แม้ว่าความเป็นอยู่ของถงจื่อจิ้งที่เรือนตระกูลหนิง มีคนไปรายงานให้ฟังทุกวัน แต่รายงานแค่ว่าวันนี้คุณชายแกะสลักตลอดทั้งวัน วันนี้คุณชายกินอาหารได้เอร็ดอร่อย วันนี้คุณชายนิ่งเงียบมากเป็นต้น
ไม่อาจรู้สึกได้เหมือนเห็นกับตาตนเอง
ไม่เจอกันไม่กี่วัน ต้องมองคุณชายใหม่แล้ว สีหน้าเช่นนี้ ทำให้พ่อบ้านถงอดขยี้ตาไม่ได้ แล้วมองอีก น้ำตารินไหลลงมาทันที
ตระกูลถงว่าจ้างอาจารย์ปฐมวัยได้แล้ว ทว่าพ่อบ้านถงไม่รู้จะบอกมั่วเชียนเสวี่ยเช่นไร เพราะที่มาพร้อมกับอาจารย์จี้ยังมีสาวใช้รูปโฉมงดงามอีกสองคน
นี่คือคำสั่งของถงเหล่า เดิมทีพ่อบ้านถงอยากจะเกลี้ยกล่อม แต่เมื่อครุ่นคิดอีกทางหนึ่ง ตอนนี้พวกเขาไม่ได้บีบบังคับคุณชาย เพียงแค่ส่งสาวใช้มาปรนนิบัติรับใช้เท่านั้น
หากคุณชายชอบพอ รับพวกนางเอาไว้ นั่นก็ถือเป็นวาสนาของพวกนาง และเป็นเรื่องที่น่ายินดีของตระกูลถง หากคุณชายไม่ชอบพอ เพียงแค่ไล่ออกก็สิ้นเรื่อง ด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้รู้สึกว่ามีสิ่งใดไม่เหมาะสม พูดคุยกับมั่วเชียนเสวี่ยเล็กน้อย พ่อบ้านถงได้พบถงจื่อจิ้งแแล้ว หน้าที่ก็ทำแล้ว จึงรีบร้อนจะกลับไปเรือนตระกูลถงเพื่อรายงานข่าวดีให้นายท่านฟัง
มั่วเชียนเสวี่ยมองสาวใช้ทั้งสองที่ยืนอยู่ด้านหลังอาจารย์จี้ด้วยสีหน้าหมดคำจะพูด แต่เขาก็ให้อาอู่ไปเชิญถงจื่อจิ้งกลับมา “จื่อจิ้ง นี่คือท่านอาจารย์ของเจ้า”
“ท่านอาจารย์แกะสลักเป็นหรือไม่”
“ข้าไร้ความสามารถ ไม่มีความรู้ด้านการแกะสลัก แต่มีความรู้ด้านการวาดภาพเล็กน้อย มัจฉาแหวกว่ายในคงคา ปักษาโบยบินบนเวหา บุษบายิ้มท่ามกลางวาโย หากคุณชายไม่รังเกียจ ข้าวาดภาพให้คุณชายหนึ่งรูปได้” ใบหน้าของอาจารย์จี้เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม น้ำเสียงไม่รีบร้อน ให้ความรู้สึกเป็นกันเองอย่างมาก
“เช่นนั้นท่านอาจารย์รีบวาดมาเร็วเข้า” เรื่องที่ถงจื่อจิ้งสนใจมีไม่มาก นอกจากแกะสลักก็คือวาดภาพ
สำหรับอาจารย์จี้ที่ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม ถงจื่อจิ้งไม่ได้ปฏิเสธเท่าใดนัก เมื่อได้ยินว่าเขาวาดภาพเป็น บอกเขาวาดภาพให้ตนหนึ่งรูปอย่างหักห้ามใจไม่ได้
สาวใช้ทั้งสองเห็นว่าคุณชายไม่ได้ชายตามองตน รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย พวกนางได้รับการสอนมาจากหมัวมัวหลายปี เตรียมที่จะเป็นสาวใช้ห้องข้างของถงจื่อจิ้งมานานแล้ว
ทั้งสองมองตากัน จากนั้นเบียดตัวขึ้นมาด้านหน้าแล้วน้อมทำความเคารพ
เวลานี้ถงจื่อจิ้งเพิ่งเห็นว่าด้านหลังอาจารย์จี้มีสาวใช้สองคน
