ถงจั่นที่อยู่ด้านหลัง ภายใต้การจับจ้องของถงจื่อจิ้ง หยิบถ้วยใบนั้นขึ้นมาด้วยความสั่นเทา จะกินน่องไก่ในถ้วยก็ไม่ใช่ ไม่กินก็ไม่ได้
ทั้งห้องโถงตกอยู่ในความเงียบ ได้ยินกระทั่งเสียงเข็มหล่น บรรยากาศอึมครึมยิ่งนัก
มุมปากของถงจื่อจิ้งแสยะยิ้ม
นัยน์ตาของถงเหล่าฉายความโมโห
นี่คือ? กำลังรังเกียจเขา กับบ่าวรับใช้ยังพูดดีด้วยได้ แต่กับเขากลับไม่อาจพูดจาดีๆ ด้วย ทั้งยังไม่กินอาหารที่เขาคีบให้อีก…ทั้งหมดนี้ก็ช่างเถอะ แต่กลับตบรางวัลอาหารที่เขาคีบให้ให้บ่าวรับใช้ ด้วยใบหน้ารังเกียจต่อหน้าเขาเนี่ยนะ! นี่เป็นการไม่ให้เกียรติเขาต่อหน้าทุกคน เขาเป็นหัวหน้าของตระกูลนี้ แล้วจะให้อดกลั้นไม่โมโหได้อย่างไร
มือที่เส้นเลือดปูดขึ้นมาเล็กน้อย ตบโต๊ะโดยไม่รู้ตัว “เจ้า…เจ้าลูกอกตัญญู!”
จี้ซวี่เหยาสอนเขาอย่างไรกัน!
ถงเหล่าตบโต๊ะและเหยียดกายลุกขึ้นด้วยความโมโห เขากำลังจะสั่งบ่าวรับใช้ให้ไปตามจี้ซวี่เหยามา ทว่าคิดไม่ถึงลุกขึ้นด้วยความรวดเร็ว ด้วยความไม่ทันระวังแขนเสื้อสะบัดโดนถ้วยบนโต๊ะ ถ้วยหมุนรอบโต๊ะหนึ่งรอบ แล้วตกลงบนพื้น เพล้ง ถ้วยแตกละเอียด!
พ่อบ้านไหวพริบดี ทันทีที่ถ้วยตกลงบนพื้น เกิดเสียงดัง เขายิ้มแล้วพูดคำมงคล “ซุ่ยๆ ผิงอัน[1] สุขสงบร่มเย็นทุกๆ ปี…” จากนั้นก็มีบ่าวรับใช้มาเก็บกวาดถ้วยที่แตกร้าวในทันที
ทั้งห้องโถง พวกบ่าวรับใช้ล้วนหวาดกลัว ความเหี้ยมโหดของนายท่าน ความเดือดดาลของนายท่านพวกเขาต่างรู้ดี
ถงจื่อจิ้งได้ยินเสียงถ้วยแตก เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ความเย้ยหยันเล็กน้อยที่ยากจะมองเห็นแปรเปลี่ยนเป็นหัวเราะเสียงดัง
เสียงหัวเราะนั้นมีความบ้าคลั่ง
หยุดหัวเราะ ถงจื่อจิ้งหยิบอาหารที่อยู่ใกล้ที่สุด โยนลงบนพื้นสุดแรง
“เคร้ง!” เสียงถ้วยแตกดังขึ้นอีกครั้ง
“เสียงนี้ช่างไพเราะจริงๆ” ถงจื่อจิ้งโยนถ้วย น้ำเสียงทุ้มต่ำ คล้ายเคลิบเคลิ้มไปกับมัน
หลังจากนั้น เขาลุกขึ้นแล้วหยิบถ้วยขึ้นมาอีกใบ พร้อมกับโยนอีกครั้ง
“เคร้งๆๆ” เสียงจานชามแตกติดต่อกันหลายครั้ง
ทุกครั้งที่ถงจื่อจิ้งโยนถ้วย เมื่อได้ยินเสียง ก็หัวเราะ เสียงหัวเราะจากเดิมที่บ้าคลั่งกลายเป็นบ้าระห่ำ
บนพื้นยุ่งเหยิงไปหมด พวกบ่าวรับใช้คุกเข่าลงโดยไม่รู้ตัว
หลังจากนั้น จานชามบนโต๊ะถูกโยนทิ้งจนหมด บนโต๊ะ บนพื้น กระจัดกระจายเต็มไปด้วยน้ำแกง ข้าวและอาหาร
“ถงผิง ถงอัน ไปหยิบถ้วยมาให้ข้า ข้าอยากได้ยินเสียงถ้วยแตก”
ถงผิงและถงอันมองหน้ากัน เดินออกไปด้วยความรีบเร่ง ไปหาถ้วยมาให้นาย
