ตอนที่ 107 การประลอง ถงเหล่าวิงวอนถึงเรือน (1)
ถ้าหากถูกเขากิน คราวนี้ นางควรจะฟุบคลานบนพื้นหรือไม่ จับขาเขา วิงวอนร้องขอ นายท่าน ท่านอย่าโกรธเลยเจ้าค่ะ ทั้งหมดเป็นความผิดของข้า…
อาอู่เห็นฮูหยินโมโหเช่นนี้ หลังจากสบตากับอาซาน อาศัยช่วงเวลาตอนที่นายทั้งสองมองหน้ากัน ทั้งสองเพ่นหนีออกไปในทันที
“มานี่!” น้ำเสียงของหนิงเซ่าชิงเยือกเย็น สีหน้าขุ่นเคือง ราวกับปกคลุมด้วยสายฟ้า ช่างน่าหวาดกลัวยิ่งนัก
สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดคือถูกผู้อื่นหลอกลวง
แม้เขาจะเห็นด้วยตาตนเอง เห็นนางสนิทสนมกับชายอื่น แต่ว่า ภายใต้ความโมโห เขายังคงยินดีที่จะเชื่อนาง ยินดีที่จะให้โอกาสนางในการอธิบาย
แต่ว่า บุรุษซูบผอมที่ส่งนางออกมาและความเป็นห่วงของนางที่มีต่อบุรุษผู้นั้น รวมถึงรอยยิ้มนั่น ทำให้เขาไม่อาจใจเย็นได้ และทำให้เขาไม่อาจผ่อนคลายได้
ส่วนลึกในใจครุ่นคิด ทำลายเกวียน ฆ่าวัว ดูสิว่านางจะออกไปไหนได้อีก
มั่วเชียนเสวี่ยตกตะลึงกับใบหน้าที่อึมครึมประหนึ่งถูกปกคลุมด้วยเมฆครึ้มและสายฟ้า
นางไม่เข้าใจว่าเขาเป็นอะไรกันแน่
เดิมที นางเป็นคนยืดหยุ่น ไม่ชอบวิธีแรงมาแรงกลับ
แต่ว่า ในสถานการณ์เช่นนี้ แม้จะไม่อยากแรงมาแรงกลับ ก็ไม่อาจทำได้ เขาตะคอกใส่นาง ยังคิดจะให้นางยอม? อย่าแม้แต่จะคิด
นิสัยของหนิงเซ่าชิง มั่วเชียนเสวี่ยรู้ดี ท่าทีเช่นนี้ของเขา เห็นชัดว่ากินน้ำส้มสายชูมากไป คงหึงหวงนางอีกแล้ว มีครั้งใดบ้างที่เขาโมโหแล้วไม่ใช่เพราะความหึงหวง
แต่ว่า นางเพิ่งเดินเข้ามาในเรือน เขาไม่แม้แต่จะถามก็สั่งให้คนทำลายเกวียน ไม่ให้โอกาสในการอธิบายกับนาง ฆ่าวัวทิ้งทันที
นี่มันเป็นการตัดสินโทษให้กับนางแล้ว!
นางไม่พอใจ!
สีหน้าของมั่วเชียนเสวี่ยเยือกเย็น ไม่เดินเข้าไปหา ในทางกลับกันนั่งลงบนเก้าอี้ที่บรรดาลูกศิษย์แกะสลักเสร็จแล้ว พูดเสียงเยือกเย็น “ท่านสั่งให้มาก็มา สั่งให้ไปก็ไป ท่านคิดว่าตนเป็นใคร”
ตอนเช้าตกลงกันแล้ว รอนางกลับมา จะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นตลอดหลายวันที่ผ่านมานี้ให้เขาฟัง อาการป่วยของถงจื่อจิ้งดีขึ้นแล้ว เวลานี้นางเล่าให้หนิงเซ่าชิงฟังก็ไม่ถือว่าผิดคำพูด
ท่าทีของเขาแบบนี้… ช่างเถอะไม่ต้องเล่าแล้ว!
“ข้าคือใคร? วันนี้ข้าจะให้เจ้ารู้ว่าข้าคือใคร!”
