เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค – ตอนที่ 125 ชีวิตนี้มีเพียงเจ้าผู้เดียว (4)

ตอนที่ 125 ชีวิตนี้มีเพียงเจ้าผู้เดียว (4)

นางสามารถช่วยอาซ้อจางดูแลจางเถี่ยจู้ด้วยความหวังดีได้ แต่นางไม่มีสิทธิ์นั้น และไม่ใช่หน้าที่ของนาง

ไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด!

นางไม่ใช่เจ้าแม่กวนอิมนะ!

ระหว่างนางกับอาซ้อจางก็ไม่มีความสัมพันธ์ใด อีกทั้งแม้ว่าจางเถี่ยจู้จะไม่มีมารดา ทว่าก็ยังมีลุงและป้า แม้ไม่มีลุงและป้า ก็ไม่ถึงคราวให้นางดูแล ที่นั่นยังมีหัวหน้าหมู่บ้านและเหล่าผู้อาวุโสคอยจัดการ

เมื่อมาถึงอารามชิงจิ้ง มั่วเชียนเสวี่ยคิดว่าอาซ้อจางเพียงแค่ขุ่นเคือง เกลี้ยกล่อมเล็กน้อยไม่แน่อาจจะเปลี่ยนใจก็ได้

แต่ว่า หลังจากมาถึงอาราม นางเพิ่งรู้ว่าตนคิดผิด

อาซ้อจางโกนผมแล้ว นางสวมสไบครอง ไม่เหลือความเกรี้ยวกราดในอดีต ดวงตาคู่นั้นหม่นหมอง ไม่เหลือร่องรอยลำแสงแห่งความร้ายกาจ

แม้แต่แววตาที่มองจางเถี่ยจู้ ก็คล้ายจะนิ่งสงบ

“หากเจ้ายินดีช่วยดูแลเถี่ยจู้ เข้าจะสวดภาวนาให้เจ้าที่นี่ทุกคืนวัน”

“นี่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการตัดสินของข้าว่าจะยอมดูแลหรือไม่ยอม แต่ว่าเขายังมีทั้งพ่อและแม่ ลุงและป้าก็ยังแข็งแรงดี ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ควรเป็นข้าที่มาดูแล” สวดภาวนาหรือไม่ล้วนไม่สำคัญ เพียงแต่การทำเช่นนี้ไม่ถูกต้อง เผือกร้อนลวกมือนี้นางไม่อาจรับได้

คำพูดไร้เยื่อใย ไม่ว่าเถี่ยจู่จะร้องไห้อ้อนวอนนางเพียงใด ให้นางกลับไปกับเขา สีหน้าของนางก็ไม่แปรเปลี่ยน น้ำตาไม่รินไหลแม้แต่น้อย คล้ายว่าน้ำตาของนางหมดเกลี้ยงตั้งแต่เมื่อคืนวาน

เถี่ยจู่อ้อนวอนอีกครั้ง คุกเข่าลงบนพื้น สีหน้าของนางเปลี่ยนผันเล็กน้อย เดินหลบเข้าไปในอาศรม ไม่ออกมาอีก เถี่ยจู่คุกเข่าอยู่ตรงนั้นนานหลายชั่วยาม กระทั่งฟ้ามืดนางก็ยังไม่ออกมา เจ้าอาวาสเกลี้ยกล่อมพวกนางบอกให้กลับไป ทั้งยังบอกอีกว่า นางมีความคิดนี้ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน เพียงแต่ห่วงคนในครอบครัว… เป็นห่วงบุตรชายของตนเอง

ดูท่า ความแข็งแกร่งของนางที่แสดงออกมาในยามปกติ เป็นเพียงแข็งนอกอ่อนในเท่านั้น เวลานี้เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ความใจร้ายของจางเกินเป่าทำลายความห่วงใยที่นางไม่อาจปล่อยวาง

