เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค – ตอนที่ 4 ยืมเมล็ดพันธุ์เพื่อเพาะปลูก

ตอนที่ 4 ยืมเมล็ดพันธุ์เพื่อเพาะปลูก

พวกนางพูดคุยซุบซิบกันพักใหญ่ พลางยื่นถุงใบใหญ่ให้แก่มั่วเชียนเสวี่ยพร้อมกับยิ้มและจากไป

เดิมที มั่วเชียนเสวี่ยเกิดท่ามกลางครอบครัวเกษตรกร คอยช่วยเหลือกิจการภายในบ้านมานมนาน ด้วยความที่เป็นคนหัวดีมาแต่ไหนแต่ไรจึงทำให้ได้รับสืบทอดตำแหน่งเถ้าแก่ตั้งแต่อายุยังน้อย เพียงท่าทีเหน็บแนมที่ได้ตระเตรียมกันมาของบรรดาอาซ้อพวกนั้นเหตุใดจะดูไม่ออกเล่า อีกทั้งรอยยิ้มก่อนที่พวกนางจะจากไปนั่นอีก ราวกับเป็นการข่มกลายๆ ว่าลูกของพวกนางนั้นได้เรียนสูงๆ แล้ว!

อาซ้อฟางอาศัยอยู่ข้างบ้าน ทั้งที่อยากอยู่ช่วยมั่วเชียนเสวี่ยตระเตรียมอาหารแท้ๆ แต่ดันถูกคะยั้นคะยอชักชวนให้กลับไป

นี่ก็มืดแล้ว อีกอย่างนางอยู่บ้านกับลูกอีกสองคน ส่วนสามีก็ง่วนอยู่กับการทำงานที่ท่าเรือทั้งวัน เมื่อเขากลับมาถึงบ้านคงตั้งตารอกินอาหารแสนอร่อยของภรรยาอยู่เป็นแน่ นางจะปฏิเสธได้อย่างไร

……

ญาติที่ห่างไกลหรือจะสู้มิตรใกล้เรือนเคียงได้เล่า

ในตอนนี้เธอไม่มีแม้ญาติห่างๆ เสียด้วยซ้ำ อาซ้อฟางผู้นี้เป็นคนดี หากสนิทกันไว้คงได้พึ่งพาอิงอาศัยกันไปอีกนาน

ข้าวของที่ผู้ปกครองนักเรียนนำมาให้นั้น นอกจากไข่ ข้าวกล้อง น้ำมัน ผักใบเขียว ข้าวโพดและอาหารอื่นๆ แล้ว ยังมีชามและหม้อเล็กๆ อีกหลายใบ รวมทั้งข้าวของเครื่องใช้ในครัวเรือนอื่นๆ อีกด้วย

ดูเหมือนว่าขนบธรรมเนียมปฏิบัติของที่นี่จะค่อนข้างเรียบง่าย

เธอไม่ต้องการความมั่งคั่งร่ำรวยอะไร เพียงต้องการอาหารและเสื้อผ้าตามเหมาะสมเท่านั้น

เธอเหนื่อยจากชีวิตที่เร่งรีบและเสแสร้งในชาติก่อนมามากพอแล้ว

หลังจากนับข้าวของที่ได้มาครบถ้วน มั่วเชียนเสวี่ยพลางคิดในใจ แม้ยังไม่เพียงพอสำหรับในช่วงตลอดฤดูหนาวนี้ แต่พอคำนวณดูแล้วคงสามารถประทังชีวิตไว้ได้อีกสักเดือน รวมถึงพืชผักที่ลงมือลงแรงปลูกเองเล็กๆ น้อยๆ ในแปลง คงพอทำให้มีชีวิตรอดต่อไปสักระยะ

จวบจนได้เวลามื้อเย็น หนิงเซ่าชิงที่กำลังนอนอยู่บนเตียง สายตาของเขาเผลอมองภาพตรงหน้าอย่างนึกสนใจ

มั่วเชียนเสวี่ยที่เดินเข้ามาพร้อมอาหารเย็น พลางนั่งกินอย่างสบายใจ

อาหารในยุคนี้จะไปประณีตเหมือนอาหารสมัยใหม่ได้อย่างไร

เพราะต้องการขยายธุรกิจ จึงพูดได้เต็มปากว่าเธอตระเวนกินอาหารมาแทบทั่วประเทศแล้ว อีกทั้งเธอยังเป็นคนที่ชื่นชอบการทำอาหารมาก แม้ว่าจะเป็นอาหารธรรมดา หากผ่านรสมือของเธอแล้วย่อมเหนือชั้นกว่าเป็นไหนๆ

เมื่อหนิงเซ่าชิงได้ดื่มข้าวต้มลูกเดือยเข้าไป ดวงตาของเขาทอประกายอย่างรู้สึกประหลาดใจ

มั่วเชียนเสวี่ยไม่ได้แสดงทีท่าอะไรออกมา กลับกันมุมปากของเธอกระตุกยิ้มเบาๆ

หากต้องการพิชิตใจชาย ให้เริ่มต้นด้วยการพิชิตท้องของเขาเสียก่อน!