เมื่อเห็นสาวใช้สองคนเดินมาด้านหน้า ถงจื่อจิ้งกลับถอยหลังหนึ่งก้าว ร้องตะโกนเสียงดัง “ถงผิง ถงอัน…”
……
ณ เรือนตระกูลถง
ตอนที่พ่อบ้านถงไปห้องหนังสือ ถงเหล่ากำลังคัดลอกตัวอักษรประดิษฐ์ของผู้มีชื่อเสียง
พ่อบ้านถงกล่าว “นายท่าน เมื่อครู่องครักษ์ตระกูลถงรายงานว่า สาวใช้สองคนที่ส่งไป ยังไม่ทันได้เอ่ยปากพูด เพียงคิดอยากจะเข้าใกล้คุณชาย คุณชายก็สั่งให้ถงผิงและถงอันลากตัวพวกนางออกไป โยนบนพื้นหิมะขอรับ ทั้งยังบอกว่า…”
ผู้เฒ่าถงได้ยินว่าถงจื่อจิ้งสั่งให้ถงผิงและถงอันลากสาวใช้สองคนออกไป ดูเหมือนไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับเรื่องนี้ ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้น เอ่ยถาม “พูดว่าอะไรอีก”
“พูดว่า หากเห็นพวกนางอีกครั้ง จะทุบตีและสังหารขอรับ หลังจากนั้น…” พ่อบ้านถงไม่อาจทำใจพูดต่อ
“หลังจากนั้น?” ผู้เฒ่าถงวางพู่กันในมือ มองภาพตรงหน้า แววตาฉายความชื่นชม
ไม่ได้คัดลอกตัวอักษรประดิษฐ์ที่ทำให้ตนพอใจได้มานานแล้ว
เป็นเพราะเย็นวันนี้ได้ยินพ่อบ้านบอกว่าจิ้งเอ๋อร์พัฒนาขึ้นมาก เขาจึงมีอารมณ์นั่งคัดลอกตัวอักษรประดิษฐ์
พ่อบ้านถงพูดอ้ำอึ้งด้วยความไม่สบายใจ “หลังจากนั้นคุณชายออกคำสั่งว่า นับจากวันนี้ห้ามสตรีคนใดเข้าใกล้เขา หากมีสตรีคนใดเข้าใกล้เขาในรัศมีสามไม้บรรทัด ให้ถงผิงและถงอันทุบตีทำร้ายและฆ่าฟัน หากถงผิงและถงอันไม่ทำ เช่นนั้นก็จะทุบตีและฆ่าพวกเขาไปพร้อมกันขอรับ”
ฮ่าๆๆ… ถงเหล่าได้ยินคำว่าทุบตีและฆ่าฟันสองคำนี้ แหงนหน้าขึ้นหัวเราะเสียงดัง “ทุบตีและฆ่าฟัน!จิ้ งเอ๋อร์ของข้าโตแล้วจริงๆ พ่อบ้านไปหยิบสุรามา”
พ่อบ้านถงออกไปหยิบสุราตามคำสั่ง ถงเหล่าพูดพึมพำกับตนเอง “เยี่ยมๆๆ สมกับเป็นลูกหลานตระกูลถงของข้า มีความกล้าหาญ” เห็นว่าพ่อบ้านยังไม่ได้ก้าวออกจากห้อง เขาจึงพูดสั่ง “สั่งองครักษ์ตระกูลถงไปลอบติดตามคุณชายให้มากขึ้น เขาอยากทุบตีและฆ่าฟันผู้ใด ก็ปล่อยให้เขาทุบตีและฆ่าฟัน บุตรชายของข้าจะไม่มีความเหี้ยมโหดแม้แต่น้อยได้อย่างไร”
“ขอรับ”
พ่อบ้านถงพยักหน้าอีกครั้ง กำลังจะก้าวออกไป ด้านหลังก็มีเสียงดังขึ้นอีก “ช้าก่อน”
พ่อบ้านถงหันกลับไปด้วยความจนปัญญา ถงเหล่าพูดต่อ “พ่อบ้าน เจ้ารีบส่งคนไปติดตามหมอประหลาดนั่นเสีย เมื่อเขาเจอยานำพา ให้แย่งชิงมา หากไม่อาจแย่งชิงกลับมาได้ เช่นนั้นก็ทำลายทิ้งเสีย”
“เพราะเหตุใดหรือขอรับนายท่าน”
“เพราะเหตุใดงั้นรึ ก็เพื่อจิ้งเอ๋อร์อย่างไรเล่า เจ้าดูสิเขาอยู่ที่เรือนตระกูลหนิงมานาน ทว่ากลับไม่เคยเสวนากับสตรีคนใดมาก่อน รวมถึงบุตรีของหญิงหม้ายที่องรักษ์รายงานว่าคอยยั่วยวนจิ้งเอ๋อร์ที่เรือนทุกวัน ในเมื่อเขามีใจให้แค่หนิงเหนียงจื่อ เช่นนั้นข้าที่เป็นบิดา ย่อมต้องช่วยเขา”
