ซินอี้หมิงมองดวงหน้าดุจหยกของเจี่ยนชิงโยว เขาไม่อยากอยู่ห่างจากนางอีกแล้ว
ซินอี้หมิงไม่ใช่คนหัวโบราณที่ยึดมั่นในจารีตประเพณี เมื่อได้รับการตอบรับจากเจี่ยนชิงโยว ยืนยันว่าคนตรงหน้าคือคนในดวงใจ จึงไม่ลังเลอีกต่อไปแล้ว เพื่อเจี่ยนชิงโยว เขาข่มความรักที่มีต่อนางมายาวนาน ท่ามกลางไอน้ำที่โอบล้อม ในที่สุดเขาก็ปลดปล่อยออกมา
เขากอดเจี่ยนชิงโยว ประทับจุมพิตของตนลงบนริมฝีปากของนาง ความรู้สึกทั้งหมดรินรดอยู่บนริมฝีปากอ่อนนุ่ม รู้สึกเพียงว่าไม่มีฟ้าสูงแผ่นดินต่ำอะไรทั้งนั้น มีเพียงความนุ่มนวลนั้นที่ทำให้เขาอยากจะหยุดอยู่ในที่แห่งนี้ที่สุด
นางไม่เคยอยู่ใกล้ชิดกับบุรุษเช่นนี้มาก่อน รวมถึงอ้อมกอดเมื่อคราวก่อน นั่นเป็นเพียงแค่การสัมผัสแล้วออกห่างเท่านั้น ทันใดนั้นเอง เจี่ยนชิงโยวยื่นมือออกไปด้วยความว้าวุ่นจะผลักซินอี้หมิงออก
ริมฝีปากของซินอี้หมิงเพียงสัมผัสริมฝีปากนุ่มนวลของนางเบาๆ เท่านั้น ถูกนางผลักออกด้วยความกระวนกระวาย ทว่าก็ถูกพละกำลังของเขาดึงให้กลับมาใกล้กันอีกครั้ง
เขาไม่คิดจะหยุดเพียงแค่นี้ จับมือของเจี่ยนชิงโยว น้ำเสียงของเขาสั่นเทา เปี่ยมไปด้วยความเสน่หา “ชิงโยว ข้ารักเจ้าจริงๆ คุณหนู…เจ้าน่าจะรู้กระมัง”
กล่าวจบ เขาประทับจุมพิตลงบนริมฝีปากนุ่มนวลนั้นด้วยความร้อนใจ บางทีมีเพียงอาศัยการสัมผัสแบบนี้เท่านั้นถึงจะทำให้เขามีความรู้สึกที่แท้จริง เขาแสดงความรักของตนด้วยความรรีบร้อน เตรียมความพร้อมทุกอย่าง ภายในใจของเขา นางสูงศักดิ์และบริสุทธิ์ ไม่อาจล่วงเกินได้ บางทีประเดี๋ยวนางอาจจะตบเขา หรือบางทีอาจจะด่าทอว่าเขาไร้มารยาทและไร้ยางอาย และบางทีนางอาจจะหันหลังเดินออกไปทันทีก็ย่อมได้
แต่ว่า นางเพียงยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น ปล่อยให้เขาตักตวงน้ำหวานในริมฝีปากของนาง
เขาสัมผัสได้ถึงความสั่นเทาเล็กน้อยของนาง ตอนที่นางถูกเขาจูบ
ความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย
เจี่ยนชิงโยวหลับตาลงช้าๆ นางเคยบอกกับท่านย่าแล้ว นางจะแต่งงานกับเขาเพียงผู้เดียว
นางไม่อยากทำเรื่องที่ขัดต่อใจตนเองอีก หากไม่มีวาสนาต่อกัน แม้จะไม่ได้แต่งงานกับเขาจริงๆ เช่นนั้นวันนี้ ชีวิตของนางก็จะได้รับการเติมเต็ม
เวลานี้ นางตัดสินใจแน่วแน่ หากไม่แต่งงานกับซินอี้หมิง นางก็ไม่มีวันแต่งงานกับชายใด หากไม่ขอเป็นกระเบื้องที่สมบูรณ์ เช่นนั้นนางจะมอบความบริสุทธิ์เอาไว้ให้เขา…
เจี่ยนชิงโยวที่ตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว มือสั่นเทาโอบเอวของซินอี้หมิงเอาไว้ ดวงหน้าของนางแดงระเรื่อ นางเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย นางคิดไม่ถึงว่า ในสายตาของซินอี้หมิงตนในตอนนี้งดงามเพียงใด สีหน้าที่ยากจะอธิบายด้วยคำพูด ทำให้ไม่ว่าบุรุษคนใดก็พร้อมที่จะบ้าคลั่ง
ดวงตายาวและแคบของซินอี้หมิงฉายความตกตะลึง ท่าทีของเขายิ่งอยู่ก็ยิ่งรีบร้อน ใคร่อยากจะดื่มด่ำร่างบางในอ้อมกอดทีละนิด กลืนกินนางทีละนิด ลิ้มลองรสชาติทั้งหมดของนาง ทุกจุด ทุกแห่ง ไม่พลาดแม้แต่น้อย บดขยี้นางจนแตกละเอียด กลายเป็นหนึ่งเดียวของเขา เข้าไปในร่างกายของเขา
จูบหนึ่ง ไม่อาจเติมเต็มความต้องการของซินอี้หมิงที่กำลังปะทุออกมาในเวลานี้ได้
รอบๆ เงียบสงัด คล้ายความเร่าร้อนได้หยุดสรรพสิ่งให้นิ่งงัน
บริเวณโดยรอบมีเพียงเสียงหายใจของทั้งสอง เสียงหัวใจที่เต้นแรง
“แขกท่านนี้ ต้องขออภัย ชั้นบนถูกเหมาแล้ว” เห็นคนยืนกรานจะบุกขึ้นไปชั้นบน อวิ๋นอิ๋นกำลังง่วนอยู่กับการทำบัญชี มั่วเชียนเสวี่ยยืนอยู่ตรงหัวบันไดขวางแขกที่มา
โชคดี แขกคนนั้นไม่ได้เป็นคนที่ดื้อดึง เมื่อได้ยินมั่วเชียนเสวี่ยกล่าวเช่นนั้น ก็หันหลังกลับไป เดินลงไปชั้นล่าง
เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น เจี่ยนชิงโยวดึงสติกลับมาจากแดนฝัน ผลักซินอี้หมิงทิ้ง นางมุทะลุเกินไปแล้ว ที่นี่คือที่ใด คือร้านอาหารของเชียนเสวี่ย นี่นางกำลังคิดอะไรอยู่
ซินอี้หมิงถูกผลักไส สีหน้าของเขานิ่งงันไปครู่หนึ่ง ดึงสติกลับมาจากความลุ่มหลง เห็นอาภรณ์ของเจี่ยนชิงโยวยุ่งเล็กน้อย จึงรีบหันหลังด้วยความกระอักกระอ่วน ภายในใจของเขาเปี่ยมไปด้วยความเศร้าและหงุดหงิด
โมโหจนใคร่อยากจะตบตัวเองหนึ่งที เขาเป็นอะไรไป เหตุใดเพิ่งเจอหน้าก็ทำเหมือนผู้มักในตัณหา
เจี่ยนชิงโยวมองแผ่นหลังของเขาที่นิ่งงันเล็กน้อย ดวงหน้าของนางฉายความกระอักกระอ่วน เม้มกัดริมฝีปาก ดวงหน้าของนางแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย ก้มหน้าลงจัดอาภรณ์ที่ไม่เป็นระเบียบ
นางเป็นคนฉลาด ตอนนี้นางเข้าใจเจตนาของมั่วเชียนเสวี่ยที่จัดเตรียมให้ได้เจอกันแล้ว นางไม่อาจทำลายความหวังดีของมั่วเชียนเสวี่ย เรื่องบางเรื่องนางจำเป็นต้องพูดให้กระจ่างชัดต่อหน้า
กระแอมไอ จัดผมเผ้า รู้สึกว่าจิตใจของตนสงบลงเล็กน้อยแล้ว เจี่ยนชิงโยวพูด “ท่าน…ท่านยังจะแต่งงานกับข้าหรือไม่”
เมื่อครู่ซินอี้หมิงสารภาพความในใจของเขาแล้ว บอกว่าชอบนางมาก ดังนั้น ตอนนี้นางอยากจะทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง
ซินอี้หมิงได้ยินเจี่ยนชิงโยวถามเช่นนี้ หันขวับกลับมาทันที “แน่นอน”
กล่าวจบ หยุดเงียบไปครู่หนึ่ง จดจ้องไปที่เจี่ยนชิงโยว พูดด้วยความลุ่มลึก “ได้ยินว่า ตระกูลของคุณหนูได้พูดคุยเรื่องงานแต่งกับตระกูลหนึ่งแล้ว ซึ่งก็คือ…ตระกูลวั่นแห่งเมืองชังโยว”
“ท่านยังได้ยินอะไรอีก” สีหน้าของเจี่ยนชิงโยวไม่ดีเท่าใดนัก หรือว่าสิ่งที่นางเปรยจะยังไม่ชัดมากพอ
“ได้ยินว่าหลังจากวันที่สิบห้าพวกท่านก็จะแลกของหมั้นหมาย” คำพูดของซินอี้หมิงเปี่ยมไปด้วยความเสียใจ
หลังจากหมั้นหมาย แลกสมุดผูกดวง งานแต่งงานก็จะกำหนดอย่างเป็นทางการ หากไม่มีกรณีพิเศษ ก็ไม่อาจกลับคำ
“ท่านคิดจะถอดใจเช่นนี้หรือ”
“ไม่…” เสียงนี้ซินอี้หมิงร้องตะโกนออกมาด้วยความปวดร้าว เขาปฏิเสธโดยไม่แม้แต่จะคิด เสียงนั้นรีบร้อน ไม่มีความสุขุมเฉกเช่นในยามปกติของเขาแม้แต่น้อย หากไม่มีวันนี้ เขาอาจจะยอมถอดใจ เพราะถึงอย่างไรเขาไปสืบมาแล้ว คุณชายตระกูลวั่นคนนั้นนิสัยดี และตัวเขาเองก็เคยพยายามมาหลายครั้งแล้ว
แต่ว่า บางสิ่งบางอย่างไม่อาจครอบครอง เมื่อได้ครอบครอง แม้จะต้องทิ้งชีวิตก็ไม่อาจยอมแพ้
รสจูบที่งดงามในวันนี้ เขาจะยอมแพ้อีกได้อย่างไร เขาจะยอมให้ผู้อื่นได้ไป…เช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด เพียงแค่คิด หน้าผากของเขาก็มีเส้นเลือดปูดนูนขึ้นมาแล้ว
“ชิงโยว คุณหนู…เชื่อข้าเถิด ข้าไม่มีวันยอมถอดใจจากคุณหนู” ซินอี้หมิงนึกขึ้นได้แล้ว เมื่อหลายวันก่อนเกาหลั่งเพิ่งสืบได้เรื่องหนึ่ง เดิมทีเขายังคงลังเลว่าจะหารือกับคุณชายใหญ่เจี่ยนให้ดีก่อนหรือไม่
ทว่า เส้นทางนั้น หากไม่มีความจำเป็นไม่อาจเลือกเดินได้ เพราะถึงอย่างไรตระกูลซินก็อยู่ในถิ่นของตระกูลเจี่ยน พูดได้รื่นหู ผู้ว่ามณฑลเทียนเซียงคือบิดาของเขา แต่มีผู้ใดบ้างที่ไม่รู้ว่าเจ้าของเมืองเทียนเซียงที่แท้จริง คือตระกูลเจี่ยนของพวกนาง
ตอนนี้ ไม่ลังเลแม้แต่น้อย แม้จะต้องฉีกหน้า คราวนี้ก็ต้องสู้ดูสักตั้ง
การตัดสินใจแน่วแน่ที่ฉายออกมาจากใบหน้าของซินอี้หมิง ทำให้เจี่ยนชิงโยวตกตะลึง
นางเงียบครู่หนึ่ง “ข้าขอร้องท่านย่าแล้ว ข้าบอกว่า…ว่า…ชีวิตนี้จะแต่งงานกับท่านเพียงผู้เดียว”
สถานการณ์พลิกผัน! ซินอี้หมิงตะลึงกับคำพูดของเจี่ยนชิงโยว เขาคิดไม่ถึงว่าชิงโยวรักเขามากเช่นเดียวกัน เวลานี้ เขารู้สึกว่าความหนักแน่นตลอดสองปีเป็นเรื่องที่คุ้มค่า
นางควรค่าให้เขาเฝ้ารอทั้งชีวิต
คำถามที่ถามออกไป เป็นน้ำเสียงที่ตึงเครียดและกังวล “เหล่าไท่จวินว่าเช่นไร”