หลังจากทำความสะอาดจานและตะเกียบ เธอจึงต้มน้ำในหม้อใบใหญ่ไว้สำหรับชำระกาย ซึ่งเธอไม่ได้อาบน้ำอย่างสบายใจเช่นนี้มาเป็นเวลาหลายวันแล้ว

ช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง ท้องฟ้าเริ่มมืดเร็วกว่าปกติ หลังจากอาบน้ำดื่มด่ำท่ามกลางแสงจันทร์ จากนั้นเธอจึงถอดรองเท้าเพื่อเตรียมตัวจะเข้านอน

ทันทีที่เธอมาถึงเตียงนอน คนบนเตียงกุลีกุจอลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจ จนเธอพลอยสะดุ้งไปด้วย

“เจ้าจะนอนที่นี่หรือ”

“ถ้าข้าไม่นอนที่นี่ แล้วจะให้ข้าจะไปนอนที่ไหน” มั่วเชียนเสวี่ยสับสนพลางเอ่ยขึ้นด้วยอารมณ์คุกรุ่น

นี่เธอถูกรังเกียจเพราะหน้าตาหรือเปล่านะ!

บ้านหลังนี้มีเพียงเตียงหนึ่งหลังกับผ้าห่มหนึ่งผืนเท่านั้น แล้วจะให้เธอไปนอนที่ไหนกัน

หรือว่าในตอนนั้นที่เธอจับมือของเขาขึ้นมาดูเส้นลายมือเพื่อแก้เบื่อ เขาจึงกลัวจะถูกเธอลวนลามอย่างนั้นเหรอ ให้ตายสิ! ใครจะไปอยากดูของนายกันล่ะ ฉันดูเหมือนผู้หญิงประเภทนั้นหรืออย่างไร

มั่วเชียนเสวี่ยมีรูปร่างบอบบาง อีกทั้งเธออายุอานามเพียงแค่สิบสี่หรือสิบห้าปีเท่านั้น ยังเป็นเด็กสาวที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ แม้เขาจะมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวอย่างไร หากคิดจะทำอะไรขึ้นมาเธอก็คงเลือกที่จะถีบเขาลงจากเตียงอยู่ดี!

เขาจะคิดอะไรก็เรื่องของเขา เธอไม่สนใจด้วยหรอก ใบหน้าของมั่วเชียนเสวี่ยบึ้งตึงพร้อมกับห่อผ้าห่มพันตัวแล้วนอนลง ในใจพลางคิดว่า คนคนนี้เย็นชาจนตายด้านเกินไปแล้ว!

เมื่อหันไปเห็นสีหน้าโกรธเคืองของหญิสาว หนิงเซ่าชิงพลันนึกรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา

เมื่อก่อน มีหญิงสาวมากมายที่ปรารถนาจะขึ้นเตียงกับเขาไม่เว้นแต่ละวัน แต่ก็ต้องถูกไล่ตะเพิดออกไปทุกราย

หรือพูดได้ว่าเขาเพียงทำไปตามเห็นสมควรเท่านั้น

ปฏิกิริยาของมั่วเชียนเสวี่ยเมื่อครู่ กระตุกต่อมหงุดหงิดในใจของเขาเป็นอย่างมาก

ข้าแค่เพียงถามไถ่นางเองไม่ใช่หรือ แล้วท่าทางนั่นมันอะไร!

สตรีผู้นี้โตมาอย่างไรกัน หากเพียงเพราะประหม่าหรือตื่นเต้นก็ควรรู้จักพูดจาให้มันนุ่มนวลลงสักหน่อยไม่ได้หรืออย่างไร

จนถึงตอนนี้เขาก็ยังคงไม่เข้าใจอะไรในคำพูดของมั่วเชียนเสวี่ยแม้แต่น้อย

แล้วนางจะต้องเสียใจทีหลังที่กล้าไล่ข้าลงจากเตียง!

