร่อง หาได้ยากมากเลยนะ ลูกก็เห็นแก่หน้าพ่อแม่หน่อยเถอะ ให้อภัยเซียงเซียงเถอะนะ”
จิ้นหยวนเห็นฉินเพ่ยหรงพูดขนาดนี้แล้ว เขาจึงยกแก้วไวน์ขึ้นช้าๆ จากนั้นดื่มไวน์แดงจนหมดแก้ว
นี่ถือเป็นการให้อภัยเธอแล้ว ฉินเพ่ยหรงเห็นแล้วยิ้มหน้าบานด้วยความพอใจ
ความจริงเธอเองก็ไม่รู้หรอกว่าหร่วนเซียงเซียงไปทำอะไรให้จิ้นหยวนไม่ชอบเธอมากขนาดนี้ แต่ลงมือก่อนได้เปรียบก่อน เธอคิดมาตลอดว่าหร่วนเซียงเซียงเป็นคนเรียบร้อยว่าง่ายขนาดนี้ ต่อให้ทำผิดก็คงไม่ได้ตั้งใจ จิ้นหยวนน่ะใจแคบเอง แต่ดูท่าทางตอนนี้ ดูเหมือนจิ้นหยวนเองก็ไม่ได้คิดแตกต่างจากเธอนี่นา
จิ้นหยวนไม่อยากทำให้คุณแม่โกรธ และยิ่งไม่อยากกระตุ้นอารมณ์คุณพ่อ เขาจึงจำใจปกปิดเรื่องที่หร่วนเซียงเซียงทำเอาไว้ไม่ให้พวกท่านรู้ และแน่นอน เขาเองก็ไม่ใช่คนที่ใครจะมาหาเรื่องกันได้ง่ายๆ เพราะฉะนั้น ตอนนี้เขากำลังลงบัญชีเอาไว้ทีละเรื่องๆ และเตรียมคิดบัญชีรวบยอดทีเดียว
หลังจากนั้นหร่วนเซียงเซียงไม่กล้าเล่นลูกไม้อะไรอีก ก่อนหน้านี้เธอถูกจิ้นหยวนสั่งสอนอย่างหนักตั้งหลายครั้ง ความรักที่เธอมีให้เขาลดน้อยถอยลงไปมาก แต่ความกลัวกลับเพิ่มขึ้นมากเป็นเท่าทวีเช่นเดียวกัน ดังนั้น เธอจึงฉวยโอกาสตอนที่จิ้นหยวนผ่อนคลายลงและไม่ระวังตัว แอบเคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบโดยไม่มีใครสังเกตเห็น โดยการดีดผงยาที่ซ่อนอยู่ในเล็บเข้าไปในแก้วไวน์ของเขา
จิ้นหยวนไม่ได้ระวังตัวเพราะไม่คิดว่าเธอจะกล้าลงมือต่อหน้าต่อตาตัวเองเช่นนี้ อีกทั้งตรงหน้ายังมีแต่อาหารอร่อยที่ตัวเองชอบทั้งนั้น นอกจากนี้ คุณแม่ยังคอยคีบอาหารให้เขาไม่หยุด และนานๆ ทีที่คุณพ่อจะไม่ดุด่าเขาด้วย เขาจึงพึงพอใจกับการรับประทานอาหารมื้อนี้มาก
อาจเป็นเพราะเขาพอใจมาก ทำให้เขาดื่มไวน์แดงไปหลายแก้วจนรู้สึกเวียนศีรษะ
เขาจับหน้าผากตัวเอง รู้สึกแปลกใจมาก เขาดื่มไวน์ไปเพียงไม่กี่แก้ว ทำไมถึงรู้สึกไม่สบายแบบนี้?
ฉินเพ่ยหรงสังเกตเห็นท่าทางไม่สบายของเขาทันที เธอชะงักเล็กน้อยแล้วเอ่ยถาม “ลูกเมาหรือเปล่า? หน้าแดงไปหมดแล้ว”
เขานวดคลึงหน้าผากตัวเองเบาๆ พลางพยักหน้าเล็กน้อย “ปวดหัวนิดหน่อยครับ”