หลังจากกลับหมู่บ้านหวังจยา มั่วเชียนเสวี่ยอธิบหายเหตุผลของเรื่องที่เกิดขึ้น แล้วยกจางเถี่ยจู้ให้ลุงของเขาคอยดูแล

ทว่าคาดไม่ถึงลุงของเขากลับบอกว่า ที่บ้านกำลังจะรับสะใภ้คนใหม่ ไม่มีเวลาดูแลจางเถี่ยจู้ ให้นางพาไปอยู่บ้านอา เมื่อไปถึงบ้านอา อาคนนั้นกลับบอกว่า ที่บ้านมีเด็กหลายคน ไม่มีเงินเลี้ยงดูนานแล้ว ให้นางพาไปอยู่บ้านลุง

เป็นเช่นนี้ เกี่ยงกันไปมา ไม่มีความกลมเกลียวระหว่างพี่กับน้องแม้แต่น้อย ไม่แปลกที่อาซ้อจางจะไหว้วานให้นางดูแลจางเถี่ยจู้

ช่างเถอะ ไม่ต้องไปหาหัวหน้าหมู่บ้านแล้ว

มั่วเชียนเสวี่ยโมโห จูงมือจางเถี่ยจู้กลับเรือน

สำหรับเรื่องนี้ หนิงเซ่าชิงเพียงส่ายหน้า ไม่ได้พูดอะไร สำหรับเขาการมีเด็กเพิ่มขึ้นมาหนึ่งคน ก็เพียงแค่เพิ่มตะเกียบอีกหนึ่งคู่เท่านั้น ขอเพียงนางมีความสุขก็พอแล้ว

เช้าวันรุ่งขึ้น เดิมทีจางเถี่ยจู้ควรจะติดตามหนิงเซ่าชิงไปที่สำนักศึกษา

ทว่าคิดไม่ถึง จางเถี่ยจู้กลับคุกเข่าคำนับ พูดอ้อนวอนว่า เขาไม่อยากไปสำนักศึกษาปฐมวัย และไม่อยากอยู่เรือนตระกูลหนิง เขาอยากกลับบ้านของเขา เขาบอกว่า ตอนนี้ที่เหลือเหลือแค่เขาเพียงคนเดียว เขาจะรอบิดาของเขากลับมา เขาคิดว่า ขอเพียงบิดายอมกลับมา มารดาย่อมกลับมาเช่นเดียวกัน เขายังพูดอีกว่า เกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ขึ้นในเรือน เขาไม่มีกะจิตกะใจร่ำเรียน เขาจะหาเงินเลี้ยงชีพ เขาอยากจะเรียนแกะสลักกับมั่วเชียนเสวี่ย

สีหน้านี้ ถ้อยคำนี้ คล้ายเพียงชั่วข้ามคืน โตขึ้นเจ็ดแปดปีอย่างไรอย่างนั้น

เดิมทีมั่วเชียนเสวี่ยยังไม่อาจตัดสินใจได้ ทว่าหนิงเซ่าชิงกลับบอกว่า ปล่อยให้จางเถี่ยจู้ทำตามที่เขาต้องการเถอะ ด้วยเหตุนี้ มั่วเชียนเสวี่ยจึงให้หวังเทียนซงคอยจัดการ มั่วเชียนเสวี่ยรับผิดชอบค่ากินค่าดื่มเล็กน้อย แล้วให้ภรรยาหวังซานซึ่งเป็นมารดาของหวังเทียนซงคอยจัดการ

ครานี้ ทำเอาลุงกับอาและป้าๆ เสียใจยิ่งนัก ตีอกกระทืบเท้าด้วยความปวดใจ

หลังจากนั้นไม่กี่วันที่เมืองเทียนเซียงก็มีข่าวลือว่าจางเกินเป่าถูกตัดสินเนรเทศเป็นเวลาห้าปี จางเถี่ยจู้ดีใจอย่างมาก

ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเรื่องในภายหลัง

เป็นวันพักผ่อนสองวันที่หาได้ยาก มั่วเชียนเสวี่ยหงุดหงิดยิ่งนักมองสิ่งใดก็ขวางหูขวางตาไปเสียหมด นั่งอยู่ในห้องหนังสือหยิบแผนที่หุบเขาขึ้นมาวางแผน

ตั้งโรงตากเครื่องปรุงไว้ที่ใด ตั้งโรงงานที่ใด ตั้งโกดังเก็บของที่ใด ตั้ง…

กล่าวโดยสรุป คิดเริ่มต้นทำสิ่งใดล้วนมีเรื่องมากมายให้ต้องเตรียม

ถงจื่อจิ้งเดินถือกระต่ายไม้แกะสลักเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

หลายวันมานี้หลังจากได้ถงจั่งคอยสอน กิริยาท่าทางของเขาในตอนนี้ยิ่งอยู่ก็ยิ่งตามเกณฑ์

ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าถงจั่งเป็นผู้ที่มีความสามารถ ไม่ว่าจะที่ใดและเวลาใด ล้วนยิ้มแย้มตลอดเวลา มีความอดทนสูงยิ่งนัก ไม่ว่าถงจื่อจิ้งจะถามสิ่งใด เขาตอบคำถามทุกข้อ คำถามที่ตอบไม่ได้ ก็ไม่ได้เพิกเฉยไม่ใส่ใจ

ไม่ว่าถงจื่อจิ้งจะร้องขอสิ่งใดที่เกินกว่าเหตุ เขาล้วนตอบตกลง หลังจากนั้นค่อยเกลี้ยกล่อม

สมกับเป็นหลานชายคนเก่งของพ่อบ้านถงเสียจริง

“พี่เชียนเสวี่ย ข้ามอบสิ่งนี้ให้ท่าน” ถงจื่อจิ้งหยิบผลงานตลอดหลายวันที่ผ่านมานี้ของเขาขึ้นมา ยื่นให้มั่วเชียนเสวี่ยด้วยความประหม่า

มั่วเชียนเสวี่ยรับงานแกะสลักของเขา ยิ้มแล้วพูด “อืม จื่อจิ้งเป็นคนแกะสลักด้วยตนเองหรือ”

ถงจื่อจิ้งเบิกตากว้าง พยักหน้า พูดด้วยความจริงจัง “ขอรับ นี่เป็นผลงานแกะสลักชิ้นแรกของจื่อจิ้ง พี่เซียนเสวี่ย พี่ดูนี่สิ จื่อจิ้งแกะสลักหัวไชเท้าให้กระต่ายน้อยด้วย พี่เชียนเสวี่ยรู้สึกว่ามันน่ารักหรือไม่ขอรับ” ขณะพูด ถงจื่อจิ้งยื่นมือออกมา ชี้ไปยังระหว่างอุ้งเท้าบริเวณหน้าท้องของกระต่าย

ถงจื่อจิ้งอยู่ในเรือนตลอดเวลา มั่วเชียนเสวี่ยเคยจับมือของเขา นุ่มกว่ามือเล็กๆ ของตนมาก

ในตอนนั้น ตอนที่นางจูงมือของเขา ยังเคยทอดถอนหายใจ

เวลานี้ มือคู่นี้มีตุ่มน้ำ มีรอยเลือด มีสะเก็ดแผลเป็นจากการถูกบาด

มองมือคู่นั้น นึกถึงอดีตที่ผ่านมาของเขา มั่วเชียนเสวี่ยรู้สึกเศร้ายิ่งนัก ทว่าดวงหน้าของนางกลับยิ้มแล้วพูด “จื่อจิ้งทำได้เยี่ยมยิ่งนัก! กระต่ายน้อยนี้ พี่ชอบมาก ขอบคุณเจ้ามาก!”