พี่เชียนเสวี่ยเคยบอกว่า ให้เขาไม่ต้องทนอีกต่อไป หากถงเหล่าทำเรื่องที่เขาไม่ชอบอีก ให้เขาใช้วิธีของตนจัดการ ไม่ต้องเป็นเต่าหดหัวแล้วโกรธเคือง
พี่เชียนเสวี่ยเคยบอกว่า หากถงเหล่ากล้าขังเขาอีก ก็ให้ทำลายประตูเสีย ต่อจากนี้ไม่กลับเรือนหลังนี้อีก
พี่เชียนเสวี่ยยังเคยบอกอีกว่า ชีวิตของเขาอยู่ในกำมือของตนเอง ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับถงเหล่า
ตั้งแต่ถงจื่อจิ้งโยนถ้วยใบแรก สีหน้าของถงเหล่าก็ตกตะลึงแล้ว
ไม่กล้าแม้แต่จะขยับ ทุกครั้งที่ถงจื่อจิ้งโยนถ้วยหนึ่งใบ หัวใจของเขาก็เต้นไปด้วย
ไม่ใช่ว่าเสียดาย ขอเพียงถงจื่อจิ้งมีความสุข ไม่ว่าจะเป็นภูเขาทองภูเขาเงิน เขาก็ให้ได้ทั้งนั้น
แต่ว่า การโยนถ้วย การฉีกผ้าสำหรับเขาแล้วคือปมในใจ คือความเกลียดชังที่ซ่อนอยู่ในใจ
แต่ละเสียงที่ดังก้อง ทำให้เขารู้สึกผิดอย่างมาก ทำให้เขาคิดถึงภาพในอดีตมากมาย…
เมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นถงจื่อจิ้งอายุเพียงห้าหกขวบ ถึงแม้ปกติจะไม่พูด แต่ว่า ทุกครั้งที่เขาไปหา ถงจื่อจิ้งก็จะโผเข้ากอดเขาด้วยความคิดถึง
ทั้งยังมีบางครั้ง ยังใช้เสียงที่เบายิ่งกว่ายุงร้องเรียกเขาว่าพ่อ
แต่ว่า เขามัวแต่รังเกียจที่ถงจื่อจิ้งพูดเสียงเบา รังเกียจที่ถงจื่อจิ้งเอาแต่เหม่อลอยทั้งวัน…
เวลานี้ เขาเสียใจยิ่งนัก
ด้านนอกเต็มไปด้วยเสียงกระบอกไม้ไผ่เผา ในเรือนตระกูลถงกลับเต็มไปด้วยเสียงถ้วยแตก
แน่นอนว่าอาหารค่ำของคืนส่งท้ายปีไม่ได้กิน ถงจื่อจิ้งโยนอาหารทั้งหมดบนโต๊ะทิ้งราวกับไม่มีผู้ใดอยู่ข้างๆ ทั้งยังให้ถงจั่นนำถ้วยทั้งหมดที่มีในจวนส่งไปให้เขาที่ห้อง คืนนี้เขาอยากได้ยินเพียงเสียงถ้วยแตกเท่านั้น
ถงจื่อจิ้งเดินสาวเท้าก้าวใหญ่ไปแล้ว ถงเหล่าอิดโรยขึ้นมาทันที “พ่อบ้าน จิ้งเอ๋อร์…จิ้งเอ๋อร์ อาการกำเริบอีกแล้วใช่หรือไม่ ส่งคนไปตามหนิงเหนียงจื่อมาตอนนี้ดีหรือไม่”
พ่อบ้านถงจนปัญญา พูดเกลี้ยกล่อม “นายท่าน เช่น…เช่นนี้ไม่ดีกระมัง คุณชายเพิ่งกลับมา วันนี้เป็นวันสิ้นปี”
คนสมัยโบราณให้ความสำคัญกับธรรมเนียมประเพณีอย่างมาก แม้จะมีคนป่วย หากเป็นคืนวันส่งท้ายปีจะไม่กินแม้แต่ยา เพื่อขอเริ่มต้นปีหน้าด้วยความสุขภาพที่แข็งแรงและสมปรารถนา
อีกทั้ง วันส่งท้ายปี วันนี้แม้แต่หมอยังไม่ออกมารักษาคนป่วย ยิ่งไปกว่านั้นคนที่นายท่านจะเชิญยังเป็นถึงฮูหยินของคนอื่น
ถงเหล่าย่อมรู้หลักการนี้ เสียงสั่นเทาเล็กน้อย “ถ้าเช่นนั้น…จะทำอย่างไรกับจิ้งเอ๋อร์ ปล่อยให้เขา…โยนถ้วยต่อไปเช่นนี้รึ”
เมื่อไม่มีความหวังก็จะไม่ผิดหวัง มนุษย์เป็นเช่นนี้เสมอ หากถงจื่อจิ้งเป็นเหมือนเมื่อก่อน ถงเหล่ายอมรับความจริงแล้ว เขาก็จะไม่เสียใจ แต่ว่า เมื่อครู่ถงจื่อจิ้งยังนั่งปกติอยู่ตรงนั้น ตอนที่แกะสลัก รอยยิ้มบนใบหน้าไม่อาจซ่อนเอาไว้ได้ สีหน้าและกิริยาท่าทางของเขา เห็นชัดว่าหายจากการป่วยแล้ว แต่ว่าเพราะเหตุใด เวลานี้ถึงกลับโยนถ้วยอีกครั้ง
ถึงแม้สีหน้าตอนที่เขาโยนถ้วย จะไม่ได้โง่เขลาเหมือนเมื่อก่อน…แต่ผู้ใดจะไปรู้ ขืนโยนถ้วยต่อไปเช่นนี้ โยนจนถึงวันพรุ่งนี้ เขาจะกลับมาเป็นเหมือนเมื่อก่อนหรือไม่
เรือนของถงจื่อจิ้งก้องไปด้วยเสียงถ้วยแตก ส่วนห้องของเขากลับปิดแน่น ไม่มีแสงสว่างเล็ดลอดแม้แต่น้อย
เมื่อกลับมาถึงห้อง ถงจื่อจิ้งนอนพิงบนตั่งไม้ ขัดงานแกะสลักชิ้นนั้น
คนที่โยนถ้วยกลับเป็นถงจั่น ส่วนถงผิงและถงอันรับผิดชอบทำเศษถ้วยเหล่านั้นให้ดังยิ่งขึ้น
“คุณชาย ไม่มีถ้วยแล้วขอรับ” เพื่อทำให้เสียงดังยิ่งขึ้น ทำให้คุณชายพอใจ ถงจั่นโยนถ้วยจนเหงื่อแตก
“ไปเอามาอีก” ถงจื่อจิ้งไม่แม้แต่จะเงยหน้า เอาแต่มองไม้แกะสลักในมือ แกะสลักด้วยความละเมียดละไม เวลานี้พอจะเห็นโครงของไม้แกะสลักนี้แล้ว
ถึงแม้จะพร่ามัวมาก แต่มั่นใจได้ว่าไม้แกะสลักนี้เป็นสตรี
ถงจั่นเช็ดเหงื่อ แล้วตอบ “คุณชายขอรับ ถ้วยในจวนถูกย้ายมาที่นี่จนหมดแล้ว ตอนนี้โยนจนแตกหมดแล้วขอรับ”
ถ้วยในจวนถูกโยนทิ้งจนหมด ไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้โรงครัวจะใช้อะไรใส่อาหารและข้าว แต่ว่า นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาต้องกังวล เป็นเรื่องที่ปู่ของเขา…พ่อบ้านถงต้องกังวล
“ในเมื่อไม่มีถ้วยแล้ว พวกเจ้าก็ออกไปเถอะ ข้าก็ฟังจนรำคาญแล้ว” หลังจากพูดจบเขาก็ดึงหูถงจั่นแล้วพูดกำชับ “ออกไปแล้วห้ามพูดแม้แต่คำเดียว หากให้ผู้อื่นรู้ว่าเจ้าเป็นคนโยนถ้วยพวกนี้ เจ้าน่าจะรู้ว่าผลลัพธ์ที่ตามมาเป็นเช่นไร”
ถงจื่อจิ้งปล่อยถงจั่น ถงจั่นคุกเข่าลงทันที ไม่สนใจว่าเศษถ้วยบนพื้นจะทิ่มแทงเข่าของตนหรือไม่
“คุณชาย ในเมื่อถงจั่นรับใช้ท่าน เช่นนั้นชีวิตนี้ย่อมเป็นคนของท่าน ชีวิตนี้จงรักภักดีต่อท่านเพียงผู้เดียว ไม่มีวันทรยศหักหลังขอรับ” ถงจั่นพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
[1] ซุ่ยๆ ผิงอัน แปลว่า สุขสงบร่มเย็นทุกๆ ปี คำว่าปี(岁)และแตกละเอียด(碎) ในภาษาจีนออกเสียงว่าซุ่ยเหมือนกัน พ่อบ้านถงแก้ไขสถานการณ์โดยการเล่นคำพ้องเสียง