หนิงเซ่าชิงเห็นมั่วเชียนเสวี่ยไม่เดินมาหา เดินมาด้วยสีหน้าเย็นยะเยือก
มั่วเชียนเสวี่ยคิดในใจว่าเขาเอาแต่พูดเช่นนี้ทุกครั้ง เขามีลูกไม้อื่นบ้างไม่ได้หรือ ทว่าเห็นเขาโมโหยิ่งกว่าเมื่อคราวก่อน หัวใจสั่นเทา กระโดดลุกขึ้น
“หนิงเซ่าชิง หากวันนี้ท่านกล้าตีก้นข้าอีก ข้าจะให้ท่านเสียใจไปตลอดชีวิต”
บุรุษผู้นี้ตีไปตีมา จนติดเสียแล้ว วันข้างหน้าหากแค่เรื่องเล็กน้อยก็ตีก้นนาง แล้วจะให้นางเอาหน้าไปไว้ที่ใด
มั่วเชียนเสวี่ยคิดว่าหากตนโมโหจริงๆ หนิงเซ่าชิงย่อมกลัว
ฝีเท้าของหนิงเซ่าชิงไม่ช้าลง เหลือบมองไปที่คอระหงขาวเนียนของนาง
“ได้ ข้าไม่ตีก้นเจ้า ข้า…”
มั่วเชียนเสวี่ยเห็นหนิงเซ่าชิงพุ่งตัวมา คว้าตัวนางขึ้นอุ้ม ฟันขาวสะอาด นางกระวนกระวายขึ้นมาทันที “และ…ห้ามกัดข้า”
“นี่เป็นความคิดที่ดี เดิมทีข้ายังคิดไม่ถึง” พูดอ่อนโยน น้ำเสียงกัดฟัน “ที่แท้เชียนเสวี่ยชอบให้กัดนี่เอง”
เขาคิดไม่ถึง? เขาโกหกใคร มั่วเชียนเสวี่ยกำหมัดแน่น ทันทีที่คำพูดนี้เปล่งออกมา นางอยากจะบีบคอตนเองให้ตาย นางกำลังชี้โพรงให้กะรอกงั้นหรือ
หนิงเซ่าชิงเอาหน้าแนบคอของนาง ขณะถูกคอของนางเขาพูดกระซิบเบาๆ “เชียนเสวี่ย คอของเจ้าช่างขาวจริงๆ”
ภายในใจของมั่วเชียนเสวี่ยหนาวเย็น ขาว? จะกัดก็กัด ยังจะมาสนใจว่าคอขาวหรือไม่ทำไมอีก เช่นนั้นให้นางไปล้างให้สะอาดก่อนค่อยมา ว่าแต่ เขาทำเช่นนี้ช่างทรมานจริงๆ
แต่ว่า ฟังจากน้ำเสียงของเขา คล้ายจะหายโกรธแล้ว…ยังไม่ทันด่าจบ ความเจ็บปวดวิ่งพล่านมาจากคอระหง
เจ็บมาก! เขา…เขากัดแล้วจริงๆ
ขณะดีดดิ้น ปิ่นบนผมมั่วเชียนเสวี่ยร่วงหล่น ผมยาวสลวยไร้พันธนาการ สยายลงมาราวกับน้ำตก
ผมยาวสลวยปล่อยลงมา อยู่ในสายตาของหนิงเซ่าชิง เป็นความงดงามที่ยากจะบรรยาย
ขยับถอยห่างจากคอระหง จัดผมที่ยุ่งเหยิงของนาง หนิงเซ่าชิงส่ายหน้าด้วยความจนปัญญา ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ทำใจทำให้นางเจ็บไม่ได้จริงๆ
ทำลายแล้ว ตะคอกแล้ว กัดแล้ว ความโมโหของเขาหายไปพอประมาณแล้ว
ทว่ามั่วเชียนเสวี่ยกลับไม่เป็นเช่นนั้น
นางถูกเขากัดคอจนมีรอยฟัน กระทั่งตอนนี้คอยังปวดร้อน ด้วยเหตุนี้ จึงไม่อยากสนใจเขา ยกมือขึ้น ปัดมือของเขาที่จับผมของนาง หันหน้ากลับอย่างทระนง
ทันทีที่กลับมา เขาก็ใช้อำนาจข่มนาง ทั้งทำลายเกวียน ทั้งฆ่าวัว แล้วยัง…กัดนางอีก อย่าคิดว่า เพียงลูบศีรษะของนางเช่นนี้ แล้วนางจะให้อภัยเขา
หนิงเซ่าชิงกอดนางอีกครั้ง มั่วเชียนเสวี่ยปัดออกอีกครั้ง
ทั้งสองนิ่งงันอยู่เช่นนี้
หนิงเซ่าชิงอดทนอยู่นาน สุดท้ายก็ทนไม่ไหว แบกมั่วเชียนเสวี่ยขึ้นหลังแล้วพาเข้าไปด้านใน
มั่วเชียนเสวี่ยเอามือตบหลังเขาด้วยความตกใจ “ท่าน ท่านคิดจะทำอะไรอีก เจ้าคนบ้า!”