“นายท่าน รออีกหน่อยดีหรือไม่ขอรับ ไม่แน่ว่าคุณชายจะดีขึ้นในเร็ววัน” พ่อบ้านถงร้อนใจเล็กน้อย
“รอ? ข้าแก่มากแล้ว จะรอได้อีกกี่ปี หากจิ้งเอ๋อร์ไม่เปิดใจ ไม่ยอมรับสตรี หรือว่าจะให้ข้ารอต่อไปเช่นนี้ต่อไปอย่างนั้นหรือ”
“เอ่อ…ไม่เป็นเช่นนั้นหรอกขอรับ” พ่อบ้านถงเองก็ไม่มั่นใจ
“ทุกอย่างล้วนมีความเป็นไปได้ ข้าไม่มีวันฝากความหวังไว้กับการรอคอยที่สูญเปล่า” ใบหน้าถงเหล่าฉายความเหี้ยมโหด “หากหนิงเซ่าชิงสิ้นใจ หนิงเหนียงจื่อไม่มีที่พึ่งพิง ย่อมต้องทำดีกับจิ้งเอ๋อร์”
“นายท่าน…”
“ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว ข้าตัดสินใจแล้ว เจ้ารีบไปจัดการเสีย”
ขณะที่ถงเหล่าและพ่อบ้านวางแผนทำลายยานำพาที่ใช้เพื่อช่วยชีวิตหนิงเซ่าชิงในห้องหนังสือ หนิงเซ่าชิงเดินเข้าไปในห้องของอาจารย์จี้ จี้ซวี่เหยา
จี้ซวี่เหยากำลังอ่านตำราในห้อง เห็นว่าคนที่เดินเข้ามาคือหนิงเซ่าชิง เขามองร่างสง่างามที่อ่อนโยนนั้นอย่างพิจารณา รู้สึกว่ารัศมีในตัวหนิงเซ่าชิงส่องสว่างทั่วห้องที่แสนซอมซ่อนี้ เขาลุกขึ้นแล้วประสานมือพูด “ได้ยินชื่อคุณชายหนิงมานาน วันนี้ได้พบเจอ สมคำร่ำลือจริงๆ”
“ที่ใดกันๆ” หนิงเซ่าชิงยกมือขึ้น ทรุดตัวลงนั่งขณะจี้ซวี่ยเหยากล่าวทักทาย พูดเสียงเรียบ “ลำบากท่านอาจารย์จี้แล้ว”
แม้ว่าตระกูลจี้จะตกอับ ทว่าตระกูลที่มั่งคั่งแม้ตกอับก็ร่ำรวยกว่าผู้ที่ยากจนแต่กำเนิด
ตระกูลจี้ของจี้ซวี่เหยาครั้งหนึ่งเคยเป็นตระกูลขุนนางแห่งราชวงศ์เทียนฉี เมื่อร้อยปีก่อนเคยโดดเด่น เคยมีช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ แม้ว่าตอนนี้จะตกอับ ทว่าก็ยังมีที่นาอยู่บ้าง การใช้ชีวิตในแต่ละวันไม่ใช่ปัญหา ยังไม่ถึงขั้นตกอับจนต้องมาเป็นอาจารย์สอนผู้อื่นถึงเรือน
“คุณชายหนิงพูดอะไรขอรับ ซวี่เหยายังอยากจะให้คุณชายหนิงพาซวี่เหยาไปขอบคุณคุณชายหลูที่แนะนำมา ในเวลาเดียวกันก็อยากจะขอบคุณคุณชายหนิงที่สนับสนุนซวี่เหยา”
จี้ซวี่ยเหยาถ่อมตน พูดจาฉะฉาน “ตระกูลถงคือตระกูลขุนนางอันดับหนึ่งแห่งราชวงศ์เทียนฉี แม้ว่าเวลานี้จะปลีกวิเวก ออกไปอยู่นอกเมืองหลวง แม้นไม่เด่นตระหง่านเข้มแข็งเหมือนเมื่อหลายปีก่อน ทว่า ถงเหล่าเป็นผู้แข็งแกร่ง อำนาจไม่เคยลดน้อย ในทางกลับกันตระกูลจี้ของข้าลำบากยากเข็ญ หากปล่อยให้สถานการณ์พาไปโดยไม่ทำการใด อีกไม่กี่ปี ในเทียนฉีก็จะไม่มีผู้ใดจดจำตระกูลจี้ของข้าได้ สำหรับตระกูลจี้แล้วนี่คือโอกาสที่ต้องรักษาเอาไว้ให้ดี วันหน้าหากตระกูลจี้กลับมารุ่งโรจน์ต้องขอบคุณท่านทั้งสองสำหรับบุญคุณในวันนี้”