คิดได้เช่นนั้นเขาจึงล้มตัวลงนอนอีกครั้ง แต่ผ้าห่มกลับโดนคนข้างๆ ยึดไปเสียหมดและเขาไม่กล้าพอที่จะดึงมันกลับคืนมา ดังนั้นจึงทำได้เพียงข่มตานอนท่ามกลางความหนาวเย็นพร้อมกับหัวใจที่เจ็บแปลบ

เมื่อเห็นร่างหนาหนาวสั่น เจ้าหล่อนก็คลี่ผ้าห่มออกหวังคลุมให้ทั่วร่างทั้งสอง

การกระทำนั้นทำเอาหนิงเซ่าชิงไม่แม้แต่จะขยับตัว กลัวว่าผ้านวมจะหายไปอีกหากเขาเคลื่อนไหว

หลังจากเห็นว่าเขายังนิ่ง มั่วเชียนเสวี่ยพลันถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

หากเป็นหวัดขึ้นมา คนที่แย่ก็คงเป็นเราแน่

มั่วเชียนเสวี่ยอาการดีขึ้นแล้ว หลังจากที่ผ่านพ้นคืนวันอันเหน็ดเหนื่อยมาอย่างยาวนาน ไม่นานเธอก็ผล็อยหลับไป

หนิงเซ่าชิงสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมหวานของหญิงสาวที่อยู่ข้างๆ ยามได้ยินเสียงลมหายใจที่ลากยาวและอ่อนโยน กลับทำให้เขาไม่สามารถนอนหลับได้

เขาเป็นลูกผู้ชายแม้จะยังบริสุทธิ์ แต่ชายหญิงเมื่ออยู่ใกล้ชิดกันคงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ ในความมืดมิดและเงียบสงัด เขาแทบไม่กล้าที่จะขยับตัว ทำได้เพียงสวดมนต์ภาวนาเงียบๆ พยายามข่มตานอนเป็นเวลานานก่อนจะผล็อยหลับไป

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น หลังจากปรนนิบัติหนิงเซ่าชิงเสร็จสรรพแล้วยังพอมีเวลาเหลืออีกสักหน่อย มั่วเชียนเสวี่ยจึงแวะไปที่บ้านของอาซ้อฟางที่อยู่ถัดไป

จุดประสงค์ของเธอคือเพื่อต้องการขอยืมเมล็ดพันธุ์จากอาซ้อฟาง ถึงแม้ในตอนนี้จะเป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงแต่ก็ยังคงพอปลูกกะหล่ำปลีได้

แต่น่าเสียดายที่สวนหลังบ้านมีเนื้อที่เพียงครึ่งหมู่[1]เล็กๆ เท่านั้น ทำให้ไม่สามารถปลูกพืชผักอะไรได้มากนัก เธอจึงมักบอกกับผู้ปกครองของนักเรียนว่าขอรับค่าเล่าเรียนเป็นผักหรืออาหารแห้งแทน

ภายในลานบ้าน พบชายร่างใหญ่คนหนึ่งกำลังผ่าฟืนอยู่ ทันทีที่เห็นมั่วเชียนเสวี่ยเดินเข้ามา เขาก็พลันหน้าแดงและยิ้มอย่างเขินอาย

อาซ้อฟางเป็นคนมีมิตรไมตรีจิต นางแนะนำเขาให้แก่มั่วเชียนเสวี่ยได้รู้จัก “นี่คือสามีของพี่ ช่วงนี้อากาศเริ่มหนาวแล้วจึงขอให้เขาช่วยผ่าฟืนไว้ใช้ อีกอย่างน้องเองก็ยังไม่ค่อยแข็งแรงดี ไว้พี่จะให้เขาขนไปเผื่อด้วยก็แล้วกัน”

“ถ้าเช่นนั้น น้องสาวคนนี้ก็ขอน้อมรับไว้ด้วยความยินดี ขอบคุณพี่ทั้งสองที่เมตตา” มั่วเชียนเสวี่ยไม่ได้แสร้งทำเป็นเอาใจ แต่ขอบคุณอาซ้อฟางสำหรับความเมตตาจากใจจริง จากนั้นจึงตามอาซ้อฟางเข้าไปในบ้าน

ความรู้สึกนี้ นางจะเก็บมันเอาไว้ในใจและจะตอบแทนคุณอย่างแน่นอน

ในระหว่างการทักทายเมื่อครู่ มั่วเชียนเสวี่ยก็พลางมองสำรวจไปรอบๆ ลานนั้น

นี่คือบ้านแบบซื่อเหอย่วน[2]ตามต้นฉบับ ทุกอาณาบริเวณดูสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย อาซ้อฟางเป็นคนละเอียดอ่อน บ้านจึงเป็นบ้านที่น่าอยู่ได้ถึงเพียงนี้