หนิงเซ่าชิงพูดเสียงเยือกเย็น “หากข้าเป็นคนบ้า นั่นก็เพราะเจ้าเป็นคนบีบให้ข้าบ้า”
เขาไม่สนใจมั่วเชียนเสวี่ยที่กำลังดีดดิ้น จับมือที่ฟาดไปมาของนาง เปลี่ยนจากแบกขึ้นหลังเป็นอุ้ม
หลังจากอุ้มนางเข้าไปในห้อง กดนางลงบนเก้าอี้ เกล้าผมให้นางด้วยตนเอง
มั่วเชียนเสวี่ยจ้องมองตนเองในกระจกเงียบๆ จ้องมองบุรุษในกระจกที่ยืนเกล้าผมให้นางอยู่ด้านหลัง แม้สีหน้าของบุรุษที่เกล้าผมให้จะเย็นชา ทว่านัยน์ตาของเขากลับมีความอ่อนโยนที่ไม่อาจต้านทาน
ภาพนี้ ราวกับแสงจันทร์ส่องสว่างทอประกายทั่วผืนป่า น้ำใสรินไหลบนโขดหิน บีบหัวใจในเสี้ยววินาทีนั้นหนิงเซ่าชิงคงไม่เคยเกล้าผมให้ใครมาก่อน เพียงแค่เกล้าผมให้หญิงสาวชนบทก็ใช้เวลานานครึ่งค่อนวันกว่าจะเสร็จ
เกล้าผมเสร็จ หนิงเซ่าชิงถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เจ้าเล่ามาให้ละเอียด เกิดเรื่องอะไรขึ้นที่เรือนตระกูลถงกันแน่”
พอคิดขึ้นได้ว่าตนเป็นสตรีที่ออกเรือนแล้วแต่กลับออกไปข้างนอกทุกวี่วันเป็นเรื่องที่ไม่สมควรจริงๆ มั่วเชียนเสวี่ยจึงเก็บความเย่อหยิ่งของตนไป
ด้วยเหตุนี้ จึงเล่าเรื่องท่านผู้เฒ่าถงที่น่าแค้นใจให้ฟัง บอกว่าเขาเป็นคนเข้มงวด ไม่ยิ้มแย้ม บอกว่าเขารักบุตร ทว่ากลับรักด้วยวิธีการที่ผิด บอกว่าเขาเป็นบิดาที่โง่เขลาที่สุด… ทั้งยังพูดถึงถงจื่อจิ้งผู้น่าสงสาร บอกว่าเขาใสซื่อ บอกว่าเขาเกิดมาฉลาดหลักแหลม ทว่ากลับโชคร้าย…
สุดท้ายเล่าว่า นางรักษาถงจื่อจิ้งอย่างไร เล่าพัฒนาการของถงจื่อจิ้ง เล่าถึงความหัวดื้อของท่านผู้เฒ่าถง แน่นอน เรื่องที่นางจูงมือถงจื่อจิ้ง นางไม่กล้าเล่า… มั่วเชียนเสวี่ยเล่าอยู่อย่างนั้น ใบหน้าของหนิงเซ่าชิงเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มเสมอ ไม่อาจอ่านความคิดแท้จริงในใจของเขาได้
มองรอยยิ้มของเขา มั่วเชียนเสวี่ยกลับรู้สึกเป็นกังวล ก้มหน้าลงด้วยความร้อนตัว หวนคิดกลับไปตอนที่นางเล่าถึงถงจื่อจิ้ง คิ้วของหนิงเซ่าชิงเลิกขึ้นเล็กน้อย นางทำได้เพียงอ้อนวอนในใจ ขอให้เขาคลายปมในใจ
ฟังนางเล่าจบ หนิงเซ่าชิงมองหน้านางอยู่นาน “เรื่องก่อนนี้ไม่เป็นไร ข้าไม่ถือสาก็ได้ แต่ว่าเรื่องรักษาถงจื่อจิ้ง เจ้าพอแค่นี้”
เห็นมั่วเชียนเสวี่ยเลิกคิ้วขึ้นอยากจะพูด เขาพูดขึ้นอีก “สิ่งที่เจ้าควรทำก็ได้ทำไปแล้ว ท่านผู้เฒ่าถงยกหุบเขาให้เจ้าก็ดี หากไม่ยกให้ เจ้าก็ไม่ต้องกลับไปอีก ข้าย่อมสรรหาที่ดีๆ ให้เจ้าได้แน่นอน”
นิยายเรื่องนี้เข้าร่วมโปรโมชั่น
อัปเพิ่มต่อ +1
เพิ่มตอนจากปกติ เวลา 12.00 น. ตลอดช่วงแคมเปญ
18-31 มี.ค. 65 เท่านั้น!
ฝากติดตามกันด้วยนะคะ
Ink Stone