ตอนที่ 104 ฆ่าฟัน ความโกรธเคืองของเซ่าชิง (3)
ซูชีถึงขั้นรู้สึกอิจฉาท่านอาที่ป่วย
มั่วเชียนเสวี่ยเห็นซูชีหยิบพัดออกมา นึกถึงภาพตะกละของเขาในอดีต หัวเราะร่วนออกมา
บุรุษผู้นี้ ตลกจริงๆ
น่าขำก็ส่วนน่าขำ วันนี้นางมากับภารกิจ เพียงสองวันถงจื่อจิ้งก็พัฒนามากเช่นนี้ ทำให้นางรู้สึกมั่นใจกับภารกิจในวันนี้มาก
มั่วเชียนเสวี่ยยิ้ม แล้วหันไปเกลี้ยกล่อมถงจื่อจิ้ง
ซูชีหยุดพัด หากทำให้นางยิ้มได้ ให้แกล้งทำตัวเช่นนี้จะเป็นไรเล่า
ซูชีที่เก็บซ่อนความในใจเอาไว้นิ่งสงบอย่างมาก สิ่งนี้ทำให้มั่วเชียนเสวี่ยวางใจ
มั่วเชียนเสวี่ยส่ายหน้าแล้วหัวเราะเยาะตนเองที่เมื่อก่อนคิดมากจนเกินไป ตนเป็นหญิงบ้านนอกที่ออกเรือนแล้ว เขาเป็นคุณชายรูปงาม ไม่รู้ว่าตนคิดอะไรอยู่ คิดเข้าข้างตนเองเสียจริง
ถึงแม้ถงจื่อจิ้งจะโตขึ้นสองสามขวบในระยะเวลาสองวัน แต่ถึงอย่างไรก็มีความคิดเป็นเด็ก มั่วเชียนเสวี่ยเพียงแค่เกลี้ยกล่อม เขาก็ตามมั่วเชียนเสวี่ยกลับห้อง
พ่อบ้านถงทำงานได้ดีมากเช่นเดียวกัน
บ่าวรับใช้สี่ห้าคนที่ดูแลถงจื่อจิ้งมานานเจ็ดแปดปีหายไปหมดแล้ว เปลี่ยนเป็นบ่าวรับใช้ไหวพริบดีอายุสิบห้าสิบหกสองคน
แม้บ่าวรับใช้สองคนนั้นจะมาใหม่ ทว่าคล่องแคล่วมาก ใบหน้าเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม แม้จะเป็นคนใหม่ ทว่ายามถงจื่อจิ้งอยู่กับพวกเขาไม่ได้แสดงความรู้สึกอึดอัดเหมือนเมื่อก่อน บ่าวรับใช้พวกนั้นคงจะเข้มงวดกับถงจื่อจิ้ง เฉกเช่นเดียวกับหรงหมัวมัว… นั่นใช่การดูแลปรนนิบัติรับใช้เสียที่ไหน นั่นคือการเฝ้าคุมในเรือนจำชัดๆ
ตอนที่มั่วเชียนเสวี่ยปูภาพวาดขนาดใหญ่ลงบนพื้น ถงจื่อจิ้งรู้สึกแปลกใหม่มาก
ซูชีตกตะลึง ภาพวาดขนาดใหญ่เช่นนั้น จะบอกว่าเหมือนแผนที่ก็ไม่เหมือน สิ่งสำคัญคือ มั่วเชียนเสวี่ยยังกล่าวอีกว่านี่คือการละเล่นที่สนุกมาก จึงทำให้ซูชีรู้สึกสนใจขึ้นมา
สิ่งที่มั่วเชียนเสวี่ยวาดคือแผนที่ราชวงศ์เทียนฉีจริงๆ
แต่ว่า เป็นภาพวาดแผนที่ราชวงศ์เทียนฉีในฉบับน่ารัก ทั้งยังเป็นเกมเศรษฐีฉบับแผนที่ราชวงศ์เทียนฉี
ภาพวาดนี้แสดงถึงเมืองสำคัญสิบเจ็ดสิบแปดเมืองในราชวงศ์เทียนฉี หลังจากนั้น นำของกินและสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในเมืองเหล่านี้ วาดไว้ด้านบน
มั่วเชียนเสวี่ยอยากจะใช้การละเล่น บอกถงจื่อจิ้งว่าโลกใบนี้กว้างใหญ่มากเพียงใด
หลังจากมั่วเชียนเสวี่ยหยิบลูกเต๋าขึ้นมา แล้วอธิบายวิธีการเล่นจบ ซูชีตกตะลึง เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าแท้จริงแล้วการทำความเข้าใจเทียนฉีจะง่ายเช่นนี้ เรียบง่ายเช่นนี้ เป็นเรื่องที่สนุกเช่นนี้