“ยามนี้น้องไม่ค่อยสบายอยู่ให้พี่ได้ช่วยบ้างเถิด ทำตัวตามสบายไม่ต้องเกรงใจนะ” อาซ้อฟางดึงมั่วเขียนเสวี่ยเข้าไปในห้องพลางกดตัวนั่งลงบนเก้าอี้แล้วหันไปรินชาให้นาง

เวลานี้ที่หน้าประตูห้องมีเด็กหญิงตัวน้อยถักผมเปียคนหนึ่งกำลังเอื้อมมือจับขอบประตูพลางแอบมองดูนางด้วยท่าทางน่ารักน่าเอ็นดู

“มานี่สิ…” อาซ้อฟางวางถ้วยน้ำชาลงพร้อมกับกวักมือเรียกเด็กหญิงตัวน้อยให้เข้ามา

เด็กหญิงปฏิบัติตามอย่างเชื่อฟัง เด็กน้อยผละออกจากประตู ยิ้มกัดนิ้วอย่างเคอะเขินแล้วรีบวิ่งเข้าไปหาอาซ้อฟางอย่างเหนียมอาย

อาซ้อฟางประคองมือน้อยๆ ขณะถือกาต้มน้ำไปพลาง เผอิญน้ำในกาดันกระเซ็นออกมา ด้วยความตกใจนางจึงแกล้งทำเป็นโกรธ ปฏิกิริยานั้นทำให้เด็กหญิงตัวเล็กก้มหน้าก้มตางุดอย่างรู้สึกผิด “ข้าขอโทษที่ซุ่มซ่าม”

“อาซ้อฟาง…นี่คือยายาใช่ไหม ช่างน่ารักเสียจริง”

“ยายา เรียกอาจารย์หญิงสิลูก” อาซ้อฟางวางกาต้มน้ำในมือลง จากนั้นก็ตะโกนไปยังอีกห้องหนึ่งเพื่อเรียกใครบางคน “ซวนจื่อ ลูกออกมานี่เร็ว มาทักทายอาจารย์หญิงเสียสิ”

มั่วเชียนเสวี่ยที่นึกเอ็นดูในท่าทางของยายา จึงลุกขึ้นโผเข้ากอดเด็กน้อยพลางชวนเด็กน้อยพูดคุย “ไหนสาวน้อยลองบอกอาจารย์หญิงสิ เจ้าอายุเท่าไหร่เอ่ย”

[1] หมู่ ใช้เป็นหน่วยของมาตราวัดพื้นที่ของจีน โดย 60 เฟิน เท่ากับ 1 หมู่

[2] ซื่อเหอย่วน หรือเรือนสี่ประสาน เป็นบ้านที่ล้อมรอบด้วยกำแพงทั้งสี่ด้านมีลานบ้านอยู่ตรงกลาง

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค
Status: Ongoing
อ่านนิยายเหนียงจื่อของคุณชายขี้โรคเพราะสำลักน้ำชาจนขาดอากาศ(?)ทำให้ มั่วเชียนเสวี่ย สาวมั่นหัวการค้าทะลุมิติมาอยู่ในโลกยุคโบราณและในร่างของคนอื่น แต่นั่นยังไม่น่าตระหนกเท่าการที่ร่างนี้กำลังจะแต่งงานเพื่อแก้เคล็ดให้กับชายหนุ่มที่ป่วยร่อแร่เต็มที! ในโลกที่หากขาดที่พึ่งผู้หญิงก็สามารถถูกขายเป็นทาสได้ตลอดเวลาสามีคนนี้ของนางนับว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว ทั้งมีความรู้ สุภาพและไม่ใช้กำลังแถมหน้าตายังหล่อเหลาอีกด้วย เสียตรงร่างกายอ่อนแอไปหน่อยเท่านั้น ชีวิตครอบครัวชนบทแสนยากจนของนางจึงเริ่มขึ้นที่ตรงนั้น… แต่อย่างไรนางไม่ยอมงอมืองอเท้ารับชะตากรรมแบบนี้แน่ ในเมื่อนางมีความรู้ความสามารถยังต้องกลัวสร้างกิจการไม่ได้อีกหรือ?! เส้นทางร่ำรวยสายนี้นางจะบุกเบิกมันขึ้นมาด้วยตนเอง! และหวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นด้วยดี เพราะเหมือน ‘ร่างนี้’ ของนางกับฐานะเดิมของสามีเหมือนจะไม่ค่อยธรรมดาเสียด้วยสิ…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset