มั่วเชียนเสวี่ยคลำๆ เตียงแล้วปีนขึ้นไปบนนั้นอย่างทุลักทุเล พอนอนลงคลุมโปงดีแล้วก็หลับตา เช็ดคราบน้ำตาที่หางตา พยายามควบคุมลมหายใจ ให้เป็นปกติเท่าที่จะทำได้ ดูเหมือนกำลังฝัน
เขาไม่อยากให้นางรู้ ไม่อยากให้นางเศร้าใจ นางเองจะทำให้ความหวังดีของเขาสูญเสียเปล่าได้อย่างไร
พิษของเขากำเริบมาตั้งนานแล้ว แต่เขากลับเลือกที่จะไม่บอกนาง
กลัวว่านางจะเป็นห่วง กลัวว่านางจะหนักใจ กลัวว่านางจะเอาแต่คอยเป็นห่วงเขาทั้งวัน
ไม่แปลกใจเลยที่คราวก่อนเขาให้ตั๋วเงินแก่นางถึงห้าแสนตำลึง บอกว่ามีเงินนี่อีกครึ่งชีวิตที่เหลือของนางก็ไม่ต้องเป็นกังวลอะไรอีกแล้ว โรงงานนั้นนางอยากจะเปิดต่อไปก็เปิด ไม่ต้องการแล้วก็ปิดลงได้
ที่แท้ เขาได้เตรียมทางรอดให้แก่นางไว้แล้ว
ประตูเปิดออก สายลมยามค่ำคืนพัดเข้ามา
ดูเหมือนว่าหนิงเซ่าชิงจะกลัวว่าลมจะทำให้นางสะดุ้งพอเข้ามาด้านในห้องก็รีบปิดประตูในทันที เดินไปที่ข้างๆ เตียงเบาๆ พลางจ้องมองไปที่นาง
มั่วเชียนเสวี่ยแข็งทื่อไปทั้งตัว กลัวว่าเขาจะรู้ว่านางตื่นแล้ว นางไม่รู้แล้วว่าควรจะควบคุมลมหายใจของตัวเองอย่างไร รู้เพียงต้องสูดลมหายใจเข้าลึกเท่าที่จะทำได้แล้วค่อยหายใจออก หายใจเข้า หายใจออก…
หนิงเซ่าชิงนั่งอยู่ที่หัวเตียงอยู่ครู่หนึ่ง ถอนหายใจแรง ช่วยนางจัดผ้าห่มให้ดี พลิกตัวนาง แล้วจึงนอนลงไปบนเตียงพลางห่มผ้า
มั่วเชียนเสวี่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป พลิกตัวแล้วน้ำตาก็ไหลรินออกมาอีกครั้ง
นางไม่กล้าขยับ ไม่กล้าสะอื้น จะเช็ดน้ำตาก็ยิ่งไม่กล้า เพราะกลัวว่าการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย จะทำให้หนิงเซ่าชิงรู้ตัว เพียงปล่อยให้น้ำตาไหลรินลงบนหมอนอย่างเงียบๆ
แค่ถอนหายใจ มือใหญ่ๆ ก็ยื่นออกมา โอบนางเข้าไปใกล้ จุมพิตไปที่คราบน้ำตาของนางอย่างอ่อนโยน
นางตื่นแล้ว เขาจะไม่รู้ได้อย่างไร เมื่อปิดบังนางไม่ได้ก็ทำได้เพียงปลอบโยนนาง…มีใครคนหนึ่งที่เป็นห่วงเขา รักเขา สงสารเขา เป็นความอบอุ่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขาแล้ว
มั่วเชียนเสวี่ยสะอื้นตอบออกไป.. ไม่ต้องอธิบายอะไรทั้งสิ้น ไม่ต้องมีคำพูดใดๆ
…..
เที่ยงคืนแล้ว ได้โอกาสไปเอายาพอดี
ชายชราประหลาดแซ่หวังคนนั้นรวบรวมปราณไว้ที่จุดตันเถียน ใช้พลั่ว เริ่มขุดรากของดอกไม้ประหลาดขึ้นมาแล้ว
ใช้เวลาเพียงครู่เดียว รากดอกไม้ประหลาดนั้นก็ถูกขุดขึ้นมา ชายชราประหลาดนั่นตัดรากนั่นอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็หยิบรากนั่นขึ้นมาอาบแสงจันทร์พลางมองดูอย่างมีความสุข จู่ๆ รากนั่นก็เปล่งประกายแสงสีทองออกมา
เขาพูดพึมพำด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ไม่เลว ไม่เลว! เหมือนจะเป็นของดี ประสิทธิภาพของยาดีมาก คุณชายใหญ่หนิงผู้นี้นับว่าโชคยังดี ใช้ยานี้รักษาโรคของเขาได้แน่นอน…”
ชายชราประหลาดพูดยังไม่ทันจบ ก็มีร่างคนพุ่งออกมาจากความมืดสองสามคน จะฉกยาไปจากมือของเขา
ชายชราแปลกประหลาดหันตัวหลบตามแรงโน้มถ่วง อีกฝั่งก็มีร่างเงาลอยมาอีกสองสามร่าง ต่อสู้กับคนกลุ่มแรกที่ออกมา
ชายชราประหลาดเห็นว่าทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างดุเดือด มือหนึ่งก็ถือรากดอกไม้ประหลาดสีทองเอาไว้ อีกมือหนึ่งก็ลูบเคราพลางหัวเราะ “พวกเจ้าต่อสู้กันไปเถิด ผู้เฒ่าคนนี้ไม่ขอร่วมต่อสู้ด้วย”
ด้านหลังก็มีคนกลุ่มใหญ่ตามมาทุกวัน ด้วยวรยุทธ์และความเป็นนักบวชเต๋าของเขา ไม่คิดว่านั่นเป็นสิ่งที่แปลกอะไร ก่อนหน้านี้เหตุผลที่ปรากฏตัวน้อย เป็นเพราะว่ายังไม่อยากไปวางแผน และก็กลัวว่าจะพลาดฤกษ์มงคลของการทานยาไป
ในขณะที่ชายชราพูดก็ได้เอารากสีทองนั้นใส่ไว้ในอก เสียงดัง ฉึก ลูกศรพุ่งออกมาจากที่มืด ทิศทางการยิงพุ่งไปที่รากสีทองนั้น
ชายชราประหลาดถอยไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันลูกศรอีกสามดอกก็พุ่งมาที่ใบหน้าของเขา อีกสามดอกพุ่งมาที่กลางตัว อีกสามดอกพุ่งไปที่ส่วนล่างของเขา
หากต้องการหลบเลี่ยงลูกศรทั้งเก้าดอกนี้มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ได้แต่รับมันเอาไว้อย่างเข้มแข็ง เขาเพียงถือรากไว้ในมือข้างเดียว ส่วนมือที่เหลือสุดท้ายก็แค่สามารถจัดการกับลูกศรสองดอกบนล่างได้เท่านั้น
หากเขาต้องการหลบเลี่ยงลูกศรทั้งเก้าดอกพร้อมๆ กัน ก็จำเป็นต้องโยนรากสีทองในมือทิ้งไป
ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น!
ก็มีคนผู้หนึ่งโผล่ออกมาจากความมืด ชักดาบออกมาขจัดลูกศร แล้วกระโดดขึ้นยิงลูกศรโจมตีกลับ
ทั้งสองคนต่อสู้กันอย่างชุลมุนในทันที
ชายชราประหลาดจัดการกับลูกธนูสองดอกนั่นได้แล้ว เขาหัวเราะเย้ยหยันชายชุดดำที่ยิงธนูมาคนนั้น ทั้งอยากเอารากทองมาไว้ในอก ที่ด้านข้างกลับมามีคนสองคนพุ่งเข้ามาปะทะกัน
ชายชราประหลาดใช้เพียงฝ่ามือเดียวจัดการ ผลีผลามรีบออกมาฉกยาเช่นนี้ คนผู้นี้ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วกระมัง
ชายชราประหลาดใช้ฝ่ามือผลักไปคนหนึ่ง และใช้ฝ่ามือตบไปที่หน้าผากของชายที่อยู่ด้านหลังอีกคนหนึ่ง
ภายใต้แสงจันทร์ เผยให้เห็นรอยยิ้มเล็กน้อยในดวงตาของชายคนนั้น
ชายชราประหลาดเห็นท่าไม่ดี รีบใช้ฝ่ามือผลักคนผู้นี้ออกไปอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม มันกลับสายไปเสียแล้ว
ชายในชุดดำผู้นั้นพ่นเลือดสีดำใส่รากสีทองนั่น ในเลือดมีพิษ หากมันโดนรากสีทองนั่น รากนั่นก็จะถูกทำลายทันที
ที่แท้ สิ่งที่คนกลุ่มนี้ต้องการไม่ใช่การมาแย่งชิงยาไป ทว่ากลับมาเพื่อทำลายมัน
ชายชราประหลาดตื่นตระหนกมาก มือหนึ่งชูรากดอกไม้ขึ้นสูง อีกมือหนึ่งเคลื่อนไหวสู้ต่อไป ฝ่ามือวายุกดเลือดดำนั่นไว้ ไม่นานละลองเลือดก็กระจายออกไปจากอกของเขา
ชายชราประหลาดดึงมือกลับมา ก็พบว่ารากดอกไม้ประหลาดยังมีแสงสีทองเปล่งประกายอยู่ หินก้อนใหญ่ที่อยู่ใจก็ร่วงลงสู่พื้น
อย่างไรก็ตาม เขาดีใจเร็วเกินไป
รากดอกไม้นั่นก็ยังมีละอองเลือดติดอยู่เล็กน้อย ในเวลาชั่วพริบตาเดียว แสงสีทองบนรากนั่นก็ได้หายไป เหี่ยวเฉาไปอย่างรวดเร็ว
คนที่ยิงธนูเหล่านั้น พอเห็นแสงสีทองมอดดับลงไป ก็ผิวปากเสียงดังกังวาน พลางถอยกลับไปในที่มืด
คนอื่นๆ พอได้ยินเสียงผิวปาก ก็ถอนกำลังกลับไปยังที่มืดเช่นกัน
ยาวิเศษของชายชราประหลาดถูกทำลาย เขาโมโหมาก จะปล่อยหัวหน้าคนร้ายเหล่านั้นไปได้อย่างไร จึงได้ติดตามไปอย่างรวดเร็ว
…..
ที่ท่าเรือชังโยว เฟิงอวี้เฉินแหงนหน้ามองไปที่ป่าเขาที่อยู่เบื้องหน้า
ความรู้สึกของเขาทะลุผ่านป่าเขานี้ไปยังหมู่บ้านเล็กๆ นั่นตั้งนานแล้ว
ใครจะไปคิดเล่าว่าบุตรีผู้มีเกียรติของท่านกั๋วกง จะถูกฉุดมาแต่งงานเพื่อสะเดาะเคราะห์ให้ชายขี้โรคในถิ่นทุรกันดารเช่นนี้
ใครจะไปคิดเล่าว่าสตรีผู้สูงส่งอันดับหนึ่งแห่งราชวงศ์ปัจจุบัน จะปรากฎตัวที่ร้านอาหารของท่าเรือเล็กๆ แห่งนี้ได้
พระอาทิตย์เพิ่งจะขึ้นในยามเช้า มีสองคนควบม้ามาจากที่ห่างไกล ชะลอความเร็ว สองคนที่นั่งอยู่ ชุดพลิ้วไหว คนหนึ่งชุดแดง คนหนึ่งเหลือง ดูสง่างามมากๆ
อย่างไรก็ตาม สองคนนั้นหาใช่บุรุษผู้แข็งแกร่ง หากแต่เป็นสตรี
กึก… ทันใดนั้นสตรีผู้โดดเด่นทั้งสองก็หวดม้า ตามหลังเฟิงอวี้เฉินมาอย่างรวดเร็ว หยุดม้า แล้วกระโดดลงมา กระบวนท่าเหล่านี้เสร็จสิ้นภายในหนึ่งลมหายใจ ท่วงท่างามสง่านัก
“คำนับคุณชายเฉิน” แม้ว่าสตรีสองคนนี้จะทำความเคารพ อย่างไรก็ตามใบหน้าของพวกนางกลับเย็นชา เต็มไปด้วยความกระวนกระวายใจ พลางรีบเอ่ยถาม”คุณชาย คุณหนูของพวกเราเล่า”
เฟิงอวี้เฉินไม่ได้หันกลับไปเพียงแต่ยิ้มเศร้า “คุณหนู…คุณหนูของพวกเจ้า…”
สตรีชุดแดงหนึ่งในสองคนนี้ดูกังวลใจมากขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นเฟิงอวี้เฉินเพียงเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มเศร้า พูดจาติดๆ ขัดๆ จึงได้ถามออกไปอย่างหมดความอดทน “คุณชาย ท่านก็บอกมาเถิด! จะให้บ่าวเป็นกังวลตายหรืออย่างไร!”
เฟิงอวี้เฉินหันหน้าไปหาก็ครานี้ เขาจ้องมองพวกนาง “ข้าพาพวกเจ้าไป แล้วพวกเจ้าก็จะรู้เอง” สตรีสองคนนี้อยู่รับใช้นางมาตั้งแต่เด็ก บางทีพอนางเห็นพวกนางก็อาจจะจำอะไรขึ้นมาได้บ้าง
คนผู้นั้นเป็นอาจารย์อะไร หมู่บ้านหวังจยาที่ได้ยินจากปากองครักษ์นั้น จนถึงตอนนี้เขาเองก็ยังไม่กล้าเข้าไปตรวจสอบเลย