“จื่อจิ้ง ดูให้ดีนะ การละเล่นใหม่จะเริ่มขึ้นแล้ว” มั่วเชียนเสวี่ยยิ้มและพูดอย่างมีเลศนัย
นางชี้ไปที่ภาพวาด “บ้านของเจ้าอยู่ในภาพวาดขนาดใหญ่นี้ และที่นี่ ที่แสดงถึงเมืองเทียนเซียง คือที่ที่พวกเราอยู่ ที่นี่มีเต้าหู้ให้กิน มีวัดหันซานให้เที่ยวชม…”
เที่ยวชม? มีวัดหันซาน? ซูชีตกตะลึง วัดหันซานเป็นวัดที่มีชื่อเสียง เป็นวัดศักดิ์สิทธิ์ที่มีชื่อเสียงของมณฑล เวลานี้เมื่อพูดออกมาจากปากของนาง วัดหันซานกลับกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ไม่รู้ว่าเจ้าอาวาสวัดหันซานได้ยินเช่นนี้จะกระอักเลือดหรือไม่
ในตอนท้ายสุดโต่งยิ่งกว่า
“ที่นี่คือเมืองหลวง คือที่พำนักของฮ่องเต้ชรา ทางด้านนั้นมีวัดเซียงกั๋ว เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง”
สมเป็นสตรีที่เขาหมายปอง ฮ่องเต้ผู้สูงศักดิ์สำหรับนางแล้ว เป็นเพียงฮ่องเต้ชรา กล้าหาญจริงๆ!
สถานที่ทุกแห่งที่มั่วเชียนเสวี่ยพูดล้วนจะเล่าให้ฟังว่าที่นั่นมีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรบ้างและมีอะไรอร่อย แน่นอนว่าทั้งหมดนี้คือความดีความชอบของหนิงเซ่าชิง
มีเพียงสิ่งเหล่านี้ ที่จะสามารถดึงดูดสายตาของเด็กได้ เป็นจริงตามนั้น เพียงครู่หนึ่งถงจื่อจิ้งก็แยกแยะชื่อของสถานที่ทั้งสิบเจ็ดสิบแปดแห่งได้เป็นอย่างดี
“…เจอคำว่าถอย ให้ถอยหลัง เดินถึงตรงนี้แล้วหยุด หยุดแล้วทำได้แค่มองผู้อื่นเดิน…เรามาดูกันว่าผู้ใดจะเดินจากเทียนเซียงไปถึงเมืองหลวงก่อนกัน…”
หลังจากอธิบายกฎระเบียนในการเล่นจบ มั่วเชียนเสวี่ยพาทั้งสองที่เปี่ยมไปด้วยความสนใจเล่นอยู่บนภาพวาด นางไม่ต้องตั้งใจสอนเป็นพิเศษ แค่ช่วงเช้า ถงจื่อจิ้งจดจำตัวอักษรในสิบเจ็ดสิบแปดเมืองสำคัญของเทียนฉีได้เป็นอย่างดี
ซูชีเป็นคนฉลาด ให้ความร่วมมือกับมั่วเชียนเสวี่ยมาก มั่วเชียนเสวี่ยรู้สึกจากใจจริงว่า น่าเสียดายจริงๆ ที่เขาไม่ได้เป็นอาจารย์ในโรงเรียนปฐมวัย
ขณะเล่น ถงจื่อจิ้งพูดได้ลื่นไหลมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว ทำให้มั่วเชียนเสวี่ยดีใจหันไปยิ้มกับซูชีหลายครั้ง
มั่วเชียนเสวี่ยคิดว่าหลังจากผ่านวันนี้ไป นางจะไม่มาทุกวันแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงให้บ่าวรับใช้ใหม่ทั้งสอง ไปเล่นกับถงจื่อจิ้ง
ถงจื่อจิ้งกำลังเล่นอย่างมีความสุข แน่นอนว่าย่อมไม่คิดเล็กคิดน้อย ด้วยเหตุนี้จึงเริ่มเล่นกับบ่าวรับใช้ทั้งสอง
มั่วเชียนเสวี่ยมีเวลาว่าง จึงเริ่มพูดคุยกับซูชี
ทั้งสองเริ่มต้นจากการพูดคุยเรื่องกิจการเต้าหู้ พูดถึงภัตตาคาร แล้วพูดถึงร้านอาหาร หลายครั้ง ความคิดของพวกเขาคล้ายกัน สิ่งนี้ทำให้มั่วเชียนเสวี่ยคิดว่า หากที่นี่ไม่ใช่สมัยโบราณ นางกับซูชีต้องเป็นมิตรสหายที่ดีต่อกันแน่
เมื่อถึงเวลาอาหารกลางวัน เพราะมีประสบการณ์หลายครั้งจากก่อนหน้านี้ ถึงแม้ถงจื่อจิ้งจะยังงุ่มง่าม ทว่าไม่ได้เป็นเหมือนครั้งแรกที่น้ำแกงเลอะทั่วทั้งร่างกายและมือเต็มไปด้วยเม็ดข้าว
อีกทั้งเพราะออกกำลังกายมากขึ้น ถงจื่อจิ้งกินมากขึ้นกว่าปกติอย่างเห็นได้ชัด สีหน้าของเขาไม่ได้ซีดเผือดเหมือนเมื่อก่อน เขาไม่เหมือนตอนแรกที่พบเจอกัน แตกต่างจากเมื่อหลายวันก่อนมาก มองอย่างพิจารณา ถงจื่อจิ้งรูปโฉมหล่อเหลา ส่วนต่างๆ ของใบหน้ากลมกลืนกันอย่างน่าประหลาดใจ
มองซูชีที่อยู่ข้างๆ คอยสาธิตวิธีการใช้ตะเกียบให้ถงจื่อจิ้ง
มั่วเชียนเสวี่ยอดไม่ได้ที่จะมีความคิดแย่ๆ ระหว่างสองคนนี้ ผู้ใดรุก ผู้ใดรับ… มั่วเชียนเสวี่ยคิดเรื่องเพ้อจนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ทำให้ซูชีมองตาขวาง เขาคิดว่ามั่วเชียนเสวี่ยหัวเราะที่เขาจู้จี้
ตลอดช่วงเช้าเล่นเกมเศรษฐีก็เหนื่อยแล้วเหมือนกัน หลังจากรับประทานอาหารเสร็จมั่วเชียนเสวี่ยให้คนนำกระดาษและพู่กันมา สอนถงจื่อจิ้งวาดรูป
พูดว่าสอนวาดรูป แต่ความเป็นจริงคือวาดสัตว์หัวโตตามนิทานที่เล่าให้ฟังเมื่อคราวก่อน สอนเขาวาดเรื่อยเปื่อย
ซูชีก็ทำตาม ฝึกวาดเลียนแบบมั่วเชียนเสวี่ย วาดสัตว์หัวโตหลายตัวบนกระดาษ
ซูชีวาดรูปไปด้วย พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองมั่วเชียนเสวี่ย มั่วเชียนเสวี่ยไม่ได้คิดมาก คิดว่าซูชีมีนิสัยเหมือนเด็ก สงสัยเกี่ยวกับรูปวาดหัวโต
คนที่มีจิตใจโอบอ้อมอารีเช่นนี้ ย่อมอยากให้อาของตนอาการดีขึ้นกระมัง
มั่วเชียนเสวี่ยรู้สึกดีกับเขามากขึ้น ขณะเบื่อหน่าย นึกถึงซูชีที่ชอบเอาพัดขึ้นมาพัด ท่าทางนี้ในสายตาของผู้อื่นอาจจะดูหล่อเหลา ทว่าในสายตาของเขา กลับตลกยิ่งนัก ขณะหัวเราะนางยกพู่กันขึ้น โดยมีซูชีเป็นพื้นหลัง วาดการ์ตูนหัวโตน่ารัก วาดซูชีถือพัดมีความอ้อร้อแผ่ซ่านออกมา
ซูชีมองภาพวาดนั่นด้วยความชื่นชอบ ทว่ากลับถลึงตามองมั่วเชียนเสวี่ย บอกว่านางใจร้าย เหตุใดจึงวาดคุณชายหล่อเหลาอย่างเขาให้น่าเกลียดเช่นนั้น
ถงจื่อจิ้งเห็นมั่วเชียนเสวี่ยวาดรูปซูชี ออดอ้อนนาง วาดให้ตนหนึ่งรูป
มั่วเชียนเสวี่ยไม่อาจเอาชนะเขาได้ หยิบพู่กันขึ้นมา แล้ววาดถงจื่อจิ้งในฉบับการ์ตูนหัวโตน่ารัก
ภายในใจของซูชีหวานชื่นราวกับกินน้ำผึ้ง แอบนำภาพวาดที่มั่วเชียนเสวี่ยวาดตนซุกเก็บเอาไว้ในอก