หลังจากชื่นชมถงจื่อจิ้ง มั่วเชียนเสวี่ยหยิบกระต่ายน้อยขึ้นมาแล้วดูอย่างถี่ถ้วน นางตกใจยิ่งนัก

แม้กระต่ายตัวนี้จะไม่ได้แกะสลักอย่างละเมียดละไม ทว่ามีรูปแบบเป็นของตนเอง แม้จะโบราณ ทว่าน่ารักมาก หลังจากดูอย่างถี่ถ้วน มั่วเชียนเสวี่ยถูกใจยิ่งนัก

แม้งานแกะสลักนี้จะเล็ก ทว่าผู้ที่เริ่มต้นเรียนแกะสลักได้ถึงขั้นนี้ ถือว่าไม่ธรรมดาแล้ว มีความเข้าใจมากกว่าเกาฉีหวาเสียอีก

งานแกะสลักชิ้นนี้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับช่างแกะสลัก แต่ขึ้นอยู่กับใจ เป็นความรู้สึกอย่างหนึ่ง

ท่ามกลางความรู้สึกปลื้มปีติ มั่วเชียนเสวี่ยชี้ให้เห็นข้อบกพร่องบางส่วน แล้วอธิบายเคล็ดลับต่างๆ ให้ฟังมากมาย หลังจากบอกข้อบกพร่อง ความเป็นเด็กในตัวนางถูกปลุกให้ตื่นขึ้น หยิบสีออกมา แล้วระบายกระต่ายน้อยตัวนี้ไปพร้อมกับถงจื่อจิ้ง

กระต่ายตัวไม่ใหญ่มาก เพียงใหญ่กว่าฝ่ามือเล็กน้อยเท่านั้น ดังนั้น จึงระบายเสร็จอย่างรวดเร็ว

เดิมทีอยากจะระบายกระต่ายน่ารักสีขาวกอดหัวไชเท้ายักษ์สีส้ม ทว่าผลสุดท้าย เพราะความไม่ละเมียดละไมของถงจื่อจิ้ง บนตัวกระต่ายน้อยจึงมีจุดแดงๆ น่ารักเพิ่มขึ้นมาอีกหลายจุด ดูไม่กลมกลืน

มั่วเชียนเสวี่ยจุดประกายความคิด เพิ่มสีสันลงไปบนจุดแดงเล็กๆ เหล่านั้น จุดแดงเปลี่ยนเป็นดอกไม้สีแดง ทำให้กระต่ายขาวน่ารักยิ่งนัก

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค
Status: Ongoing
อ่านนิยายเหนียงจื่อของคุณชายขี้โรคเพราะสำลักน้ำชาจนขาดอากาศ(?)ทำให้ มั่วเชียนเสวี่ย สาวมั่นหัวการค้าทะลุมิติมาอยู่ในโลกยุคโบราณและในร่างของคนอื่น แต่นั่นยังไม่น่าตระหนกเท่าการที่ร่างนี้กำลังจะแต่งงานเพื่อแก้เคล็ดให้กับชายหนุ่มที่ป่วยร่อแร่เต็มที! ในโลกที่หากขาดที่พึ่งผู้หญิงก็สามารถถูกขายเป็นทาสได้ตลอดเวลาสามีคนนี้ของนางนับว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว ทั้งมีความรู้ สุภาพและไม่ใช้กำลังแถมหน้าตายังหล่อเหลาอีกด้วย เสียตรงร่างกายอ่อนแอไปหน่อยเท่านั้น ชีวิตครอบครัวชนบทแสนยากจนของนางจึงเริ่มขึ้นที่ตรงนั้น… แต่อย่างไรนางไม่ยอมงอมืองอเท้ารับชะตากรรมแบบนี้แน่ ในเมื่อนางมีความรู้ความสามารถยังต้องกลัวสร้างกิจการไม่ได้อีกหรือ?! เส้นทางร่ำรวยสายนี้นางจะบุกเบิกมันขึ้นมาด้วยตนเอง! และหวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นด้วยดี เพราะเหมือน ‘ร่างนี้’ ของนางกับฐานะเดิมของสามีเหมือนจะไม่ค่อยธรรมดาเสียด้วยสิ…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset