เฟิงอวี้เฉินตื่นเต้นมาก แม้ว่าสายตาของมั่วเชียนเสวี่ยที่มองมายังตนเองจะแลดูเจ็บปวด แต่กลับมีความคุ้นเคย เขาอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกไป “เสวี่ยเอ๋อร์…เป็นเพราะพี่มาช้า…”
เขาเข้ามาอย่างรวดเร็ว ยื่นมือไปกางแขนออก จะโอบกอดนาง…
ร่างที่ควบคุมไม่ได้ของตนเองพุ่งเข้าไป…มั่วเชียนเสวี่ยวิตกกังวลอยู่ครู่หนึ่ง นางมิอาจควบคุมมือนั้นที่จู่ๆ ก็ผลักหนิงเซ่าชิงออกไป และมิอาจควบคุมฝีเท้านั้นที่นำพาร่างไปหาชายอื่นได้…
ยังดี ที่หนิงเซ่าชิงที่อยู่ด้านหลังดึงร่างนางที่ควบคุมไม่ได้กลับมาด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด พาตัวนางไปซ่อนไว้ด้านหลัง ส่งเสียงขู่ ใช้ฝ่ามือพุ่งออกไป
เฟิงอวี้เฉินมีสีหน้าที่เย็นชา พุ่งฝ่ามือเข้าปะทะตรงๆ
หนิงเซ่าชิงป้องกัน ‘ตนเอง’ พลางถอยหลัง เงาดำโผล่มาจากที่มืดซึ่งอยู่ไม่ไกลจากด้านหลังของหนิงเซ่าชิง รับฝ่ามือนี้ของ เฟิงอวี้เฉินเอาไว้
ด้านนอกประตูก็มีคนบุกเข้ามาสองคน พวกเขาก็คือองครักษ์สองคนที่ไปทานอาหารที่ร้านอาหารเมื่อไม่กี่วันก่อน
อาซานกับอาอู่วิ่งออกมา เตรียมรับมือกับทั้งสอง ทันใดนั้น กลางลานกว้างที่อยู่ด้านหลังห้อง ก็มีเสียงดาบเสียงมีดดังลอยมา…
ชูอีและสืออู่ที่อยู่ในห้องโถงก็ตามออกมาเช่นกัน สืออู่ชักดาบออกมา กำลังจะเข้าต่อสู้ แต่กลับถูกชูอีหยุดเอาไว้ พลางถอยมาด้านข้าง
ไฉ่สยาพุ่งออกมาจากด้านในห้อง แล้วยืนมึนงงอยู่กลางห้องโถง
หมิงเย่ว์ที่ได้ยินการเคลื่อนไหวดังมาจากลานด้านหน้าก็วิ่งเข้ามา แต่กลับถูกสายตาอันแหลมคมของหนีจื่อหยุดเอาไว้ และซ่อนตัวอยู่หลังประตู
ฉากนี้วุ่นวายมาก
“เจ้าไปให้พ้น…ปล่อยข้านะ…ให้ข้าไป…” ร่างนั้นที่อยู่ในอ้อมกอดของหนิงต่อสู้ ขัดขืนไม่หยุด
เฟิงอวี้เฉินต่อสู้กับคนชุดดำไปพลาง มองดูหนิงเซ่าชิงกับนางที่กำลังผลักเขาออกไปพลาง
เห็นการดิ้นรนขัดขืนของหญิงสาวผู้เป็นที่รักด้วยตาของตนเอง ได้ยินเสียงร้องให้ช่วย ทั้งยังตะโกนให้ปล่อย ในใจของเฟิงอวี้เฉินก็รู้สึกเจ็บปวดมาก “เสวี่ยเอ๋อร์ พี่ต้องช่วยเจ้าให้ได้…”
พูดจบ ก็จะถอยจากอิ่งซา เพื่อพุ่งเข้าไปเอาตัวมั่วเชียนเสวี่ยมา
เพียงแต่ เขาประเมินความแข็งแกร่งของอิ่งซาต่ำไป เขาสลัดอิ่งซาออกไปไม่ได้ง่ายๆ แม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บเพราะฝ่ามือของอิ่งซาแต่เขาก็ไม่ได้หลบเลี่ยงการตอบโต้ของอิ่งซาลย
ทำได้เพียงจ้องมองมั่วเชียนเสวี่ยถูกพาตัวไปอย่างช่วยอะไรไม่ได้
พอเขาหันกลับไปมองอีกครั้ง หนิงเซ่าชิงก็ได้อุ้มมั่วเขียนเสวี่ยเข้าไปด้านในห้องแล้ว
เฟิงอวี้เฉินเหมือนจะเป็นบ้า อ้ากกก… เขาพุ่งเข้าหาอิ่งซาที่อยู่เบื้องหน้าในทันที เขารู้ว่าเพียงแค่เอาชนะคนผู้นี้ได้ ถึงจะสามารถเข้าใกล้หนิงเซ่าชิงแล้วเอานางผู้เป็นที่รักกลับคืนมาได้
เสียงนั้นดังเหมือนเสียงสัตว์ร้ายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส มีความไม่เต็มใจ ความเกลียดชัง…ทั้งยังมี…ความรักอันลึกซึ้ง…
แน่นอนว่าความไม่เต็มใจ ความเกลียดชังนี้พุ่งตรงไปที่หนิงเซ่าชิง มีเพียงความรักอันลึกซึ้งเท่านั้นที่มอบให้เสวี่ยเอ๋อร์นางผู้เป็นที่รัก
หนิงเซ่าชิงขมวดคิ้วตั้งนานแล้ว ใบหน้าซีดขาวราวทะเลหมอกแห่งความริษยา เหมือนอสูรที่กำลังโกรธเกรี้ยว ยิ่งเหมือนความโกรธที่แทบหยุดหายใจ ซับซ้อนสับสนสุดขีดอยู่ชั่วขณะหนึ่ง
เขาไม่สนความวุ่นวายที่กลางลานบ้าน และไม่สนการขัดขืนของนาง เขารวบมือของนางเอาไว้พลางอุ้มนางถอยกลับเข้าไปในห้องโถง
เสียงขู่นั่น ทำให้บ่าของเขาแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม มิอาจหยุดฝีเท้าของเขาได้
กลางห้องโถง ทั้งสองจ้องมองกัน สายตาที่ห่างเหินเหมือนคนแปลกหน้าของมั่วเชียนเสวี่ย ทำให้หนิงเซ่าชิงกระวนกระวายใจอย่างอธิบายไม่ได้
“เจ้าปล่อยข้านะ…ข้าจะไปหาท่านพี่…”
เมื่อมองไปยังคนที่พูดจะสะเปะสะปะที่อยู่ในอ้อมกอด คนที่อยากจะผลักเขาออกไป หนิงเซ่าชิงก็รู้สึกเจ็บปวดที่หัวใจเกินจะทานทน
หรือว่าพอนางจำอดีตได้ นางก็ลืมเขาไปเสียแล้ว เขาในเวลานี้ ไม่ได้รู้สึกเสียใจ และไม่ได้โกรธ มีเพียงความกลัวที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเขามาก่อน
เสียงของเขาสั่นเล็กน้อย ทว่าน้ำเสียงกลับหนักแน่น “เชียนเสวี่ย เชียนเสวี่ย เจ้าได้สติขึ้นมาสักทีเถิด ข้าคือเซ่าชิง…” แต่คำตอบที่เขาได้รับกลับเป็นประโยคเดิม “ปล่อยข้านะ…”
ความกลัวจากก้นบึ้งของหัวใจเข้าครอบงำหนิงเซ่าชิง เขาปิดปากนางพลางโอบกอดนางเอาไว้แน่นมาก
เขาไม่กล้ามองดูดวงตาคู่นั้นของนาง ดวงตาคู่นั้นไม่มีเยื่อใยให้เขาแม้แต่น้อย ราวกับว่าไม่เคยรู้จักเขาเลย…ถึงแม้ใจเขาจะเจ็บและกลัว แต่เขาก็ยังคงพูดปลอบโยนนาง “เชียนเสวี่ย ไม่ต้องกลัว! แม้ว่าเจ้าจะไม่มีท่านพ่อท่านแม่แล้ว แต่ว่าเจ้าก็ยังมีข้าอยู่ ข้าจะไม่มีวันจากเจ้าไปไหน”
ความจริงในขณะเดียวกันกับที่ปลอบโยนนาง ไหนเลยจะไม่ใช่การปลอบใจตนเองด้วย เขานึกถึงตอนที่นางผลักเขาออกไป เขาเห็นนางเอื้อมมือไปหาบุรุษอีกคน เขาได้ยินเสียงนางที่เอาแต่ร้องเรียกท่านพี่…
ดวงตาของหนิงเซ่าชิงแดงก่ำในทันที สะอึกสะอื้นในลำคอ เรื่องที่เป็นกังวลเมื่อวานนี้ ในที่สุดวันนี้มันก็มาถึง นางคือภรรยาของเขา ใครก็จะมาพาไปไม่ได้!
ถึงแม้จะเป็นบุตรีของท่านกั๋วกงแล้วอย่างไร และถึงแม้จะเคยมีคู่หมั้นมาก่อนก็ตาม ใครก็ห้ามมาพรากพวกเขาออกจากกัน…
ทว่า หากจากนี้ไปนางลืมตนเอง นางไม่ต้องการตนเองแล้ว เขาควรทำเช่นไร…
ไม่! เป็นไปไม่ได้! ไม่มีทาง!
ทันทีที่ความคิดที่บั่นทอนจิตใจเช่นนี้ผุดออกมาหนิงเซ่าชิงก็ตื่นตระหนก เขารู้สึกหนาวเย็นตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่!
เป็นเพราะนางได้รับการกระตุ้นเป็นแน่ เชียนเสวี่ยกำลังสติเลอะเลือน…นางไม่รู้ว่าตนเองกำลังพูดอะไรอยู่ และไม่รู้ว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่…
นางจะดีขึ้น จะต้องต้องดีขึ้น!
หนิงเซ่าชิงกลั้นน้ำตาที่กำลังจะเอ่อล้นออกมาจากดวงตาแดงๆ นี้ เอื้อมมือออกไปโน้มศีรษะของนางเข้าแนบที่อก น้ำเสียงที่เปล่งออกมาเป็นดั่งคำปลอบโยนและคำมั่นสัญญา “เชียนเสวี่ย ยังมีข้าอยู่นะ…” มั่วเชียนเสวี่ยที่อยู่กลางอากาศเห็นหนิงเซ่าชิงกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา โอบรัดหญิงสาวที่กำลังดื้นรนขัดขืนอยู่ จึงรีบพูด “เซ่าชิง…ข้าอยู่นี่ เซ่าชิง…”
ทว่า หนิงเซ่าชิงกลับมองไม่เห็นนางเลย ทั้งยังไม่ได้ยินนางอีกด้วย
มั่วเชียนเสวี่ยบ้าคลั่งอยู่กลางอากาศ เป็นครั้งแรกเลยที่รู้สึกไร้ประโยชน์เช่นนี้ และเป็นครั้งแรกเลยที่รู้สึกอยากกลับเข้าสู่ร่างเหมือนผีที่กระหายเลือด ร่างนี้ นางให้ใครไปอีกไม่ได้!
นางมีกระแสจิตที่แข็งแกร่ง หากนางให้ไปแล้ว หนิงเซ่าชิงก็จะสูญเสียนางไป และนางจะไม่มีวันได้เจอเขาอีก
นาง ขอ คัด ค้าน!
หลังจากความคิดมากมายวนเวียนไปมาอยู่ ความรู้สึกของนางก็กลับมา
รู้สึกได้ว่าร่างกายถูกหนิงเซ่าชิงโอบรัดไว้อย่างแน่นหนา ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าการโอบรัดนี้เป็นสิ่งที่หวานซึ้งที่สุดในโลก
ทิ้งแรงทั้งหมด พิงไปที่หน้าอก ร้องไห้กระซิกๆ ทั้งมีความสุข และเป็นทุกข์
คนที่อยู่ในอ้อมอกหยุดขัดขืน หนิงเซ่าชิงวางมือที่ลูบหัวลง แล้วจ้องหน้าประสานตากันกับนาง
ในที่สุด ก็พบความอบอุ่นอันคุ้นเคยในดวงตาคู่นั้น ทันใดนั้นความหนักอึ้งในหัวใจก็ได้ผ่อนลง หนิงเซ่าชิงประทับริมฝีปากลงสู่หน้าผากของนาง
ใจของมั่วเชียนเสวี่ยทั้งเจ็บและอบอุ่น ร่างกายกลับรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก ราวกับพลังทั้งหมดในร่างกายของนางถูกระบายออกไปในตอนนั้นจนหมดสิ้นแล้ว อ่อนแอไม่มีแรงเหลืออยู่เลย
มองไปที่ดวงตาที่แลดูเป็นกังวลของหนิงเซ่าชิง นางจึงอยากเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของเขา
มีเพียงการสูญเสียมันไปก่อน ถึงจะรู้ซึ้งถึงความสุขของการที่มีมันอยู่
พอเห็นความคุ้นเคยในดวงตาของนาง หนิงเซ่าชิงก็ปล่อยมือจากนางนานแล้ว เห็นนางยกมือที่สั่นเทาเล็กน้อยขึ้น เขาก็กุมมือนั่นมาไว้ตรงข้างริมฝีปาก แล้ววางไว้บนแก้ม “เสวี่ยเสวี่ย เจ้าเพิ่งจะทำให้ข้าอกสั่นขวัญแขวนไป”
น้ำเสียงของเขานุ่มนวลและอ่อนโยนขนาดนั้น ราวกับกลัวว่าจะปลุกนางฟ้าที่กำลังหลับให้ตื่นขึ้นมาจากฝัน
ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรัก เหมือนว่ามันจะแผ่ออกมาได้ตลอดเวลา
มั่วเชียนเสวี่ยน้ำตาไหลริน นางอยากบอกว่า…ขอโทษ! นางอยากบอกว่า…คนผู้นั้นไม่ใช่นาง นางอยากบอกว่า…จะไม่มีวันไปจากเขาเด็ดขาด ทว่าพอเปิดปากพูดก็ “ข้า…อึดอัดเหลือเกิน…”